มีข้อมูลมาจากแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลมาว่าในปัจจุบัน ณ ตอนนี้ ภูเก็ต และ พัทยา เมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆของไทยกำลังแย่ และในพื้นที่ จังหวัดภูเก็ต และ ระแวกใกล้เคียง เช่น พังงา และ กระบี่ มีจำนวนของนักท่องเที่ยวที่สามารถสังเกตได้ชัดเจนเลยว่ามีจำนวนลดน้อยลงจริงๆ โดย เริ่มมีนักท่องเที่ยวลดน้อยลงตั้งแต่ที่มีเหตุการณ์เรือล่มในช่วงกลางปีพ.ศ. 2561 หรือ ใน ค.ส.2018 ทำให้ส่งผลกระทบยาวมาจนถึงในขณะนี้ และมีข้อมูลเพิ่มเติมมาจาก ATTA หรือ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว บอกมาว่า กรุ๊ปทัวร์ Top 10 มีการลดลงแทบทุกตลาด และ กลุ่มเครื่องบินเช่าเหมาลำ หรือ charter flight ที่มีการหยุดให้บริการในช่วงกลางปี 2561 ก็ไม่มีท่าทีว่าจะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ ทำให้เราขาดนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากที่นิยมใช้บริการ charter flight
และแค่นี้ยังไม่พอยังมีการประเมินมาจากแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อีกว่า การชะลอตัวของการจำนวนนักท่องเที่ยวนั้นจะมีการชะลอตัวยาวจนถึงช่วงไฮซีซั่นของปีนี้ ปี พ.ศ. 2562 ด้วย โดยนักท่องเที่ยวที่จะมีจำนวนลดลงก็จะมีนักท่องเที่ยวจากฝั่งยุโรป จากประเทศจีน และจากกลุ่มสแกนดิเนเวีย ที่ถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติก็จะมีการมาท่องเที่ยวในประเทศไทยและพักอยู่อาศัยถึง 1 เดือนกันเลยทีเดียว และประกอบกับที่ตอนนี้ประเทศไทยบ้านเราก็มีค่าเงินที่แข็งตัวทำให้เรื่องนี้เป็นประเด็นและมีผลในเรื่องการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วยเหมือนกัน พอๆกับที่ตอนนี้ เศรษฐกิจโลกกำลังแย่ด้วย
จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของไทยยังสะเทือน
มาดูกันว่าตอนนี้ประเทศไทยมีการจัดอันดับ เมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติมากที่สุดมี ที่ไหนบ้าง? โดยผมจะอ้างอิงจากข้อมูลจากการจัดอันดับของเมืองที่น่าท่องเที่ยวของโลกที่มี จังหวัดในประเทศไทย ติด 1 ใน 100 อยู่ด้วยกัน 3 จังหวัดได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และ พัทยา เป็น 3 จังหวัดที่ติดเมืองน่าท่องเที่ยวระดับโลก และ จังหวัดที่ผมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของไทยที่สะเทือน ก็จะเป็น จังหวัดภูเก็ต และมีการพ่วง จังหวัดใกล้เคียงที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยเหมือนกัน คือ กระบี่ และ พังงา มาดูกันว่า จังหวัดเหล่านี้ได้รับผลกระทบมากขนาดไหนถึงขั้นที่เรียกว่าสะเทือน โดยจากข้อมูลที่ผมหามา ก็จะพบว่า ในปัจจุบันผู้ประกอบต่างๆในจังหวัดภูเก็ตได้รับผลกระทบจากเรื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงอย่างหนัก
ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวหรือบริษัททัวร์ต่างๆ และ ผู้ประกอบการร้านอาหาร และโรงแรมก็ด้วย และโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมที่ ณ ตอนนี้ต้องงัดกลยุทธ์ ลดราคาค่าที่พักเพื่อแย่งลูกค้ากัน โดย โรงแรม 4 ดาวในภูเก็ตตอนนี้มีราคาค่าที่พัก ต่อคืนอยู่ 800-1200 บาทเองเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวและยังไม่พอ โรงแรมระดับ 5 ดาวก็เอากับเขาด้วยเหมือนกันในการลดราคาค่าที่พักเพื่อที่จะตีตลาดของโรงแรม 