สำหรับการเพิ่มเสน่ห์ให้กับธุรกิจของเรา เพื่อสู้กับคู่แข่งได้อย่างอยู่รอด เราก็คงต้องมีวิธีดีๆ เพื่อยกระดับร้านค้าหรือธุรกิจ ให้ก้าวทันยุคดิจิตอลในเวลานี้ หลายคนจะเลือกมองหาการกระตุ้นยอดขายและยอดไลค์ในตลาดออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ ก็ถือว่าเรามาถูกทางถ้าสนใจการตลาดที่ช่วยเจาะกลุ่มผู้ใช้ได้มากขึ้น แต่เราก็ต้องมีวิธีดีๆด้วยเช่นกัน ในการสร้างกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย และรักษาฐานลูกค้าเดิมด้วยความใส่ใจ เพื่อดึงดูดพวกเขาและสร้างยอดไลค์ให้ธุรกิจต่อไปอีกด้วย บทความนี้ จึงจะชวนเราคุยกันถึง เทคนิคดีๆ ในการเพิ่มเสน่ห์ให้กับธุรกิจของเราไปอีกขั้น ใครไม่อยากพลาด มาเช็คลิสกันเลย…

มีสโลแกนสินค้าแบบคิดมาดี

มีสโลแกนสินค้าแบบคิดมาดี

แบรนด์ดังในท้องตลาด เขามักจะมีโลโก้แบบติดปาก หรือสโลแกนที่สั้นๆ แต่ส่งผลต่อผู้บริโภค ทุกบริษัทชั้นนำ จึงต้องมีสโลแกนดีๆ เป็นของตนเอง กลั่นกรองออกมาอย่างยอดเยี่ยมให้กระชับ เพื่ออิทธิพลต่อการเลือกซื้อเลือกใช้ในบริการ เราจะอยู่เฉยไม่ได้แล้ว หากอยากให้การทำธุรกิจของเรา ดูเก๋กว่า และเป็นที่จดจำมากขึ้น ด้วยการมีสโลแกนสินค้าแบบคิดมาดี. ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่มีสูตรตายตัว  แต่เราก็สามารถเริ่มได้จาก การสังเกตว่า กลุ่มผู้บริโภคมักชอบหรือไม่ชอบอะไร แล้วก็คิดสโลแกนนั้นๆ ให้พูดแล้วติดปากที่สุด และเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มด้วย

ประโยคที่เลือกมานั้น ต้องฟังดูมีพลัง และดึงดึงต่อมความคิดของกลุ่มลูกค้า ให้เกิดการจดจำและสนใจในทันที สื่อสารถึงแบรนด์ของเราหรือผลิตภัณฑ์ได้ครบถ้วนที่สุด อ่านแล้วเห็นภาพ ได้ใจความในแบบที่กระชับ เป็นต้น ถ้าไม่ยาวเกินไป ลูกค้าก็จะไม่รู้สึกเบื่อที่จะอ่าน จะเว่อร์ๆบ้างก็ได้ แต่ต้องอยู่ในระดับที่ไม่น่ามันไส้ หรืออลังการจนดูตลก และถึงยุคนี้จะชอบมีคำพูดสแลง หรือภาษาวิบัติ แต่เราไม่ควรนำมาใช้กับสโลแกนทางธุรกิจ เพราะอาจส่งผลต่อการตีควาามผิดพลาด และคลาดเคลื่อนไปได้ง่ายๆ

ให้ความสำคัญอย่างพอดีระหว่าง การตลาด Vs ความรู้สึกของลูกค้า

ให้ความสำคัญอย่างพอดีระหว่าง การตลาด Vs ความรู้สึกของลูกค้า

บางคนอาจเคยคิดกันจนแทบหัวระเบิดว่า จะทำการตลาดยังไงดี?! อยากขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เคยแม้แต่จะลด แลก แจก แถม ก็ทำมาแล้ว แต่ก็ยังมีของคงค้างสต๊อคบ้าง ได้ยอดขายไม่เป็นดั่งใจหวังบ้าง เราจะแก้ปัญหานี้ ด้วยการเข้าใจความรู้สึกของลูกค้าประกอบเข้าไป ด้วยเทรนด์ Emotional Marketing ที่ส่งผลต่อความรู้สึกได้ตรงและน่าสนใจ

