คุณก็เป็นนึงมั๊ย ที่อยากจะมีแบรนด์เป็นของตัวเอง!? แต่ในสมัยนี้ การสร้างแบรนด์ เพื่อให้เกิดการจดจำ ต้องใช้ทั้งเวลา เงินทุน และแรงของเรา เพื่อต่อสู้ทางด้านราคา และการขาย กับสินค้าที่ยังไม่มีแบรนด์ด้วยซ้ำ เพราะการสร้างแบรนด์สินค้าดีๆสักตัว มันไม่ได้เกิดขึ้นกันในช่วงเวลาแค่ข้ามคืน แต่ก็คุ้มกับการลงมือ เพราะผลที่เราจะได้รับกลับมา มันก็คุ้มค่ามาก และก็คุ้มกับการลงทุนที่ต้องการสร้างคุณค่าในระยะยาวอีกด้วย บทความนี้ จึงอยากจะชวนเรามาอยู่ในจุดนั้นกัน จุดที่แบรนด์ของเราจะเติบโตได้อย่างมั่นคงมีภาพลักษณ์ที่ดี เป็นที่รู้จัก และสร้างความอิ่มตัวอิ่มใจกับเราได้จริง มาดูกันเลย

สร้างความมั่นใจเพื่อสร้างคุณภาพ

สร้างความมั่นใจเพื่อสร้างคุณภาพ

การก้าวสู่การเป็นผู้นำทางการตลาด คือขั้นตอนเพื่อให้แบรนด์ของเราเป็นสิ่งที่คนจดจำได้ และมั่นใจในเรื่องคุณภาพ ทำให้ลูกค้าเก่าก็กลับมาซื้อซ้ำ และลูกค้าใหม่ๆ ก็ยังมีฐานที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งยอดขายที่เติบโตนั้น จะต้องตั้งอยู่บน ชื่อเสียงและความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพทั้งสินค้าและบริการ ถึงจะเป็นสิ่งที่ธุรกิจอื่นของคู่แข่ง ก็ก๊อปปี้เราไปไม่ได้. หากผู้คนชื่นชอบและมั่นใจในแบรนด์ของเรา ต่อให้คู่แข่งขายในราคาที่ถูกกว่า ก็ไม่สามารถแย่งฐานการซื้อไปได้ หรือถ้าเราต้องการขึ้นราคาสินค้าเล็กน้อยในเวลาต่อมา ยอดขายก็ยังไม่ตกฮวบฮาบ เพราะลูกค้าก็ยังมั่นใจในสินค้าและผลิตภัณฑ์อยู่ดี เมื่อมีคุณภาพที่อยู่ตัว เราก็ไม่ต้องกลัวการหั่นราคา หรือการลดราคาจากยี่ห้อคู่แข่งด้วย

ถ้าแบรนด์ของเราสร้างฐานความมั่นใจมาอย่างดี ยิ่งเวลาสินค้าล็อตใหม่คลอดออกมา กลุ่มลูกค้าก็ยังยินดีลองใช้ เพราะความมั่นใจในคุณภาพของแบรนด์ สร้างแรงจูงใจในการซื้อได้มากกว่า ทำให้เราสามารถลดต้นทุน แต่เพิ่มกำไร และไม่เพิ่มความเสี่ยงได้ในเวลาต่อๆมาด้วย. โดยเราสามารถต่อยอดผลิตภัณฑ์เพื่อกระจายแบรนด์ของเราออกสู่ท้องตลาดต่อไปได้ ด้วยการสร้างรากฐานที่ดีเรื่องคุณภาพ เป็นการสร้างฐานความสัมพันธ์ในแบบที่จับต้องได้ ทำให้ทั้งองค์กร หุ้นส่วนคู่ค้า ไปจนถึงลูกค้า ก็มีความผูกพันต่อกันได้ดีกว่า ย่อมเกิดผลดีในแง่ธุรกิจต่อไปอีกยาว ด้วยการเริ่มต้นที่คุณภาพ นั่นเอง

กำหนดกลุ่มเป้าหมายโดยศึกษาอย่างรอบคอบ

กำหนดกลุ่มเป้าหมายโดยศึกษาอย่างรอบคอบ

หากเราเคยคิดว่า ยอดขายแค่ทำได้เยอะๆก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องสนใจว่าขายกับใคร รึกลุ่มลูกค้าเป็นแบบไหน จริงๆแล้วมันไม่ถูกทาง! เพราะอันดับแรกในการสร้างแบรนด์ให้ออกมาดี มีการเติบโตอย่างมั่นคง เราต้องมองในเรื่องการกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ออกมาอย่างชัดเจน ในช่วงของอายุ อาชีพ ความชอบ รูปแบบการใช้ชีวิต และพื้นฐานในเรื่องครอบครัวและรายได้ไปด้วยยิ่งดี เพราะยิ่งเรารู้เยอะกว่า ก็จะเลือกการสร้างแบรนด์ได้ในแบบที่เหมาะสมกว่า เพื่อการสื่อสารออกไปได้ตรงใจผู้บริโภคที่สุดนั่นเอง

