เพื่อนๆเคยถามตัวเองบ้างมั้ยคะว่า ตัวเราเหมาะกับการเช่าบ้านหรือการซื้อบ้านเป็นของตัวเอง?  หลายคนเคยตั้งคำถามนี้หลายครั้งในชีวิต เพราะว่าทำงานมาหลายปี จ่ายค่าเช่าบ้านไปทุกเดือน ทุกปี รวมเงินที่จ่ายไปก็เป็นหลักแสนเลยทีเดียว ทำให้เริ่มรู้สึกเสียดายเงินที่จ่ายไป และเริ่มมีความคิดว่าจ่ายค่าเช่าไปเท่าไหร่บ้านก็ไม่ได้เป็นของเราอยู่ดี  ถ้าเราเปลี่ยนจากการเช่าบ้านมาเป็นซื้อบ้านเป็นของตัวเองจะดีกว่ามั้ย? ไม่ว่าจะจ่ายนานแค่ไหน ? จ่ายมากเท่าไหร่? ในที่สุดบ้านก็เป็นของเราน่าจะคุ้มค่ากว่า!

ส่วนคำตอบสำหรับคำถามนี้ ดิฉันคิดว่าคำตอบของเพื่อนๆแต่ละคนก็คงจะไม่เหมือนกันอย่างแน่นอนใช่มั้ยคะ? เพราะต่างคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง แต่ละคนมีความต้องการ และความจำเป็นที่ต่างกันด้วย และไม่มีใครตอบแทนคุณได้ดีเท่าตัวคุณเอง เพราะคุณคือคนที่รู้ดีที่สุด! ว่าตัวเองมีความต้องการแบบไหน ? มีความจำเป็นอะไรบ้าง? สถานการณ์ของคุณตอนนี้เป็นอย่างไร ? แล้วในอนาคตหล่ะจะเป็นแบบไหน?

การตัดสินใจทุกอย่างย่อมมีผลตามมาเสมอ บางคนตัดสินใจซื้อบ้านเพราะ เสียดายค่าเช่า ส่วนบางคนคิดว่าการมีบ้านคือความสำเร็จในชีวิต ตอนแรกๆอาจจะผ่อนไหว แต่พอนานๆไป รายได้เริ่มชักหน้าไม่ถึงหลัง เริ่มค้างจ่าย จนในที่สุดจำใจต้องขาย เพราะก่อนซื้อบ้านไม่ได้เช็คให้แน่ใจว่า ตัวเองเหมาะกับการเช่าหรือซื้อบ้านกันแน่ !

ในบทความนี้ดิฉันได้หาข้อมูลมาฝากเพื่อนๆ ให้ได้เช็คตัวเองเพื่อความแน่ใจว่า ตัวของเพื่อนๆเองเป็นคนที่ เหมาะกับการเช่าบ้านอยู่ หรือว่าเหมาะกับการซื้อบ้านเป็นของตัวเอง เพื่อจะไม่ต้องรู้สึกเสียใจทีหลังค่ะ วิธีเช็คตัวเองที่ดิฉันนำมาฝาก เพื่อนๆสามารถทำได้ง่ายๆค่ะ โดยเริ่มจากการดู นิสัยของตัวเอง , งานอาชีพ ,แผนการในอนาคต , ค่าใช้จ่าย ดิฉันหวังว่า ถ้าเพื่อนๆได้อ่านแล้วเอาไปสำรวจกับตัวเองย่อมได้คำตอบเหมาะสมที่สุดอย่างแน่นอนค่ะขอเพื่อนๆลองอ่านและเช็คตัวเองไปพร้อมกันทีละข้อนะคะ โดยเริ่มจาก นิสัยของตัวเองก่อนค่ะ

นิสัยของตัวเอง

นิสัยของตัวเอง

นิสัยส่วนตัวของเพื่อนๆเป็นอย่างไรกันบ้างคะ? นิสัยส่วนตัว สามารถบ่งบอกอะไรได้หลายอย่างเกี่ยวกับตัวเรา ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต และนิสัยยังมีผลกระทบต่อการตัดสินใจในเรื่องต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก หรือเรื่องใหญ่ก็ตาม และทุกการตัดสินใจย่อมมีผลตามมาเสมอ ในบทความนี้ดิฉัน อยากชวนเพื่อนๆเช็คดูนิสัยของตัวเองว่า มีอะไรบ้างที่บ่งบอกได้ว่าเราควรจะเช่าบ้านอยู่ดีที่สุด!