4 ดาว และเมื่อเป็นอย่างนี้ จังหวัดใกล้เคียงก็ต้องได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะในสมัยก่อนที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวภูเก็ตเป็นจำนวนมากทำให้โรงแรมภายในจังหวัดภูเก็ตมีให้บริการไม่พอทำให้นักท่องเที่ยวล้นไปจังหวัดข้างเคียงอย่าง กระบี่ และ พังงา แต่ตอนนี้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ขนาดในภูเก็ตยังต้องลดราคาแย่งกัน และจังหวัดใกล้เคียงก็ไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีนักท่องเที่ยวไหม และนอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการโรงแรมติดป้ายประกาศขายโรงแรมและรีสอร์ทมากมายในภูเก็ต โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการโรงแรมและรีสอร์รายเล็กๆเพราะเนื่องมาจากจำนวนลูกที่น้อยทำให้ไม่สามารถที่จะแบกต้นทุนในการเปิดให้บริการไหว
นักท่องเที่ยวชาวจีนและนักท่องเที่ยวลักษณะ กรุ๊ปทัวร์จีนลดลง
เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) นาย สุรวัช อัครวรมาสและ อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ได้พูดกับ ประชาชาติธุรกิจ ว่า ตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีน ตอนนี้ในปัจจุบัน ได้มีการชะลอตัวทั้งระบบ โดยสาเหตุหลักของปัญหานี้ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นลักษณะกรุ๊ปทัวร์ได้หายไปก็มาจาก การปิดให้บริการของสายการบิน charter flight ที่เป็นกลุ่มเครื่องบินเช่าเหมาลำ ที่ได้รับความนิยมจาก กรุ๊ปทัวร์ชาวจีนเป็นอย่างมาก เพราะในสมัยก่อน สายการบิน charter flight ที่เป็นกลุ่มเครื่องบินเช่าเหมาลำ มีเส้นทางการบินตรงจากจีนเข้าจังหวัดท่องเที่ยวเลยอย่างภูเก็ต
และเนื่องจากในตอนนี้ สายการบิน charter flight ที่เป็นกลุ่มเครื่องบินเช่าเหมาลำ ได้ปิดให้บริการไปและก็ไม่ทีท่าว่าจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งตามปกติ ทำให้การวิเคราะห์ตลาดจีนยากพอสมควร เพราะตลาดจีนตอนนี้มีหลายปัจจัย ที่เข้ามากระทบกันนักท่องเที่ยวชาวจีน ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าในตอนนี้ก็ด้วยระหว่าง จีน กับ สหรัฐ และเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศจีนเองก็ด้วย และไหนตอนนี้ประเทศจีนยังมีการโปรโมตให้ท่องเที่ยวภายในประเทศจีนอีก
ผู้ประกอบการประกาศขายโรงแรม
ข้อมูลจาก นายจักรัตน์ เรืองรัตนาการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รัตนากรแอสเซท จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมในจังหวัดชลบุรี ภูเก็ต กระบี่ เกาะสมุย ให้ข้อมูลกับประชาชาติธุรกิจ ว่า ปีนี้ภาพรวมของธุรกิจโรงแรมนั้นบริหารเหนื่อยกว่าปีที่ผ่านๆมา โดยเฉพาะในเมือง พัทยา ซึ่งในช่วงเดือน มกราคม ปี 2562 เป็นต้นมาทัวร์จีนมีจำนวนลดลงอย่างน่าตกใจ หายไปมากกว่า 50% ทั้งในเรื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวและเรื่องการใช้จ่ายต่อคน และ ในช่วงสงการนต์ก็มีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอีกครึ่งนึงและมาในเดือน พฤษภาคม 2562 ก็มีจำนวนนักท่องเที่ยวหายไปอีกครั้ง และแนวโน้มนักท่องเที่ยวที่หายไปมากขึ้นเรื่อยๆก็จะเป็นเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน และในฝั่งทางด้านของนักท่องเที่ยวชาวยุโรปและสแกนดิเนเวียก็ได้มีจำนวนที่หายไปมากถึง 10 – 20% และเรื่องของเวลาการเที่ยวก็ใช้เวลาน้อยลง และเรื่องค่าใช้จ่ายต่อหัวก็ลดลงด้วยเช่นกัน