ถ้าเป็นผู้หญิง มักจะมีความละเอียดอ่อน และเปราะบางมากกว่า มักจะให้อารมณ์ความรู้สึกมากก่อนเหตุผล หากสินค้าของเรามีรูปแบบที่เชิญชวนจับต้อง น่าเลือกซื้อ ถ้าโดนความรู้สึกแรกพบดึงดูดใจแล้ว ก็ยากที่จะปฏิเสธอยู่เหมือนกัน เช่น ครีมบำรุงผิว หรือน้ำหอมหลายประเภท ก็มีการเพิ่มความดึงดูด ด้วยความงามเย้ายวนแบบเกินจริง ใช้แล้วสวยปานนางฟ้า พอโปรโมตแบบนี้ออกไปจนติดตา การตลาดก็อาจทรงพลัง จนลืมเรื่องราคาไปเลยด้วยซ้ำ

สำหรับฝั่งคุณผู้ชาย ถ้าเราเน้นการสร้างเสน่ห์ลงไป แบบใช้แล้ว ฉลาดกว่า มั่นใจมากกว่า แข็งแรงกว่า และสร้างชีวิตที่ดีขึ้นได้ ถ้าเห็นแบบนี้ พออารมณ์มันมา ใครๆ ก็อาจจะอดใจไม่ไหวเอาด้วย การตลาดแบบนี้เอง จึงเหมือนกันสร้างความเชื่อมั่น เน้นภาพที่เหนือกว่า การลูกค้าของเราก็คงไม่หลุดลอยไปแล้ว

คิดนอกกรอบด้วยการคิดนอกกลุ่มเป้าหมาย

คิดนอกกรอบด้วยการคิดนอกกลุ่มเป้าหมาย

การนั่งคิดและวิเคราะห์ถึงกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ ว่าทำอย่างไรถึงจะให้สินค้าออกมาตรงใจพวกเขาเหล่านั้นที่สุดมันก็ดี แต่จริงๆแล้ว วิธีนี้ ก็ทำให้เรากำลังมองข้ามอีกกลุ่มนึงไปอย่างน่าเสียดาย คือ กลุ่มที่อาจไม่ได้ซื้อสินค้าเรา.เพราะการลองคิดนอกกรอบที่วางไว้บ้าง เพื่อได้ยอดจากผู้บริโภคสินค้าที่อยู่นอกกลุ่มเป้าหมายของเรา ก็น่าจะถือเป็นโอกาสทองงามๆที่เรามีด้วย เมื่อสินค้าบางอย่าง อาจใช้งานยากกว่า ราคาสูงกว่า หรือยังไม่บางคนที่รอเราอยู่ให้ขยายผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับกำลังซื้อของพวกเขามากกว่า

อย่างที่อินเดีย เมื่อก่อนตู้เย็นบ้านจะมีขนาดใหญ่ ราคาก็สูงตาม แต่ก็มีบริษัทหัวใสแห่งหนึ่ง ได้ออกมาสำรวจกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่มีกำลังซื้อตู้เย็นแบบขนาดพอดีๆ ราคาก็ลดลงมา เคลื่อนย้ายสะดวกกว่า และประหยัดไฟกว่าด้วยขนาดเล็ก บริษัทที่ว่านี้ จึงผลิตตู้เย็นที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานอีกกลุ่มขึ้นมา ปรากฎว่า ตู้เย็นขนาดพกพาแบบนี้ ได้ก้าวมาสู้อันดับสินค้านวัตกรรมยอดเยี่ยมของอินเดียในปีนั้นไปเลย ทำให้เราได้ข้อสรุปว่า บางครั้ง การเริ่มคิดนอกกรอบ ด้วยการปรับให้เหมาะกับลูกค้านอกกลุ่มบ้าง ด้วยการปรับเปลี่ยนดูสักหน่อยเล็กๆน้อยๆ เช่น เสื้อผ้าสำหรับคนอ้วน สเปคของสินค้าที่หลากหลาย และร้านที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ก็อาจสร้างความประทับใจ และเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้กับธุรกิจของเราไปในตัวด้วย