  • เป็นคนอยู่ไม่เป็นที่ อยู่ที่เดิมนานๆ ไม่ได้ เป็นคนเบื่อง่าย ไม่ชอบอะไรที่ซ้ำซาก จำเจ ชอบหาสิ่งใหม่ๆที่ทำให้รู้สึก ตื่นตา ตื่นใจให้กับตัวเองตลอดเวลา และเป็นคนที่ชอบเดินทาง ถ้าเพื่อนๆเช็คแล้วพบว่าตัวเองมีแนวโน้มเป็นคนที่มีนิสัยเป็นแบบนี้ คำตอบที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณก็คือ เช่าบ้านดีกว่า เพราะจะทำให้ไปไหนมาไหนได้ง่ายกว่า สะดวกกว่า สามารถย้ายไปอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ตามความพอใจ ไม่ต้องมีภาระ   -  ไม่ชอบซ่อมแซมดูแลและตกแต่งบ้านเอง  ส่วนใหญ่บ้านเช่าที่มีราคาสูง เจ้าของบ้านจะมีเฟอร์นิเจอร์ให้พอสมควร มีการซ่อมแซมดูแลก่อนย้ายเข้าไปอยู่ เมื่ออยู่แล้วไม่ว่ามีปัญหาเกิดขึ้น เกี่ยวกับระบบน้ำประปา ระบบไฟฟ้า หรือแอร์มีปัญหา เจ้าของบ้านจะคอยจัดการ ดูแลให้อยู่แล้ว ส่วนเรามีหน้าที่เพียงแต่จ่ายค่าเช่าเท่านั้นไม่ต้องวุ่นวายตามช่างด้วยตัวเอง

คุณเหมาะกับการซื้อบ้านเป็นของตัวเองถ้าคุณมีความต้องการ…

  • อยากมีบ้านเป็นของตัวเองจริงๆ และอยากตกแต่ง และออกแบบบ้านในสไตล์ของตัวเอง อยากอยู่กับที่ตั้งใจจะอยู่ในบ้านหลังนี้ตลอดไป ไม่ชอบการย้ายบ่อยๆ เมื่อจ่ายเงินไปกับการอยู่อาศัย ก็อยากได้กรรมสิทธิ์เป็นของตัวเอง ถึงแม้การผ่อนบ้านในแต่ละเดือนจะแพงกว่าค่าเช่าก็ตาม
  • ต้องการลดหย่อนภาษี รายจ่ายสำหรับการผ่อนบ้านสามารถนำมาใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ถึง 10% ของราคาบ้าน และลดหย่อนภาษีได้นานถึง 5 ปี  ซึ่งช่วยลดภาระในการเสียภาษีในแต่ละปีได้มากเลยทีเดียว.

งานอาชีพ

งานอาชีพ

งานอาชีพ เป็นปัจจัยหลักๆที่สามารถบ่งบอกได้ว่า เราเหมาะกับการเช่าบ้านหรือซื้อบ้าน ลักษณะของงานอาชีพเราเป็นแบบไหน?  เราเป็นพนักงานออฟฟิศมีเงินเดือนประจำ หรือว่าทำงานค้าขายรายได้ไม่นอน หรือทำงานฟรีแลนซ์มีงานบ้าง ไม่มีบ้าง ทำธุรกิจของตัวเอง ลักษณะงานที่ทำต้องเดินทางบ่อยๆไหม ถ้าเราพึ่งเริ่มทำงานได้ไม่นาน รายได้ไม่มากพอ และไม่แน่ใจว่าจะทำงานที่เดิมได้นานแค่ไหนหรือทำงานที่รายได้ไม่ค่อยแน่นอนและมีหนี้ ต้องผ่อนหลายอย่าง ถ้าลักษณะงานอาชีพของเพื่อนๆเป็นแบบนี้ตลอดในช่วง 5 ปีมานี้ สิ่งนี้ก็ช่วยเราตัดสินใจได้ว่า ต้องเช่าบ้านไปก่อนค่ะถ้าอยากมีบ้านก็ต้องรอให้งานอาชีพ และรายได้มั่นคงมากกว่านี้ก่อน เพื่อจะไม่มีภาระหนักมากเกินไป

สำหรับบางคนที่มีอาชีพการงานที่มั่นคง ทำมานานเป็น 10 ปี รายได้ค่อนข้างเยอะ ค่าใช่จ่ายต่อเดือนไม่มาก มีเงินเก็บพอสมควรโดยที่ไม่มีภาระเรื่องหนี้สินการซื้อบ้านเป็นของตัวเองถือได้ว่า เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดและเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆค่ะ.