ซึ่งสาเหตุก็มาจากผลกระทบในเรื่องของ ค่าเงินบาทแข็งตัว และเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ส่วนในเรื่องของการบริหารธุรกิจโรงแรมในพัทยานั้นที่ นายจักรัตน์ เรืองรัตนาการ บอกว่าเหนื่อยกว่าปีที่ผ่านมา นั้นก็ เพราะจำนวนของโรงแรมในพัทยามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและไหนจะคอนโดและอพาร์ตเมนต์ที่ทำการปล่อยเช่ารายวันแข็งกับโรงแรมอีก และยังมีการแข่งขันแย่งลูกค้าโดยการตัดราคาค่าที่พักด้วย และนั้นทำให้เรื่องของต้นทุนค่าใช้จ่ายในธุรกิจโรงแรมมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากขึ้นทำให้ตอนนี้ มีผู้ประกอบการถึง 10 แห่ง ที่ทำการประกาศขายกิจการ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ประกอบการชาวไทย โรงแรม 3 ดาว และ 4 ดาว ซึ่งเหตุผลก็มีอยู่สองอย่าง คือ ติดภาระหนี้แบงค์จนต้องขายกิจการจะได้ไม่โดนยึด และ อีกเหตุผลก็ คือ กิจการไม่ได้รุ่งเรืองพอถูไถๆไปไดแต่อยากได้กำไรที่มากกว่าจึงตัดสินใจขาย
และมีข้อมูลมาเพิ่มเติมอีกจาก ผู้สื่อข่าว ประชาชาติธุรกิจ ที่หลังจากที่ทำการตรวจสอบเว็บไชต์ DotProperty.co.th ก็พบกับการประกาศขายโรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ และวิลล่า ในจังวัดภูเก็ตและในเมืองพัทยามากขึ้น โดย ข้อมูลมาจากวันที่ 24 มิถุนายน ในจังหวัดภูเก็ตได้มีการประกาศขายถึง 83 รายการ ซึ่งมีทุกขนาดตั้งแต่ขนาดเล็ก ราคา 25 ล้านบาท ไปจนถึง ขนาดใหญ่ ราคา 5,800 ล้านบาท โดยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่มีการประกาศลงขายมากที่สุดก็จะเป็น พื้นที่กะทู้ ถึง 47 รายการ ซึ่งในขณะเดียวกันที่เมืองพัทยาก็มีการประกาศขายด้วยเหมือนกัน ถึง 51 รายการ
ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการสะท้อนให้เห็นถึงสถานณการณ์การท่องเที่ยว
ช้อมูลจากนายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) บอกว่า ในช่วงไตรมาส ที่ 2 ปี 2562 หรือ Q2 นั้นมีดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการท่องเที่ยวอยู่ที่ระดับ 100 ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงสถารณ์การของการท่องเที่ยวว่าค่อนข้างที่จะทรงตัวนับจากปลายปี 2561 และมีการคาดการว่าใน Quarter2 หรือไตรมาสที่ 2 ปี 2562 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเที่ยวประเทศไทยถึง 9.09 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ 2.48% ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 9.70 ล้านคน ขยายตัวถึง 7% และใน Quarter3 หรือในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2562จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวมทั้งปีอยู่ที่ 40.06 ล้านคน เรียกว่าขยายตัว 4.65% และในจำนวนนักท่องเที่ยวขนาดนี้จะสามารถสร้างรายได้รวมแล้วราวๆ 2.13 ล้านล้านบาท
jane
คิดว่าถ้าสถานการณ์โควิดดีขึ้น คนก็น่าจะอยากไปเที่ยวกันมากขึ้นนะ เพราะแอบอึดอัดอ่ะ อยู่แต่บ้าน อีกอย่างธรรมชาติคงจะสวยมากเพราะในช่วงที่ไม่มีมนุษย์ มันได้รับการฟื้นฟูอย่างดี น้ำทะเลนี่ใสมาก เเทบไม่มีขยะให้เห็นเลย ก็น่าสนใจดีนะถ้าไปเที่ยวแล้วบรรยากาศดีๆไม่สกปรกหน่ะ สำหรับเราเราว่าธุรกิจท่องเที่ยวน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้
อดิศักดิ์