ในการศึกษากลุ่มลูกค้า ถ้าจะให้ดี ก็เขียนออกมาเลย ไม่ใช่แค่พันธกิจหรือสโลแกนของแบรนด์ แต่เป็นเรื่องของการย้ำเตือนให้ทั้งองค์กรของเรา และคู่ค้า ได้ทราบถึงความตั้งใจที่เรามีต่อตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์ เช่น ภาพที่สื่อสารวัฒนธรรมขององค์กร รูปแบบสินค้าที่เน้นคุณค่า รักษ์โลก หรือเน้นการบริการเป็นเลิศไปเลย เพื่อให้แบรนด์ของเราดูเป็นมืออาชีพ มีลักษณะของธุรกิจที่มีคุณค่า. โดยเราต้องไม่ลืมศึกษาแบรนด์ดีๆอื่น ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจน เป็นแบบอย่างด้วย ทั้งเรื่องมีการสื่อสารกับลูกค้า และผลการตอบรับจากลูกค้า เช่น ประกันชีวิตบางตัวก็เน้นเรื่องคุณค่าของชีวิต การรับฟังลูกค้า และไม่ทอดทิ้ง หรือบางแบรนด์ที่มีรูปแบบผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้ชีวิต ก็สร้างสีสันและความสนุกโดยมีโฆษณาที่ตลกและสร้างรอยยิ้ม เป็นต้น พอเราทราบแนวทางดีๆแบบนี้ ก็จะเข้าใจในธรรมชาติของกลุ่มลูกค้าตัวเอง และเข้าใจการบริหารงานมากขึ้น เพื่อให้แบรนด์ของเรามีจุดยืนที่โดดเด่นในท้องตลาด และมีจุดขายแตกต่างจากคู่แข่งไปด้วย

พัฒนาศักยภาพด้วยเรื่องของเวลา

พัฒนาศักยภาพด้วยเรื่องของเวลา

ภาพของธุรกิจในระยะยาวนั้น เราต้องกำหนดการพัฒนาในเรื่องศักยภาพขององค์กรไปด้วย ว่าในอีก 5 ปี หรือ 10 ปี จะทำให้ธุรกิจของเราขยายไปได้ถึงขั้นไหน ยอดของออร์เดอร์ต้องเป็นอย่างไร สร้างความรู้จักได้อีกไกลแค่ไหน เป็นต้น พอเรามีเป้าหมายแบบนี้ ก็จะไม่แค่เพียงขาย เพื่อมีเงินใช้สบายไม่เดือดร้อน แต่เราจะเป็นคนที่มีเป้าหมายในธุรกิจ และสนุกกว่า แม้เจอปัญหาหรือเรื่องของอุปสรรค ก็จะยังมีแรงผลักดันกันต่อไปในชีวิตแม้เวลาผ่านไปด้วย

แต่การปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างน่าเสียดายมันก็น่าเจ็บปวด หากเราจะขยับขยายก็ไม่ควรรอเรื่องเวลา รอเงินทุนเยอะกว่านี้ รอยอดขายพุ่งกว่านี้ เพราะหากเรามีการวางแผนอย่างดี และลงมือทำ ก็จะได้เริ่มไว้กว่า และได้เรียนรู้ไวกว่าด้วย หาจุดอ่อนและจุดแข็งในธุรกิจเจอได้เร็ว แต่ที่ขาดไม่ได้และต้องดูแลร่วมกันไป ก็คือ การดูแลสุขภาพของเราให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพราะทุกธุรกิจต้องใช้ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพใจ เราจึงต้องไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปจนลืมดูแลตัวเอง เพื่อสร้างความคิดสร้างสรรค์ในการบริหารงานได้ต่อ วางแผนต่างๆได้ดี พร้อมที่จะมีแรงดูแลธุรกิจไปอีกนานๆด้วย

การสร้างแบรนด์ธุรกิจและพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เราทำได้จริง!

การสร้างแบรนด์ธุรกิจและพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เราทำได้จริง!

สำหรับเจ้าของธุรกิจมือใหม่อย่างเราที่กำลังปั้นแบรนด์เพื่อสู้กับคู่แข่งในท้องตลาด เรื่องนี้ใช่ว่าจะเป็นไปได้ยากเสมอไป เพราะการสร้างแบรนด์ดีๆสักตัว แม้ไม่อาจโรยด้วยกลีบกุหลายเสมอ ต้องมีรายละเอียดในเรื่องของศาสตร์ด้านเวลาและความใส่ใจ แต่เราก็สามารถมีเรื่องราวที่ทำให้แบรนด์ที่เราลงทุนนั้น ออกมาเจ๋งและดูดีได้ โดยการใส่ใจในผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ด้านการใช้งานได้ดี สร้างความมั่นใจในเรื่องของคุณภาพ   หากเราทำได้อย่างจริงใจและตรงใจผู้บริโภค ก็ทำให้เป็นที่รู้จักได้นาน และขายได้ดี แม้มีคู่แข่งในด้านของราคาด้วย หรือแม้แต่เรื่องการกำหนดกลุ่มเป้าหมายโดยศึกษาอย่างรอบคอบ  ยิ่งเรารู้เยอะ ก็จะเลือกการสร้างแบรนด์ได้ในแบบที่เหมาะสมและสื่อสารออกไปได้ตรงใจผู้บริโภคที่สุด สร้างความตั้งใจที่เรามีต่อตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์ได้ดีกว่า. ทำให้แบรนด์เรามีการพัฒนาศักยภาพตามเวลาด้วย เราต้องดูให้ออกว่า ในอีก 5 ปี หรือ 10 ปี ธุรกิจของเรานั้นจะต้องเติบโตไปถึงขั้นไหน สร้างยอดขายและความไว้วางใจต่อไปแม้เจอเรื่องของอุปสรรค พร้อมแรงผลักกันที่ดีในชีวิตด้วยการลงมือทำ และรักษาสุขภาพของตัวเราเองอย่างดีด้วยแม้เวลาผ่านไป. ทั้ง 3 ข้อที่กล่าวไป ก็ถือเป็นเทคนิคดีๆ เพื่อสร้างให้แบรนด์ของเราเติบโตได้อย่างมั่นคงตามใจฝัน และช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดี ควรค่าแก่การต่อยอด สำหรับผู้เริ่มดำเนินธุรกิจที่ก้าวใกล้อย่างเราในเวลานี้!