มาทำความรู้จักกับกลุ่มคนที่เราจะพูดถึงกันก่อนดีกว่า คือ Why Generation หรือ Generation Y หรือ Gen Y แล้วแต่คนจะเรียกซึ่งความหมายเหมือนกันทั้งหมด คือ กลุ่มคนที่มีอายุอยู่ 23 – 38 ปี เป็นกลุ่มคนที่กำลังเพิ่มเริ่มทำงาน ซึ่งทำไมความคิดของคนกลุ่มนี้ถึงน่าสนใจจนผมต้องหยิบเอามาเขียนบทความเพราะกลุ่มคนพวกนี้เป็นกลุ่มคนที่กำลังจะเริ่มเข้าไปสู่วัยกลางคนที่กำลังจะเริ่มสร้างครอบครัว ความมั่นคง และเป็นกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจหลายๆอย่างรวมถึงสถาบันการเงินและธนาคารต่างๆที่ให้ความสนใจกับกลุ่มคนเหล่านี้มากเป็นพิเศษทำให้ผมอยากที่จะพาเพื่อนๆมาดูความคิดของคนกลุ่มนี้ คน Why Generation ว่าเขามีความคิดอย่างไร และมีพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างไร
คน Generation Y มีความคาดหวังอยากมีอะไรบ้างเมื่ออายุ 40 ขึ้นไป?
มาดูกันกับสิ่งที่คน Gen Y คิดอยากจะมีกันเมื่อตัวเองมีอายุถึงวัยกลางคน คือ มีอายุ 40 ปี ขึ้นไป ว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งของที่คนกลุ่มนี้ คนในวัย 23 – 38 อยากจะมีก็เป็นสิ่งที่เป็นความฝันของใครหลายๆคนรวมถึงตัวผมเองด้วยก็ คือ บ้าน รถยนต์ เงินเก็บเงินออม โดยคน Gen Y อยากมีบ้านเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 48% และอยากที่จะมีรถยนต์เป็นอันดับสองอยู่ที่ 22% และอยากที่จะมีเงินเก็บเงินออมอยู่ที่ 13% แต่เพื่อนๆรู้ไหมครับว่าสิ่งเหล่านี้ที่คน Gen Y อยากมีทั้ง 3 อย่างที่จัดอันดับเป็น 3 อย่างแรก กลับไม่ได้เป็นตามที่คน Gen Y คิดนะครับ ให้เพื่อนๆมาดูผลวิจัยของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ที่ได้จับมือกับ บริษัทไวซ์ไซท์ ที่เป็นผู้นำการให้บริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลด้านโซเชียล เพื่อศึกษาพฤติกรรมทางการเงินจากข้อมูลโซเชียลมีเดียของคน Gen Y ผ่านแคมเปญ ของมันต้องมี ก่อนอายุ 40 ปี ที่พบว่า คน Gen Y ที่สามารถทำตามความฝันความคิดตั้งแต่แรกได้คือการมีบ้านอยู่ 12% และมีรถยนต์ได้อยู่ที่ 10% และมีเงินเก็บเงินออมหรือสินทรัพย์อยู่ที่ 9 % และกลับมีสิ่งที่เรียกว่าของมันต้องมีที่ไม่ได้อยู่ใน 3 อย่างแรกที่อยากจะมีถึง 69%
และสิ่งของที่คน Gen Y เรียกว่าของมันต้องมีที่มีเปอร์เซ็นต์ สูงกว่าของที่ตั้งใจอยากจะมีจริงๆตั้งแต่แรกถึง 69% กันว่ามีอะไรบ้าง โดยของที่เรียกว่าของมันต้องมีก็จะได้แก่ โทรศัพท์ , เสื้อผ้า , เครื่องสำอาง , อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ , กระเป๋า , นาฬิกาเครื่องประดับ โดยมี เปอร์เซ็นต์ ดังนี้ โทรศัพท์ 22% เสื้อผ้า 11% เครื่องสำอาง 8% อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ 5% กระเป๋า 4% นาฬิกาเครื่องประดับ 2% โดยถ้าทำการคิดเป็นตัวเงินกับของพวกนี้ที่กลุ่มคน Gen Y ใช้รายได้ของตัวเองซื้อสิ่งของเหล่านี้ก็จะตกอยู่ที่ 95,518 บาท ต่อคน ต่อปี เลยทีเดียว ส่วนสาเหตุที่ทำให้คน Gen Y ต้องซื้อของพวกนี้ทั้งๆที่มีความฝัน อยากจะซื้อบ้าน ซื้อรถ หรืออยากจะมีเงินออมและทรัพย์สินมากกว่า นั้นก็เพราะซื้อตามเทรนด์และบางส่วนก็มองว่าของพวกนี้เป็นของจำเป็น ซึ่งการซื้อตาม เทรนด์ อยู่ 42% และมองว่าเป็นสิ่งของที่จำเป็น 37%
โซเชียลมีเดียมีผลต่อการใช้จ่ายของคน Gen Y อย่างไร?