ก็เป็นผลกระทบที่ส่งผลต่อกันเลยค่ะ เพราะว่าถ้า เศรษฐกิจของระดับโลก ดีหรือแย่ส่งผลกระทบ ต่อประเทศไทยเราเหมือนกัน ถ้าเศรษฐกิจโลกดีผู้คนก็อยากจะใช้เงินในการมาท่องเที่ยวประเทศไทยใช่ไหมคะ แล้วถ้ามีเงินจับจ่ายใช้ดีก็มาใช้ในประเทศไทยเพื่อทำให้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย แต่ไม่เป็นอย่างนั้นอีกต่อไปค่ะ เพราะว่าคนก็หันไปมองอยู่กับประเทศที่มีค่าเงินถูกเพื่อท่องเที่ยวด้วยเหมือนกัน
สามารถ
เศรษฐกิจโลกเป็นอีกเศรษฐกิจแบบนึงที่ผมคิดไม่ออกเหมือนกันครับว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างไร บ่ได้อ่านบทความนี้แล้วก็เห็นว่าส่งผลกระทบจริงๆครับต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นต่อราคากันซื้อขายสิ่งที่เราใช้จำเป็นในชีวิตด้วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเราโดยตรงอีกต่างหาก เป็นเรื่องที่ยากมากครับที่จะแก้ไข
Pollapat
แสดงว่าเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของบ้านเรามันไม่ค่อยดีตั้งแต่ปีที่แล้วเหรอครับ พอมาเจอพิษโควิด-19 เข้าไปอีกยิ่งไปกันใหญ่เลย ตอนแรกผมก็คิดว่าที่เศรษฐกิจการท่องเที่ยวบ้านเราซบเซาเพราะพิษโควิด-19 เท่านั้นซะอีก ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าโรงแรมหรือรีสอร์ทบางแห่งปิดตัวลง อาจจะไม่ใช่เพราะโควิด-19อย่างเดียวแต่เป็นปัญหาสะสมมั้ยอะครับ
หงษ์ษา
ตอนนี้ทั้งโลก น่าจะเจอแบบเดียวกันหมดแล้วคะ เศษฐกิจ ลดลงไปตามๆกัน แสดงว่าบ้านเราก็ยิ่งได้รับผลกระทบตามไปอย่างมากด้วย ดูสิคะ ตอนนี้ภาคของการท่องเที่ยวเป็นยังไงบ้าง โรงแรมแถวที่เราอยู่ ตอนนี้ ก็ไม่มีรายได้เข้ามาเลยคะ หลายคนที่ทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ต่างก็ต้องหาอาชีพเสริมกันมากในช่วงนี้ ไปขับรถส่งของ ส่งอาหาร เยอะมากเลยตอนนี้
Snow
อ่านคอมเม้นท์ของหลายๆคนก็บอกว่าไม่คิดว่าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบอะไร และคิดว่าเศรษฐกิจของไทยยังไปได้สวยอยู่บ้าง ผมจะบอกเลยครับว่าเศรษฐกิจไทยแย่มากนานแล้ว ผมเองทำงานเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวผมเลยพูดได้เต็มปากว่าไม่ไม่ค่อยดีมานานมากแล้วครับ แล้วมาเจอโรคระบาดอีกก็คือจบไม่สวยครับ แล้วเศรษฐกิจโลกแย่ลงก็ต้องกระทบบ้านเราอยู่แล้ว เมื่อบ้านเขาการเงินไม่ดีเขาจะเอาเงินไหนมาเที่ยวบ้านเรา
เหลี่ยมเพ็ชร11
ถ้าอยากจะให้คนเที่ยวก็ต้องลดราคาลงหน่อยครับ ค่าที่พักค่าอาหาร ผู้ประกอบการต้องไม่คิดในราคาที่สูงเกินไป มันจะเป็นอะไรที่ทำให้คนอยากจะเที่ยวมากขึ้นถ้าราคาถูกลง อีกอย่างผมรู้สึกว่าผู้ประกอบการเองก็ต้องมีอะไรสักอย่างนึงเพื่อที่จะดึงดูดให้ลูกค้าไปเที่ยวด้วยนะครับ อย่างเช่นถ้าเป็นจังหวัดที่ติดใกล้ๆกับทะเล ก็ต้องโปรโมท เน้นอาหารทะเลที่สดสะอาดแล้วก็ราคาไม่แพงเกินไป ถ้าเป็นอย่างนั้นได้จริงๆคนก็ไปเที่ยวกันนะครับ
น้ำหวาน
ได้รับผลกระทบเหมือนกันนะคะสำหรับเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย บทความนี้ทำให้ได้รู้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆในโลกในประเทศไทย เป็นภูเก็ต กรุงเทพฯ พัทยา โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตส่งผลกระทบต่อทำงานแล้วก็กระบี่ด้วย ซึ่งสถานการณ์การท่องเที่ยวในตอนนี้ถือว่าหยุดชะงักไปเลย ถ้าเราได้ไปเที่ยวที่ภูเก็ตจะเห็นว่าเงียบมาก
ไผท
