เราทุกคนที่ชื่นชอบในการลงทุน รวมถึงมือใหม่ หลายๆคนที่เดินเข้ามา ก็คงอยากมองหาจังหวะในการลงทุนที่ดี และอยู่รอดปลอดภัย. แต่สำหรับหลายคนที่ชื่นชอบเป็นพิเศษสำหรับกรณีการเลือกหุ้นแบบรายตัว ก็อาจเคยได้หุ้นดีๆมา จากการพยายามแล้วได้ผลดี ได้หุ้นที่หมายปองมา ในขณะที่ตลาดหุ้นนั้นราคาตกฮวบฮาบ กรณีแบบนี้ ไม่ใช่เป็นไปได้ยาก หรือมือใหม่ทำไม่ได้เลย เพราะปัจจัยที่ว่า คือการทำการบ้านมาดีต่างหาก ทุกวันนี้ก็เช่นกัน แม้เราอาจต้องเจอบ้างในบางครั้งถึงสภาวะที่ตลาดหุ้นมันไม่เป็นใจ แต่เราก็สามารถเป็นคนๆนึง ที่ก้าวเดินได้อย่างเยือกเย็น และทยอยได้หุ้นตัวที่หมายตามาครอบครองได้ บทความนี้ จะมาพูดสรุปง่ายๆ ถึง 3 ทางรอดที่เราไม่ควรมองข้าม เมื่อต้องเผชิญหน้าในวันที่ตลาดหุ้นไม่เป็นใจ ใครอยากเดินทางอย่างได้เปรียบ และได้หุ้นดีมาครอบครอง อย่ารีรอ มาเช็คลิสต์กันเลย
การกระจายทรัพย์สินในการลงทุนรูปแบบมหภาค
เทคนิคนึงที่จะว่าเก่าก็เก่า จะว่าใหม่ก็ใหม่ คือการกระจายสินทรัพย์ในการลงทุนนี่ล่ะ ถือเป็นวิธีที่ช่วยเรามากด้วย ในเรื่องผลตอบแทนในสภาวะตลาดผันผวนแบบนี้ แต่ถึงแม้ว่า การกระจายทรัพย์สิน ยังให้ผลตอบแทนไม่ดีที่สุดก็จริง แต่หากราคาหุ้นแต่ละตัว ปรับราคาขึ้นหรือลดราคาลง ตามปัญหาระบบเศรษฐกิจโลก เงินปันผลที่เราต้องได้รับ ก็ยังทดแทนกันไปได้ แม้บางตัวจะให้เรามาก หรือบางตัวจะให้เราน้อยลง. แต่หากเราอยู่ในสถานการณ์ที่ยากจะเดาทิศทาง ก็อาจเลือกการลงทุนรูปแบบที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีความเสถียรที่มั่นคงกว่า เช่น กองทุนรวม , ตราสารหนี้ หรือ พันธบัตรรัฐบาล แต่หากเป็นการลงทุนกับ อสังหาริมทรัพย์ หรือทองคำ ที่ยังมีความผันผวนสูงตลอดเวลา เราก็ต้องพิจราณาให้ถี่ถ้วนรอบคอบมากขึ้นด้วย
ถึงแม้หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นหูเรื่องปัจจัยมหภาค วิธีง่ายในการเข้าใจก็คือ การทะยอยสะสมหุ้น เราอาจดูจากภาพ Macro ก่อนว่ามีแนวโน้มดอกเบี้ยจะขึ้นแรงไหม มีปัจจัยการเมือง หรือการเลือกตั้งเข้ามาเกี่ยวข้องไหม ถ้าดูแล้วไม่มีอะไรน่ากังวล เราก็สามารถ ทยอยซื้อได้ หากทางสะดวก หุ้นดี ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลอยู่แล้ว แล้วก็สามารถ จัดเต็มได้ตามมา
การลงทุนแบบ DCA
การลงทุนแบบ DCA (Dollar-cost averaging ) ถือเป็นรูปแบบการซื้อแบบอดเปรี้ยวไว้กินหวาน หรือการซื้อแบบปลอดภัยไว้ก่อน เพราะในช่วงที่ตลาดผันผวนแบบนี้ การซื้อหุ้นแบบครั้งเดียว ในจำนวนมากๆ ก็ทำให้เราเสียเงินไปในจำนวนที่มาก แต่กลับไม่ได้อะไรกลับมาเท่าไหร่ วิธีการลงทุนแบบ DCA จึงเป็นวิธีช่วยเราเจ็บน้อยสุด และเข้ากับสถานการณ์ ยิ่งประกอบกับการที่เราเป็นผู้กำหนดงวดการลงทุนเอง แบบ รายเดือน หรือเป็นไตรมาส ยิ่งช่วยให้เรามีวินัยในการลงทุนมากขึ้นอีกด้วย
ในช่วงที่ตลาดหุ้นบ้านเราเจอภาวะผันผวนแบบนี้ การเลือกจับจังหวะลงทุน หรือเลือกหุ้นแบบรายตัวไปเลย หลายคนคงหวั่นๆกันอยู่ ดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่ดีขึ้นมาก็เสี่ยงใช่เล่น วิธียอดนิยมจึงเป็น การลงทุนแบบถัวเฉลี่ย วิธีนี้มีการเอามาใช้กันในทุกยุคสมัยในการเล่นหุ้นอยู่เสมอ โดยเราสามารถเลือกที่จะซื้อหุ้น จากกองทุนหุ้นได้ในทุกๆ เดือน เป็นการเพิ่มหน่วยของสินทรัพย์แบบเฉลี่ยต้นทุน ทำให้รู้สึกได้ว่า เราไม่ได้ลงทุนในอะไรที่แพงจนเกินไป แถมยังทำได้เป็นประจำในระยะยาวด้วย จึงเป็นวิธีที่ลดความเสี่ยงไปเยอะ แม้ราคาตลาดหุ้นจะผันผวนไปอีกสักเท่าใด
การลงทุนแบบ 2 SD
ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราดูราคา ว่าถูกหรือแพงของหุ้นกันได้ง่ายๆ ถ้าเราใช้โปรแกรม Bisnews อยู่แล้ว ลองเลือกฟังก์ชั่น Regression Channel ก็จะสามารถ ลากเส้น Regerssion Line เพื่อดูค่าเฉลี่ย P/E ของหุ้นตัวนั้น และมองย้อนไปได้ใน 4 ไตรมาสย้อนหลังด้วย ในคราวนี้ ถ้าหุ้นที่เราเล็ง มีระยะ P/E ต่ำกว่า 2SD ถือว่าน่าลงทุนเลยล่ะ เพราะเป็นหุ้นเทรดระดับต่ำว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเกิน 2 เท่า ของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน แต่หากเราดู Valuation ด้วย Regression Band แล้ว เพื่อวิเคราะห์ trade ในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา ร่วมด้วย ถ้าราคาหุ้นยิ่งลงมาเกิน 2 SD ยิ่งแสดงว่าหุ้นตัวนี้ ราคาสมควรและได้ที่สุดๆ แล้วด้วย
จัดเก็บหุ้นที่ดีได้แม้เจอภาวะตลาดไม่เป็นใจ!