และแน่นอนและว่าสาเหตุที่คน Gen Y ไปซื้อของที่เรียกว่า ของมันต้องมี ก็ได้บอกไปแล้วว่าเพราะเทรนด์ซึ่งก็มีอัตราที่มากกว่าการมองว่าเป็นสิ่งของที่จำเป็น ซึ่งเทรนด์นั้นก็มาจากโซเชียลมีเดีย มาดูกันดีกว่าว่าคน Gen Y นั้นมีการใช้โซเชียลเกี่ยวกับการใช้จ่ายอย่างไรบ้าง สิ่งแรกคน Gen Y ใช้โซเชียลมีเดียหาข้อมูลของสินค้าอยู่ที่ 54% เป็นการเจาะจงเข้าไปในโซเชียลเพราะมีความที่อยากจะได้สิ่งของนั้นอยู่แล้วจึงใช้โซเชียลเพื่อหาข้อมูล และ 37% คือ ถูกโฆษณาในโลกโซเชียลดึงดูดให้มีความอยากได้อยากมีระหว่างที่กำลังเล่นโซเชียลอยู่ และซื้อของตามผู้ที่มีอิทธิพลในโลกโซเชียล เช่น ดารา เน็ตไอดอลต่างๆอยู่ 49% และสิ่งที่น่าตกใจและน่ากังวลเป็นอย่างมากมาจากบทวิจัยบอกว่าคน Gen Y ส่วนใหญ่เหล่านี้กว่า 70% ไม่ได้ใช้เงินของตัวเองจริงๆในการซื้อของพวกนี้ แต่กลับใช้เงินที่ได้มาจากกู้สินเชื่อ จากบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด แทนซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากเพราะมันคือการสร้างหนี้ และมากกว่านั้น คือ คน Gen Y ภายในประเทศจำนวน 14.4 ล้านคน ครึ่งนึงคือ 7.2 ล้านคน มีหนี้ต่อหัวอยู่ที่ 423,000 บาท และใน ใน 7.2 ล้านคนมีประมาณ 20% หรือประมาณ 1.4 ล้านคน ที่มีการเบี้ยวหนี้ และนี้คือทั้งหมด ที่ทาง คุณพุทธศักดิ์ ตันติสุทธิเวท ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลบริษัทไวซ์ไซท์(ประเทศไทย) ค้นพบ จากการวิจัยของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ที่ได้จับมือกับ บริษัทไวซ์ไซท์ ที่เป็นผู้นำการให้บริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลด้านโซเชียล เพื่อศึกษาพฤติกรรมทางการเงินจากข้อมูลโซเชียลมีเดียของคน Gen Y ผ่านแคมเปญ ของมันต้องมี ก่อนอายุ 40 ปี บอก
คน Gen y จะมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงได้ต้องบริหารการเงินให้ดี
มีการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์บอกว่า ถ้าหากกลุ่มคน Gen Y นั้นมีการประหยัดลดครึ่งนึงจากการใช้จ่ายไปกับสิ่งของ ที่เรียกว่าของมันต้องมี คือ โทรศัพท์ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กระเป๋า นาฬิกาเครื่องประดับ และประกอบกับการที่มีการบริหารเงินที่ดีโดยเพิ่มไปที่เงินออมและการลงทุนให้ถูกที่ เชื่อว่า กลุ่มคน Gen Y จะสามารถมีเงินสะสมเพิ่มขึ้นได้ถึง 43,000 บาทต่อปีกันเลยที่เดียว ซึ่งเงินในจำนวนนี้เพื่อนๆสามารถที่จะนำไปต่อยอดในชีวิตได้อีกมากมาย และผมเชื่อว่าถ้าประกอบกับการบริหารเงินที่ดีอย่างที่นักวิเคราะห์บอก เพื่อนๆสามารถที่จะมีบ้าน มีรถยนต์ และมีเงินออมและทรัพย์สินตามความฝันได้แน่นอน
