ข่าวคราวเรื่องการเคลื่อนไหวด้านแฟชั่นที่รับผิดชอบต่อสังคม , ไอเดียใหม่ๆในการปลุกขวัญและกำลังใจในบริษัทที่เคยล้มละลาย หรือสินค้าสุดเฉียบดีไซน์ล้ำ คือการวางแผนเรื่องการตลาดอย่างฉลาด ถ้าเรามีกระบวนการคิดลักษณะนี้ ก็สามารถพาแบรนด์ของเราไปสู่ความสำเร็จได้เร็วขึ้น และทำให้แบรนด์ของเราได้มาถึงกลางใจของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นไปอีก. เมื่อการมีส่วนร่วมในการรับมือ และแก้ไขปัญหาที่โลกกำลังต้องการทางออก ถือเป็นการกระตุ้นให้อีกหลายๆแบรนด์ชั้นนำ หันมาสนใจกันมากขึ้น เราที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจระดับเล็กไปจนถึงกลางแบบนี้ ก็ต้องรู้จักปรับตัวตามให้ทัน เพื่อร่วมสร้างอนาคตในแบบยั่งยืนกันต่อๆไป บทความนี้ จึงจะพาเราไปดูแนวความคิด และสำรวจตลาดไปพร้อมๆ กัน กับ ไอเดียดีๆ ที่แบรดน์ชั้นนำทำสำเร็จแล้วในการพิชิตใจผู้บริโภค แล้วที่นี้การพิชิตยอดขายของเราก็จะไม่ไกลเกินฝันแน่ๆ มาดูกันเลย!

แฟชั่น Go Green

แฟชั่น Go Green

เมื่อมีการรณรงค์ว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่มนุษย์อย่างเราๆเจอกันอยู่ จะผลักความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะถือเป็นหน้าที่ของทุกคนในสังคม ทำให้มีการเคลื่อนไหวของเทรนด์แฟชั่นหลากหลายแบรนด์ระดับโลก หันมาสนใจต่อกระแสสังคมนี้ จนเกิดการกระตุ้นให้สร้างอนาคตด้วยแนวรักษ์โลก หรือ Go green พร้อมการปรับตัวแบบช่วยกันในวงกว้าง. การใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าแบบไม่ทำลายระบบนิเวศแบบนี้ ถือว่ากำลังมีผลอย่างมากต่อสินค้าแนวแฟชั่น จึงมักมีการผลิตในรูปแบบ ราคาต่ำกว่า เน้นเทรนด์ย่อยสลายง่าย เน้นพฤติกรรมลดจำนวนพลาสติกเพื่อไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำให้กระแส Go green ก้าวมาเป็นเทรนด์แฟชั่นในตอนนี้กันมากขึ้น

เราอาจปรับตัวตามยักษ์ใหญ่ในการค้า ที่ถือเอาดีทางด้านสินค้าแนวโลกสีเขียวนนี้ เพื่อเพิ่มยอดขายได้. อย่างเสื้อผ้าแบรนด์ดัง Zara ที่ผลิตคอลเลชั่นใหม่ๆ แบบเน้นเส้นใยจากธรรมชาติ (Sustainable Fabrics ) หรือเส้นใยจากขยะรีไซเคิล และเลิกส่งมอบถึงพลาสติกแต่หันมาใช้กล่องและถุงกระดาษกันตั้งแต่ระบบการขนส่งจนมาสู่มือลูกค้า และ  Uniqlo เองก็ไม่น้อยหน้า ลดมลพิษในโรงงานด้วยการผลิตสินค้าที่ลดปริมาณการใช้น้ำลงไปเยอะ แถมประหยัดเวลาประหยัดพลังงานในการผลิตกางเกงยีนส์รุ่นใหม่ล่าสุดที่กำลังโด่งดัง ถือว่าเป็นผลิภัณฑ์ในปี 2020 ที่ลดปริมาณการใช้น้ำในขั้นตอนการผลิตไปว่า 3 ล้านลิตร. ส่วนแบรนด์กระเป๋าดีไซด์ดังอย่าง Prada ก็หันมาสร้างคอลเลคชั่น Re-Nylon ที่ทำจากเศษพลาสติกในก้นทะเล มาถักทอด้วยกระบวนการรีไซเคิลที่ปลอดภัยและบริสุทธิ์ หรือที่กำลังป๊อปปูล่ามากๆ คือหลอดแก้ว จาก Christian Dior ที่ทำราคาได้แพงแสนแพง ถึง ชุดละ 150 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4600 บาทในบ้านเราด้วย