แผนการในอนาคต

แผนการในอนาคต

โดยส่วนใหญ่แล้วคนเรามักจะมีแผนการในอนาคตเอาไว้ล่วงหน้าหลังจากที่เราเรียนจบแล้ว หลายคนเมื่อเรียนจบได้ทำงานก็เริ่มคิดถึงการสร้างอนาคตของตัวเอง บางคนวางแผนเก็บเงินที่จะซื้อรถ ส่วนบางคนก็วางแผนที่จะซื้อบ้าน และหลังจากนั้นก็วางแผนจะแต่งงาน ส่วนบางคนวางแผนให้รางวัลกับตัวเองโดยเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศ อนาคตคือสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น?  แผนการที่เราวางเอาไว้จะสำเร็จหรือเปล่า? โดยเฉพาะการวางแผนซื้อบ้านซึ่งต้องใช้เวลาที่ค่อนข้างนาน มีค่าใช้จ่ายที่สูง คุณต้องพร้อมที่จะรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้ด้วย

ถ้าแผนการในอนาคตของคุณชัดเจนแล้ว และไม่คิดจะย้ายไปอยู่ที่ไหนอีก ตั้งใจเอาไว้ว่าจะอยู่ในบ้านหลังนี้ตลอดไป งานที่ทำมั่นคงดี สามารถทำได้จนถึงวัยเกษียณ การซื้อบ้านเป็นของตัวเองน่าจะเหมาะกับคุณ! สิ่งที่คุณสามารถทำได้หลังจากรู้แผนการในอนาคตแล้วก็เริ่มลงมือทำตามแผนที่วางไว้ เก็บเงิน มองหาบ้านที่ต้องการและถูกใจ ในราคาที่รับได้ อยู่ในทำเลที่เหมาะสมเดินทางสะดวกสบาย และปลอดภัย เริ่มหาสินเชื่อเพื่อผ่อนบ้านต่อไป

แต่สำหรับเพื่อนๆบางคนที่ ยังไม่รู้ว่าแผนการในอนาคตจะเป็นอย่างไร? งานที่ทำสามารถทำได้ตลอดไปหรือเปล่า? หรือจะต้องย้ายที่ทำงานใหม่ หรือยังมีแผนอยากเที่ยวรอบโลกและอยากเรียนต่อ ซึ่งในความคิดยังไม่ชัดเจน อยากค้นหาตัวเองไปเรื่อยๆ หาประสบการณ์ใหม่ๆให้กับตัวเองอยู่ สิ่งนี้สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณยังไม่พร้อมจะลงหลักปักฐานหรืออยู่ที่ใดที่หนึ่งได้ สิ่งที่เหมาะสมกับคุณในตอนนี้ก็คือ เช่าบ้านไปก่อนรอจนกว่าเป้าหมายและแผนการในอนาคตจะแน่นอน ชัดเจน แล้วค่อยคิดถึงการซื้อบ้านต่อไป.

ค่าใช้จ่าย

ค่าใช้จ่าย

ไม่ว่าจะเช่าบ้าน หรือซื้อบ้าน ย่อมมีค่าใช้จ่ายด้วยกันทั้งนั้นและค่าใช้จ่ายนั้นก็แตกต่างกันด้วย ค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปให้ผลรับที่แตกต่างกันอีก การเช่าบ้านหลังหนึ่งมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ทำสัญญา คุณต้องจ่ายค่ามัดจำ ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าประกัน ถ้าเป็นบ้านเก่าที่ราคาถูกคุณต้องมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมดูแล อย่าลืมว่าการเช่าบ้านอยู่ ถือได้ว่าเป็นการซื้อเวลาเท่านั้น เพราะไม่ว่าคุณจะจ่ายเงินไปเท่าไหร่บ้านก็ไม่ได้เป็นของคุณอยู่ดี ถ้าคุณคิดถึงค่าใช้จ่ายในการเช่าบ้านในตอนแรก ไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินมาก หรือเงินก้อนใหญ่ ไม่ต้องกู้เงิน เพราะเราสามารถทำงานไป แล้วก็จ่ายไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องดอกเบี้ย เมื่ออยู่ไป ต้องเปลี่ยนที่ทำงาน หรือไม่อยากอยู่ต่อแล้วคุณก็สามารถย้ายไปเช่าที่ใหม่ได้ ส่วนค่าประกันก็ได้คืนถ้าอยู่ครบสัญญา จริงๆแล้วการเช่าบ้านอยู่ภาระในเรื่องค่าใช้จ่ายมีไม่มากเหมือนการมีบ้านเป็นของตัวเอง.