Merritt
ใช่เลยค่ะเรื่องนี้ตรงกับเราเพราะเราเป็น Gen y ซึ่งความใฝ่ฝันของเราตอนนี้ที่อยากมีมากที่สุดก่อนอายุ 40 ปี ก็คือเราอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะมีได้เพราะกำลังผ่อนรถอยู่ แต่ละเดือนหมดเงินไปกับจ่ายบัตรเครดิตด้วย เพราะเป็นคนชอบซื้อเครื่องประดับเเละเครื่องสำอางค์สงสัยคงต้องงดการซื้อลงเพื่อจะมีเงินเก็บมากขึ้น
วิชัย
คนรุ่นใหม่ยังไงก็ยังมีความคิดแบบเดิมๆนะผมว่าคือ ต้องมีทรัพย์สิน บ้าน รถ คนเมื่อก่อนก็คิดแบบนี้ต้องมีทรัพย์สินถึงจะเรียกว่ามั่นคงสำคัญเลยคือบ้านจะได้เอาไว้อยู่อาศัยตอนแก่เฒ่า แต่ตอนนี้การมีทรัพย์สินมันก็ยากนะครับอะไรก็ราคาขึ้น ใครที่ไม่มีก็เหนือ่ยหน่อยใครที่มีก็ต้องรักษาให้ดีอย่าขายหมดซะก่อนจะเดือดร้อน เพราะบางทีตัวเงินก็มามีอำนาจทำให้ขายที่ดินสำคัญๆไปได้
พายุ
คนรุ่นใหม่หรือคน gen y เพื่อที่จะสามารถตอบโจทย์ต่อการใช้ชีวิตของเขาได้ จำเป็นต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี หรือการใช้จ่ายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ง่ายขึ้น บทความนี้ทำให้เราเห็นถึงความคิดของคน gen y ว่าเมื่ออายุมากขึ้นแล้ว จำเป็นต้องมีสิ่งจำเป็นในชีวิตอะไรบ้าง เพื่อให้เห็นถึงความต้องการของคน gen y ในช่วงวัยนั้น
กนิษฐา
ไม่เคยรู้เลยนะเรื่องคน Gen Y เนี่ย พอมาดูสถิติแล้วน่าสนใจมากนะคะ ที่คนกลุ่มนี้ "มีสิ่งที่เรียกว่าของมันต้องมีที่ไม่ได้อยู่ใน 3 อย่างแรกที่อยากจะมีถึง 69%" ซึ่งก็คือ พวกเสื้อผ้า กระเป๋า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ จะว่าไปมันก็เป็นไปตามช่วงอายุนะ พออายุเริ่มมากขึ้นเราจะรู้สึกว่า "จะตามของพวกนี้ไปทำไม?" แล้วก็มาดคิดเรื่องเก็บเงินซึ่งมันอาจจะยากหน่อยค่ะ
ผุสวรรณ
คนแบบนี้ไม่ใช่แค่วัยรุ่นอย่างเดียวนะที่เป็น คนที่เรียกว่า Generation Y มันมีทุกวัยจริงๆ ยิ่งตอนนี้เทคโนโลยี่ มันเขา้ถึงได้ง่ายแบบนี้ พร้อมด้วยมีโฆษณาชวนเชื่อที่เข้าถึงเราได้ง่ายๆแบบนี้ ทุกวัยเลยละ อย่างลุงที่บ้านเราชอบมากเลยเรื่องแบบนี้ ตอนนี้เขาชอบหุนยนต์ดูดฝุ่น เวลาเจอหน้าเราทีเราก็จะบอกว่าของมันต้องโดนต้องมี เรานี่ไม่รู้จะพูดยังไงเลย
สายฟ้า
ค่อนข้างเห็นด้วยกับความคิดเห็นของคุณพายุครับ คน Gen y เนี่ยเกิดมาพร้อมความสะดวกสบายด้านเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามาก ยังไงๆก็หนีไม่พ้นความต้องการในเรื่องของความสะดวกสบายอยู่ดีไม่ว่าอะไรก็ตามแต่ ในอนาคตไม่แน่อาจจะมีรถเข็นที่สั่งได้ด้วยเสียงว่าจะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา หรือสามารถลอยได้ก็เป็นไปได้นะโลกของเทคโนโลยีอย่าประมาทไป
