คุณทราบไหม? ว่าทุกวันนี้ยิ่งมีการทำธุรกิจมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งมีการทำลายทรัพยากรของโลกมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไรก็ตาม เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ / ธุรกิจความสวยความงาม / ธุรกิจเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว / ธุรกิจด้านอาหาร และโรงงานการผลิต และคุณทราบไหม? ว่าทรัพยากรที่สำคัญที่สุดที่ควรรักษาคือทรัพยากรมนุษย์ หรือพูดง่ายๆคือแรงงานของคนเรานี่เองที่เป็นส่วนขับเคลื่อนที่สำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจต่างๆ แต่จะว่าอย่างไรถ้าแรงงานของมนุษย์กลับถูกเอารัดเอาเปรียบหรือเกิดความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น? ก็แน่นอนว่าในเมื่อแรงงานของมนุษย์สำคัญต่อธุรกิจที่สุดเมื่อเกิดปัญหาอย่างที่กล่าวมาก็ต้องส่งผลเสียหายต่อธุรกิจแน่นอน แต่จะมีทางออกของปัญหานี้หรือวิธีไหนที่จะช่วยแก้ไขได้ดีจริงๆ?
ในบทความนี้จะให้ข้อมูลว่าการประกอบธุรกิจอาจจะสร้างปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนในด้านใดได้บ้าง? ข้อมูลนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจระวังเพื่อจะไม่หาผลกำไรด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องหรือยุติธรรมต่อแรงงาน และทรัพยากรส่วนอื่นๆ แน่นอนว่าก่อนจะหาวิธีแก้ปัญหาอย่างดีต้องทราบรายละเอียดของปัญหาก่อนเพื่อจะหาแนวทางแก้ไขได้ดีที่สุด ปัญหาที่บทความนี้จะยกมาพูดถึงคือ ปัญหาด้านสิทธิชุมชน และสิ่งแวดล้อม / ปัญหาด้านธุรกิจ และการลงทุนระหว่างประเทศ / ปัญหาด้าผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม / ปัญหาด้านธุรกิจของรัฐวิสาหกิจกับสิทธิมนุษยชน และตอนท้ายของบทความจะมาสรุปให้คุณทราบว่าภาครัฐเตรียมรับมือแก้ไขปัญหาด้านต่างเหล่านี้แบบไหนด้วยค่ะ
ปัญหาด้านสิทธิชุมชน และสิ่งแวดล้อม
ปัญหานี้ถือว่ากำลังเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศไทยของเราเลยก็ว่าได้ เพราะการประกอบธุรกิจก็มีส่วนทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อม สิ่งที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้คือ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ค่ะที่เป็นอันตรายต่อชีวิตผู้คน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัญหานี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่สามารถแก้ไขให้หมดไปได้อย่างรวดเร็วแต่ต้องช่วยกันแก้ไขต่อไปในระยะยาวเลยค่ะ ปัญหานี้ก็เกิดจากที่มีการประกอบธุรกิจแบบละเมิดสิทธิของชุมชน และสิ่งแวดล้อมโดยไม่มีการตรวจสอบอย่างดีจนปัญหาสะสมจนกลายมาเป็นปัญหาฝุ่นควันที่อันตรายต่อการดำรงชีวิตของผู้คนในทุกวันนี้ค่ะ แล้วเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาจึงเริ่มมีการจัดการแต่ก็ถือว่าค่อนข้างยากแล้วต่อการจัดการแก้ไข ดังนั้นการตระหนักถึงผลเสียจากการเริ่มธุรกิจอะไรก็ตามก่อนจะช่วยชุมชน และสิ่งแวดล้อมได้มากเลยทีเดียวค่ะ