สร้างความประทับใจด้วยคำขอบคุณ

สร้างความประทับใจด้วยคำขอบคุณ

เมื่อการขายสำเร็จเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยดี เรายิ่งไม่ลืมเรื่องการสร้างความประทับ เพื่อเพิ่มคะแนนในดวงใจกับกลุ่มลูกค้ากันด้วย โดยระยะเวลาในการทำจดหมายขอบคุณประมาณนี้ ก็ขึ้นอยู่กับช่วงเทศกาลหรือวันสำคัญๆ หรือใครอยากแหวกแนว ก็คิดใหม่ได้ว่าควรมัดใจลูกค้าด้วยวิธีดีๆแบบนี้ ในช่วงเวลาไหน

จดหมายในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ อย่างการเขียน email เราก็ไม่ต้องเพิ่มงานพี่ๆไปรษณีย์ทั้งหลาย แถมประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัว แบบร้านหัวใจสสีเขียว มองดูแล้วรักษ์โลก เราก็สามารถลองทำดูได้ แต่ต้องมีโคร่งร่างที่ดีในการเขียน เพื่อดึงความสนใจลูกค้ามาสู่สินค้าเรา อย่างวันเวลาที่เขาเคยใช้บริการ หรือเพิ่มโปรโมชั่น และโปรโมตสินค้าใหม่ลงไปพร้อมด้วย

หรือถ้าเป็นการ์ดดีๆ ภาษาที่เขียนเราก็ควรเน้นสุภาพ ออนน้อม แต่ไม่ใช่ภาษาทางการมากนัก เน้นความเรียบง่าย แต่สบายตาสบายใจจะดีกว่า ก็ถือเป็นโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ดีๆต่อกัน และไม่ลืมด้วยว่าเราต้องเช็คตัวสะกด เขียนชื่อลูกค้าให้ถูกต้อง เพื่อได้ใจเขา และอาจจะได้ยอดสินค้าในคราวถัดๆไป เมื่อการบริการของเราประทับใจพวกเขาในแบบนี้

หลักการขายแบบสร้างสรรค์ ที่เพิ่มเสน่ห์และสร้างกำไรที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจ

หลักการขายแบบสร้างสรรค์ ที่เพิ่มเสน่ห์และสร้างกำไรที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจ

เราคงเห็นด้วยใช่มั้ยว่า แม้ไม่มีสูตรตายตัวในการคิดสโลแกนเก๋ๆ แต่ก็ควรตั้งอยู่บนหลักความคิดสร้างสรรค์ อย่างที่กล่าวไป ในหัวข้อดีๆข้างต้น แล้วสิ่งนี้เองก็จะเป็นเหมือนฟันเฟืองซี่เล็กๆที่คงทน เพื่อเพิ่มยอดไลค์ในกับธุรกิจเรา และเพิ่มยอดการสั่งซื้ออีกในอนาคต อย่างการ เข้าถึงทุกกลุ่มคนด้วยไอเดียสุดบรรเจิด ที่ไม่เยิ่นเย้อ   การเข้าใจในเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกของลูกค้า ด้วยเทรนด์ Emotional Marketing ที่ส่งผลต่อได้โดยตรงและน่าสนใจ  ตามมาด้วย การลองคิดนอกกรอบด้วยการคิดนอกกลุ่มเป้าหมายดูบ้าง เพราะการที่เราลองให้ความสนใจกับสินค้าที่มีการผลิตน้อย ก็อาจได้ช่องทางเพื่อได้ใจกลุ่มลูกค้าที่ถูกลืมก็เป็นได้ รวมไปถึงเทคนิคส่งท้าย ที่พร้อมจะมัดใจลูกค้าคือการ สร้างความประทับใจด้วยคำขอบคุณ ทั้งอาจเป็นรูปแบบ email หรือการ์ดขอบคุณ เราก็สามารถทำได้ ตามโอกาสเหมาะๆด้วย. หวังว่าการคุยกันในวันนี้ ถ้าลองนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับธุรกิจของทุกท่านดู ความสำเร็จก็จะได้ผลตามที่ประสงค์กันได้จริงเช่นเดียวกัน สู้สู้!