Gemba เพื่อการลงทุน

Gemba เพื่อการลงทุน

ใครดูซีรี่ย์ หรือติดตามหนังสือแนวญี่ปุ่นๆหน่อย คงเคยผ่านหูมาบ้างกับ คำว่า GEMBA นี่เป็นคำศัพท์ภาษาวิศวกร หรือคนงานฝ่ายผลิต ที่แปลว่า หน้างาน หรือ สถานที่จริง แต่คำๆนี้ เราจะนำมาปรับใช้ในด้านการทำงาน เมื่อตัดสินใจลงทุน และกระชับความสัมพันธ์อันดีในองค์กรมากขึ้นได้อย่างไร มาดูวิธีดีๆที่ผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จแล้วในญี่ปุ่นทำกันดูเถอะ เผื่อจะเป็นไอเดีย เพื่อสร้างงาน และตัดสินใจได้อย่างฉลาด พร้อมสร้างกำลังใจให้คนทำงานกัน

บริษัทยักษ์ใหญ่ในญุี่ปุ่นอย่าง พานาโซนิค ซึ่งก่อตั้งโดย โคโนะสุเกะ มัตสึชิตะ เขาเองเคย สั่งให้ลูกน้องไปหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทอื่นที่มีรูปแบบการเก็บเงินแบบสั่งจองสินค้าล่วงหน้า แม้เขาชอบแนวคิดนี้ แต่เมื่อลูกน้องได้ยืนยันว่า ตนได้ไปล้มลุกคลุกคลาน ดูงาน สัมผัสการเก็บข้อมูลและสำรวจด้วยตัวเอง และเชื่อแน่ว่าบริษัทเราไม่เหมาะกับแนวคิดนั้น ท่านประธานก็ตัดสินตามข้อมูลที่ลูกน้องสำรวจมา ไม่ตั้งราคาตามรูปแบบที่สำรวจมา ก็ทำให้พานาโซนิค ก้าวกระโดดและมีชื่อเสียงที่มั่นใจได้ไปอีกนาน. ต่อมาคือ สายการบิน JAL ที่เคยมีหนี้สินกว่าสองล้านๆเยน และล้มละลาย เมื่อคาซึโอะ อินาโมริ ได้เข้ามารับตำแหน่งประธานคนใหม่ เขาก็ได้ ไปลุยพื้นที่ด้วยตัวเอง สำรวจและพูดคุยตั้งแต่โรงงานซ่อมเครื่องบิน กับช่างซ่อม กัปตัน แอร์โฮสเตส ไปจนถึงคณะผู้บริหาร ไถ่ถามเรื่องราว รับฟังความเห็นดีๆจากพนักงาน และกระตุ้นทุกคนให้ทำตามปรัชญาเพื่อกลยุทธ์ทางธุรกิจ ก็ช่วยให้สายการบินนี้กลับมาผงาดอีกครั้งได้. ถ้าเราใช้วิธีเดียวกันบ้าง โดยการ สอบถามพนักงาน และกลุ่มลูกค้าเป็นประจำถึงปัญหาและความต้องการของพวกเขา ก็อาจเรียนรู้อะไรดีๆ จากหน้างาน หรือ Gemba ได้อีกเยอะเพื่อการลงทุนต่อไป

ความเปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของธุรกิจระดับฮอตฮิตที่เราควรสนใจ!

ความเปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของธุรกิจระดับฮอตฮิตที่เราควรสนใจ!

ถือว่า ไม่ใช่แค่ในระดับธุรกิจชั้นนำ หรือยักษ์ใหญ่ด้านการค้าเท่านั้นที่จะพบทางประสบความสำเร็จ เราก็เพิ่มรายได้และพิชิตยอดขายได้ ทั้ง การปรับตัวสร้างอนาคตด้วยแนวรักษ์โลก หรือ Go green , ทำตามหลัก Gamba เมื่อตัดสินใจลงทุน และเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีในองค์กรมากขึ้น เพราะยังไงหัวใจสำคัญในการค้า ก็คือ การมีความแปลกใหม่ที่ตอบโจทย์ ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้ามากที่สุด เมื่อเรามีเป้าหมายในกระบวนการคิดที่ฉลาดแบบนี้แล้ว ก็จะนำพาธุรกิจของเราไปสู่ความสำเร็จในอนาคตได้อย่างแน่นอน!