ปัญหาธุรกิจ และการลงทุนระหว่างประเทศ
ปัญหาการลงทุนระหว่างประเทศก็มีอยู่เรื่อยๆ แต่บอกตามตรงว่าเป็นปัญหาที่ทางการไทยเองก็ใช้กฎหมายช่วยแก้ไขได้ยากเพราะบ่อยครั้งที่ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นนั้นเกิดอยู่ในพื้นที่นอกประเทศไทยนั่นเองค่ะ การใช้กฎหมายของไทยเพื่อจัดการจึงมีข้อจำกัด ดังนั้นทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงทำได้เพียงจัดตั้งการรับร้องเรียนและติดตามผลของใครก็ตามที่ถูกละเมิดสิทธิจากการประกอบธุรกิจระหว่างประเทศค่ะ แต่ก็มีการสนับสนุนให้ช่วยจัดการและเข้าช่วยเหลือให้ได้มากกว่านี้ค่ะ
ปัญหาผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม
ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นเฉพาะกลุ่ม ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วย HIV ค่ะ ซึ่งพบว่าปัญาที่ก็อยู่คู่สังคมไทยอยู่ไม่หายไปไหน คนเหล่านี้มักได้รับการปฏิบัตอย่างไม่ยุติธรรม และไม่เคารพในสิทธิ์ที่ควรจะมี ไม่ว่าคนเหล่านี้จะติดต่อ หรือรับบริการ หรือแม้แต่การทำงานก็ตามมักจะเป็นกลุ่มถูกประพฤติอย่างไม่เหมาะสมด้วยมากที่สุด ดังนั้นจึงมีการเรียกร้องให้มีการให้ความสำคัญที่จะมีกฎหมายขัดเจนเด็ดขาดเพื่อคุ้มครองคนเหล่านี้ เพื่อช่วยให้ไม่ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อไป และเมื่อถูกกระทำอย่างนั้นสามารถร้องเรียนและขอการคุ้มครองได้ค่ะ
ปัญหาธุรกิจของรัฐวิสาหกิจกับสิทธิมนุษยชน
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ารัฐวิสาหกิจคงจะเป็นหน่วยงานของภาครัฐแน่นอน ดังนั้นหน่วยงานนี้ต้องมีการเคารพต่อสิทธิมนุษยชนมากที่สุดเพื่อเป็นตัวอย่างต่อหน่วยงานภาคเอกชนต่อๆไป เพราะถ้าหน่วยงานภาครัฐมีการประกอบธุรกิจที่หาผลกำไรก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีก่อนเพื่อภาคเอกชนจะเลียนแบบ โดยเคารพสิทธิมนุษยชนทุกๆด้านอย่างครบถ้วน มีการจัดการด้วยนะบบที่เรียกว่า Human Rights Due Diligence ระบบนี้จะเป็นตัวอย่างที่จะตรวจสอบอย่างชัดเจนถึงความถูกต้องในการดำเนินธุรกิจของรัฐวิสาหกิจค่ะ และการเคารพสิทธิมนุษยชนของรัฐวิสาหกิจก็ต้องมีการวัดประเมินผลด้วย KPI เป็นวิธีการวัดประเมินผลค่ะ
ประเทศไทยพยายามแก้ไขป้องกันปัญหาเหล่านี้ในแนวทาง NAP
เนื่องจากปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนทั้งหมดที่ยกมาในบทความนี้เป็นปัญหาที่มีอยู่มากมายในสังคไทยของเรา ประเทศไทยโดยเฉพาะภาครัฐจึงพยามยามแก้ไขและป้องกันปัญหาเหล่านี้ โดยมีแผนการใช้แนวทาง NAP เพื่อจัดการซึ่งก็เป็นการจัดการในระยะเริ่มต้นเท่านั้นอาจจะยังไม่เห็นผลที่ชัดเจนแต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าอย่างน้อยภาครัฐก็เห็นความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหานี้ซึ่งปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการประกอบธุรกิจก็ยังคงมีอยู่มากมาย และยังมีค้างคาต่อเนื่องยาวนานไปในอนาคตด้วย ดังนั้นแผนการที่ชื่อ NAP จึงต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นกันเพื่อให้ทันกับปัญหาที่เกิดขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้วอย่างรวดเร็วค่ะ