ส่วนค่าใช้จ่ายเมื่อมีบ้านเป็นของตัวเองตอนแรกๆ มีเยอะมากเริ่มตั้งแต่การทำสัญญา การจอง วางเงินดาวน์ การติดตั้งระบบไฟฟ้า น้ำประปา การตกแต่ง ซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน ซื้อแอร์ ของใช้ในครัว รวมกันแล้วต้องใช้เงินจำนวนหลักแสนแน่นอนว่า คุณต้องมีเงินก้อนสำหรับดาวน์บ้าน มีเงินสดสำหรับค่าใช้จ่ายเมื่อเริ่มเข้าไปอยู่ นั่นหมายความว่าคุณต้องซื้อทุกอย่าง ทุกเดือนคุณต้องผ่อนกับทางธนาคารเมื่อผ่อนจบ ต้องมีค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ด้วย การมีบ้านเป็นของตัวเองจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าในตอนแรกเมื่อเทียบกับการเช่าบ้านแต่เมื่อผ่อนจบบ้านก็เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา ข้าวของทุกอย่างที่เราซื้อก็เป็นของเรา.

ตัดสินใจด้วยความรอบคอบ

ตัดสินใจด้วยความรอบคอบ

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า การตัดสินใจในทุกเรื่อง และทุกครั้ง ย่อมมีผลตามมาเสมอ และเราเองต้องยอมรับผลที่ตามมาจากการตัดสินใจของตัวเองให้ได้ด้วย โดยเฉพาะการตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆของชีวิตซึ่งจะทำให้มีผลต่อการการใช้ชีวิตของเราไปตลอดถ้าตัดสินอย่างรอบคอบชีวิตเราก็จะไม่ต้องเจอกับปัญหา แต่ถ้าตัดสินใจผิดพลาดไปแล้วเราอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ดังนั้น การตัดสินใจอย่างรอบคอบจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นมาก โดยเฉพาะกับคนที่คิดจะ ซื้อบ้าน การคิดที่จะมีบ้านเป็นของตัวเองเป็นสิ่งที่ดีมากเพราะทำให้การใช้ชีวิต และการทำงานในแต่ละวันมีความหมายเพราะเรามีความหวัง และเป้าหมายที่จะต้องทำให้สำเร็จ ทำให้เรามีสติในการใช้จ่ายรู้จักวางแผน ควบคุมรายรับ-รายจ่ายได้อย่างมีระบบ และมีวินัยกับตัวเอง

แต่ขอเพื่อนๆอย่าลืมว่า  อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน การตัดสินใจซื้อบ้านโดยที่ไม่พร้อม และไม่ได้เช็ค นิสัยของตัวเองให้ดีก่อนว่าเป็นคนแบบไหน ? เบื่อง่ายรึเปล่าหรือชอบอยู่ไม่เป็นที่  และยังไม่รู้ว่างานอาชีพจะเป็นอย่างไร? จะทำงานนั้นได้ตลอดไปหรือเปล่า? จะต้องย้ายที่ทำงานในเร็วๆนี้มั้ย ? ไม่รู้ว่าต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง? เพราะการซื้อบ้าน ถือได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตเลยนะคะ

การตัดสินใจจะต้องใช้ความระมัดระวัง และคิดให้รอบคอบก่อนเสมอ คิดถึงข้อดี - ข้อเสีย และผลที่จะตามมาด้วย แน่นอนว่าการเช็คตัวเองอย่างรอบคอบตามสภาพความเป็นจริง จะช่วยเราให้รู้ตัวเองว่า เราเหมาะกับการเช่าบ้านหรือซื้อบ้าน? เพื่อจะตัดสินใจได้อย่างที่ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง และต้องมาแบกรับภาระหนี้สินที่หนักอึ้งไปตลอดชีวิตค่ะ.