สายฟ้าพายุ
เดี๋ยวนี้คน GenY มีความสามารถเก่งๆกันเยอะครับ หาเงินกันได้ตั้งแต่อายุน้อยๆเลย ผมคิดว่าหลายคนสามารถทำเงินให้กับตัวเองได้เยอะเลยทีเดียว ผมว่าคนGenY หน่ะไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่หรอก พวกชน Gen x เนี่ยสิ.. .ตกงานกันระนาวเลย อีกอย่างใช้เทคโนโลยีก็ไม่ค่อยจะเป็น บอกได้เลยว่าเป็นอะไรที่น่าห่วงมากกว่า GenYอีก
หญิง
คน gen y มีความปรารถนาหรือความอยากได้ โดยมุ่งเน้นไปที่สิ่งแรกคือโทรศัพท์มือถือ เพราะเดี๋ยวนี้โทรศัพท์มือถือมีความสามารถมาก และมีความจำเป็นในชีวิตประจำวันทั้งการทำธุรกรรมการเงิน การทำงานก็สามารถใช้เป็นหลักได้แล้วโดยผ่านมือถือของตัวเอง โดยที่มองว่าความมั่นคงทางการมีชีวิตบ้าน รถ เงินเก็บ ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกๆอีกต่อไป
แนน
คนเจนวายไม่ค่อยคิดและวางแผนสำหรับอนาคตเท่าไหร่ค่ะ เพราะดูเหมือนว่าจะเน้นไปในเรื่องของการใช้เงินอย่างที่ได้รับโปรโมชั่นหรือได้รับส่วนลด แล้วเพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิตมากกว่า โดยไม่เห็นว่ามีโปรโมชั่นที่น่าสนใจจากบัตรเครดิต ก็จะลงมือใช้บริการอย่างเต็มที่โดยไม่ได้คิดวางแผนเกี่ยวกับการให้มีเงินเหลือเอาไว้ใช้เลยค่ะ
อิสรินทร์
>> แนน<< มาบอกแบบนี้ได้ยังไง ว่า คนเจนวายไม่ค่อยคิดและวางแผนสำหรับอนาคต แล้วบอกว่าเน้นเรื่องการใช้เงิน ถามหน่อยเถอะว่าเคยรู้จักคนกลุ่มนี้ดีแล้วเหรอ เขาทำงานหาเงินมีเงินเขาก็เอามาซื้อของที่เขาต้องการได้ เขาผิดด้วยเหรอ อย่างคุณละทำได้แบบเขาไหม ทำงานแล้วเก็บเงินซื้อรถซื้อบ้านภายในเวลาแค่ไม่กี่ปี ถ้าทำไม่ได้อย่าพูดดีกว่า
ไพรัช
ก้นึกว่าอะไร คิดว่าคนเป็นโรคซะอีก ที่ไหนได้ ก็คือ คนวัยรุ่น นั้นเอง ไม่น่าจะมาจั๋วหัวเรื่องให้งงแบบนี้เลยครับ ยุคสมันมันเปลี่ยนไปตามกระแสครับ วัยรุ่นเขาก็มีความคิดของเขาครับ พอเขาอายุเท่าเรา ช่วงนั้น บ้านเราคงเปลี่ยนไปเยอะแล้วละครับ น่าจะมีอะไรที่ทันสมัย เข้ามาเยอะกว่านี้แน่นอนครับ รับรองเลยว่ากลุ่มนี้ก็ไม่น่าจะตามทันครับ
Bruno
อ่านบทความนี้งง คือไม่ได้ งง กับเนื้อหานะครับ แต่งว่าตกลงผมอยากอยู่ในกลุ่มคน Gen Y หรือเปล่า เพราะอ่านบางคอมเม้นแล้วก็บอกว่า Gen Y นี้หมายถึงคนหลายๆช่วงอายุ ก็มีบางคอมเมนต์พูดว่าเป็นได้ทั้งวัยรุ่นแล้วก็ผู้ใหญ่ แล้วก็บางคอมเมนต์ยังพูดถึง genx ผมก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่เลยครับว่าสรุปแล้วเราจะต้องแยกยังไงว่าใครเป็นคนกลุ่มไหนกลุ่มไหน