แต่ขอให้ใครก็ตามที่ประสบปัญหานี้อยู่ด้วยตัวเองขอให้มีความหวังว่าแผนการ NAP จะมีคุ้มครองสิทธิ์ที่คุณเสียไปให้กลับมาได้แน่ๆ และแผนการนี้จะครอบคลุมทั่วประเทศมากยิ่งขึ้นในอนาคต ซึ่งการทำอย่างนั้นก็ต้องอาศัยความร่วมมือของหลายๆฝ่ายด้วยกัน ผู้เขียนคิดว่าเมื่อถึงวันนั้นที่แผนการ NAP พัฒนาตามทันปัญหาก็จะช่วยให้หลายคนที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนกลับมายืนได้อีกครั้งนึง รวมถึงปัญหาอื่นๆที่มาจากผลของการประกอบธุรกิจที่ไม่เหมาะสมด้วยจะหมดไปค่ะ
สมคิด
เราเห็นว่าปัญหาการลงทุนและปัญหาเรื่องของเศรษฐกิจมีตามกันมาเยอะเลย เพราะว่าผมคิดว่าเป็นเพราะสังคมของผู้คนและความเห็นแก่ตัวในการหาผลประโยชน์จากคนอื่น แล้วจากธรรมชาติ ทำให้มีการโต้เถียงหรือว่าการก่อม็อบเพื่อที่จะต่อต้าน แต่ถึงยังไงเราก็เห็นว่าทางรัฐบาลก็พยายามให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้อยู่ถึงแม้ว่าจะทำไม่ได้ 100% ก็ตาม
ลุงหนุ่ม
นักธุรกิจควรมาอ่านนะบทความนี้ ผมไม่ใช่นักะุรกิจหรอกครับแต่ไม่เห็นด้วยกับนักธุรกิจบางคนบางรายที่นึกอยากสร้างอะไรก็สร้างไม่สนใจชาวบ้านจะเดือดร้อน บางทีมันก็ไม่ผิดตามกฎหมายหนอกเพราะที่ดินก็เป็นของเขาแต่มันก็เดือดร้อนชาวบ้านอยู่ดี อย่างเรื่องของการสร้างห้างใกล้กับตลาดแบบนี้มันเป็นการตัดหน้ากันมากๆครับ พูดในฐานะพ่อค้าคนหนึ่ง
น้ำหวาน
เป็นไปได้ค่ะที่ไม่มีการลงทุนหรือการทำธุรกิจ ก็จะมีผลกระทบต่อประชาชนคุณที่ใช้บริการอยู่ บทความนี้ทำให้เห็นว่าการที่ทำธุรกิจหรือการลงทุน ส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนของประชาชนด้วย ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชนในเรื่องต่างๆที่ได้กล่าวมา ซึ่งจริงๆแล้วถ้าการทำธุรกิจที่ดีไม่ควรที่จะเอารัดเอาเปรียบคนอื่นในเรื่องของสิทธิมนุษยชนนะคะ
Ranchana
บ้านเราก็ยังเป็นปัญหาอยู่นะเรื่องการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมกับ เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วย HIV บางทีเห็นในข่าวรู้สึกไม่ค่อยดีเลยค่ะ พวกเขาน่าสงสารอยู่แล้ว การที่ถูกคนอื่นปฏิบัติอย่างไม่เต็มใจ ไม่ให้เกียรติ มันยิ่งกว่าการถูกทำร้ายทางร่างกายอีกนะ นี่แค่เรื่องเดียวนะยังมีอีกหลายเรื่องเลยที่บทความนี้บอก ค่อยๆแก้ไขกันไปค่ะ
ยิงลักษ์
ยิ่งคนเราพยายามจะเอากำไร จากโลกมากเท่าไร โลกเราก็ยิ่งได้รับผลเสียมากเท่านั้นคะ บ้านเรา ป้าไม้หมดไปกี่ที่แล้วคะ เพราะคนที่มีอำนาจทั้งนั้น ที่รุกล้ำเข้าไป คนจนๆแบเรา รองๆเข้าไปดูสิ โดนจับติดคุกลืมไปแล้ว อันนี้ละที่เหฌนได้ชัดเลย บ้านเรายังแบ่ง คนรวยคนจนกันอยู่เลย พวกที่เป็นคนรวย จะได้รับอภิสิทธิ ต่างๆมากมาย ส่วนคนจนละ ดูกันเอาเองก็น่าจะทราบ
ปุ้ย