คุณ Snow ครับ อ่านคอมเม้นในบทความนี้หรือในบทความอื่นครับ ผมถึงกลับต้องไล่กลับไปอ่านคอมเม้นบนๆเลยนะครับ ผมไม่เห็นอ่านเจอเลยครับที่เม้นบอกว่าบ้านเราไม่ได้รับผลกระทบอะไร หรือว่าผมตาลายอ่านไม่ครบหรือเปล่า ยังไงขอโทษด้วยละกัน สายตาอาจไม่ดี แต่เชื่อเลยครับ ปีนี้ไปจนถึงปีหน้าบ้านเราได้รับผลกระทบเรื่องการท่องเที่ยวยาวแน่นอนครับ
แมน
บอกเลยว่าตอนนี้เศรษฐกิจโลกก็ย่ำแย่ลงมากกว่าแต่ก่อน ส่งผลทำให้เศรษฐกิจในประเทศไทยอย่างเช่นที่ภูเก็ตก็ได้รับผลกระทบในเรื่องของที่พักกันด้วยครับ เดี๋ยวนี้ธุรกิจประเภทโรงแรม 4 ดาวก็ลดราคาหรือจัดโปรโมชั่น ที่ถูกลงจุดนี้ก็คือ ช่วยให้คนที่ไปท่องเที่ยวประชาชนได้รับการบริการที่ดีขึ้นแต่ในราคาที่ถูกลงก็ถือว่าโอเคอยู่นะครับแบบนี้
ใจแอ้น
แย่ครับ...แย่มาก...บรรยากาศเปลี่ยนไปมากๆ ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวภูเก็ตช่วงโควิดระบาด แต่ไปก่อนที่จะระบาดหนักรอบสองนะ บอกเลยว่าเปลี่ยนไปเยอะ ตามหาดต่างๆคือร้านปิดหมด แม้แต่เซเว่นยังปิดอะคิดดู เงียบมาก จะว่าไปผมว่าธรรมชาติสวยขึ้น แต่คนทำงานอะเดือดร้อนเพราะไม่มีงานเลย ธุรกิจที่ยังไปได้ คือ ร้านอาหารเล็กๆเท่านั้น
..ม้านั่ง..
อ่านบทความนี้แล้วก็นึกถึงตอนที่มีข่าวออกมาว่าในส่วนของการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมากมายจนโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร และกิจการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต้องปิดตัวชั่วคราว น่าเสียใจมากเลยครับ คนตกงานกันเยอะมาก หลายคนลำบากมากเลยนะช่วงนั้น หวังว่าตอนนี้หลายๆที่ หลายๆกิจการจะดีขึ้นแล้วนะครับ ขอให้ดีขึ้นๆ
ขจรศักดิ์
พอการท่อที่ยวได้นับผลกระทบมันก็รามไปถึงกลุ่มธุรกิจต่างๆในบ้านของเราเป็นหางว่าวเลยครับ ยิ่งช่วงโควิดแบบนี้ชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้เหมือนเมื่อก่อน การท่องเที่ยวขาดรายได้ คนที่คอยให้บริการนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นพวกร้านอาหาร หรือแม้แต่พวกรถรับจ้างก็ได้รับผลกระทบไปหมดตอนนี้บางคนต้องกลับบ้านไปทำไรทำนากันแล้ว
ออกัส024
ธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกแย่ลง แม้แต่จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของบ้านเราก็ยังกระเทือนอย่างหนัก รวมไปถึงรถเช่า รถโดยสาร ร้านค้าและร้านอาหารที่ขายให้กับนักท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยไปกว่ากัน มาจนถึงตอนนี้ ผมหวังว่าทุกคนจะสามารถกลับมาทำงานกันได้เหมือนเดิมนะครับ
*NualpranG*
บทความนี้อาจจะเขียนมานานแล้ว เห็นบอกข้อมูลตั้งแต่พ.ศ. 2561 ว่าการท่องเที่ยวในบ้านเราก็เริ่มมีปัญหาละ อย่าว่าแต่ตอนนั้นเลยค่ะ ณ ตอนนี้ การท่องเที่ยวของบ้านเรามันดีขึ้นกว่าเดิมมากหรือยัง หรือว่ายังทรงๆอยู่ น่าเห็นใจผู้ประกอบกิจการทุกประเภทที่อิงกับนักท่องเที่ยวนะคะ พอเศรษฐกิจไม่ดีไม่มีคนมาเที่ยวก็แย่เลยค่ะ
(-:จับตา:-)
อยากให้ธุรกิจท่องเที่ยวในบ้านเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเร็วๆนะครับ มีนักท่องเที่ยวมามันก็ครึกครื้นดี คนที่ค้าขายหรือทำอาชีพอื่นๆที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวหรือว่าอิงจากนักท่องเที่ยวเป็นหลักจะได้มีงานมีเงิน ช่วงที่เศรษฐกิจแย่ๆตอนนั้นก็ได้รับผลกระทบกันเป็นวงกว้าง น่าเห็นใจมากครับ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าฟื้นตัวกันไปถึงไหนแล้ว