เรื่องนี้ในประเทศไทยบ้านเรามีปัญหาบ่อยนะ ยิ่งประเทศกำลังพัฒนามากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งมีการทำธุรกิจ และสิ่งปลูกสร้างใหม่ๆมากมายที่ต้องการใช้พื้นที่มากขึ้น บ่อยๆที่เห็นว่าไปบุกรุกพื้นที่ที่สงวนเอาไว้ หรือพิ้นที่ธรรมชาติ หรือพื้นที่ของชาวบ้าน ทำให้เกิดปัญหามากมายหลายอย่าง ดังนั้นคนที่คิดจะทำธุรกิจสร้างสิ่งปลูกสร้างควรตระหนักถึงสิทธิ์ของตัวเองด้วย อย่ารุกล้ำมากเกินไป
tuckky34
บ้านเราเหมือนมีองค์กรหนึ่งที่ชื่อแอมเนสตี้ เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นโดยทนายของอังกฤษ ถ้าจำไม่ผิดแอมเนสตี้เป็นองค์กรที่เกี่ยวกับ การรณรงค์ ปกป้อง และส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนที่ถูกละเมิดสิทธิ ที่ร่วมมือกับรัฐเพื่อผลักดันกฎหมายและนโยบายที่คุ้มครองคนที่ต้องการได้รับความยุติธรรม คนที่ถูกละเมิดสิทธิ์เช่น การใช้แรงงานอย่างกดขี่สามารถไปร้องเรียนกับองค์กรนี้ได้
บาส
ดีนะครับที่มีการช่วยเหลือในกรณีที่เราถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือจะเรียกง่ายๆก็คือถูกเอารัดเอาเปรียบจากสิ่งที่เราควรจะได้กับไม่ได้ ในสิ่งที่เราไม่ควรถูกกระทำแต่ก็ถูกกระทำโดยที่เราไม่รู้ตัวจากธุรกิจ จากโรงงาน โดยเป็นการทำลายสุขภาพของเราทางอ้อมหรือโดยตรง ซึ่งปัญหาแบบนี้เกิดมาจากความเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ของผู้ทำธุรกิจนั่นแหละครับ
กันชัย
เราคิดถึงสิ่งที่เราเสียไปโดยที่ไม่รู้ตัว์ จะมีหน่วยงานหรือรัฐบาลไหนที่จะมาเอาสิทธิดังกล่าวคืนมาได้ครับ เพราะดูเหมือนว่านักธุรกิจหรือผู้ที่เอารัดเอาเปรียบเราในเรื่องนี้ได้ตัดสินใจและลงมือทำไปแล้วโดยที่เราไม่รู้ตัว คนที่จะช่วยปกป้องหรือดูแลเราได้ก็มีแค่หน่วยงานของรัฐบาลเท่านั้น เราเป็นคนธรรมดาเราจะเอาอะไรไปสู้กับคนที่เขามีเงินลงทุนหรือทำธุรกิจล่ะครับ
ณุชธมน
เรื่องแบบนี้น่าจะจับพวกนักลงทุนให้มานั้งอ่านกันจัง ส่วนใหญ่พวกนักลงทุนรายใหญ่ ไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้หลอก พอเป็นข่าวทีก็ออกมาขอโทษ ผมไม่ทราบ แล้วก็จ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายไป เงินมันซื้อทุกอย่างได้จริงๆเลยนะ อย่างคนที่ไปร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบจากสิ่งก่อสร้าง แต่พอได้เงินไป ทุกคนต่างก็ปิดปากเหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
ม้า
@ลุงหนุ่ม สรุปยังหนุ่มหรือว่าแก่แล้วกันแน่คะ 555 แต่ว่าความเห็นของคุณลุงหนุ่มแล้วเห็นด้วยนะคะเพราะว่าบางคนมีเงินสร้างโรงงานไม่ได้คำนึงถึงคนที่อยู่รอบข้างอย่างเช่นเราเองที่อยู่ในจังหวัดที่มีโรงงานน้ำตาลเยอะอยากจะบอกว่ามีหุ่นที่เป็นเหมือนผงสีดำเข้ามาในบ้านเราเต็มไปหมดเลยค่ะอาจจะไม่ใช่ PM 2.5 อาจจะไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นแต่เราว่าการมีฝุ่นละอองสีดำก้อนใหญ่ๆแบบนี้รอยเข้าบ้านมาตลอดก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่เลยค่ะ