เราคงเห็นด้วยไม่มากก็น้อยใช่ไหมว่า 3 วิธีที่เอามาฝากกันในวันนี้ เป็นวิธีในการจัดเก็บหุ้นที่ดี ในขณะที่ราคาตลาดผันผวนหรือไม่เป็นใจได้ เพราะการลงทุนทุกอย่าง มันไม่ควรหยุดนิ่ง การลงทุนในหุ้นก็เช่นกัน ถึงตลาดมันจะลงไปแค่ไหน เราก็ไม่ต้องไม่ทุกข์ใจกับมันมาก ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ ขอเพียงเรารู้สภาพการณ์ในพอร์ตของเราเป็นอย่างดี ใช้วิธี วิเคราะห์การลงทุนและการเติบโตของกำไร เป็นักลงทุนคนนึงที่มีการติดตามข่าวเศรษฐกิจอยู่เป็นประจำเพื่อการเลือกดูหุ้นที่มีพื้นฐานดี แล้วใช้การลงทุนที่มีรูปแบบปลอดภัย แม้เจอความเสี่ยงช่วงตลาดผันผวนอย่าง การกระจายทรัพย์สินในการลงทุนรูปแบบมหภาค , การลงทุนแบบ DCA และการใช้เครื่องมือที่มีพร้อมอย่าง 2 SD ถ้าเรานำไปใช้ในวิธีที่คิดว่าถนัดที่สุด แล้วถ้าเป็นหุ้นดี ก็ถือต่อไปกันยาวๆ ที่เหลือก็คือการตั้งหน้าตั้งตา เติมพอร์ตกันต่อไป เพื่อวันหน้าฟ้าใหม่ ตลาดโล่งเป็นใจ เวลานั้น เราคงจะเก็บออมเงินเพิ่มได้อีกรัวๆแน่นอน!
Chumbot
สำหรับผม ผมชอบการลงทุนแบบ DCA นะ เพราะผมคิดว่าค่อนข้างเหมาะสมกับคนทั่วๆไปที่ต้องการออมในระยะยาวด้วยการซื้อสินทรัพย์ทางการเงิน แล้ว DCAก็ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูงในระยะยาวด้วย ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือว่า มันไม่ใช่วิธีที่ได้ผลตอบแทนสูงสุด แต่มันจะทำให้เราได้รับ “ผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจในระยะยาว” แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างมีความเสี่ยงหมดครับ
ชูวิทย์
เราก็คิดว่าการลงทุนแบบ dca ปลอดภัยกว่านะคะ ก็คิดดูถ้าช่วงเศรษฐกิจโลกผันผวนช่วงที่เศรษฐกิจขาลงแบบนี้ ถ้าซื้อหุ้นทีเดียวครั้งเดียวในจำนวนมากๆก็จะทำให้เราเสียเงินที่ลงทุนไปได้ดีกว่าถ้าเราจะใจเย็นแล้วก็ดูเศรษฐกิจไปก่อน อาการใจเย็นไม่ลงทุนก้อนใหญ่ไม่ได้ทำให้เราเสียอะไรไปค่ะ แต่ถ้าลงทุนแล้วมันไม่ได้ขึ้นมาเราจะเสียเงินทั้งหมดไปเลย เราว่าจะตามการลงทุนแบบ dca ต่อ น่าจะเป็นการลงทุนในตอนนี้ที่ทำให้เราเจ็บตัวน้อยที่สุดแล้วล่ะค่ะ
สายฝน
เห็นใจนะครับถ้าเล่นหุ้นหลายตัวแต่ว่าตลาดหุ้นไม่เป็นใจ บทความนี้ทำให้เห็นว่ามีวิธีที่จะสามารถกระจายหุ้น หรือว่าวิธีที่จะช่วยให้เราสามารถขาดทุนได้น้อยลง เราต้องเข้าใจเกี่ยวกับสภาพของตัวเอง แล้วความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย จะช่วยให้เราสามารถประเมินสภาพการณ์ของตัวเองด้วยว่าเราจะต้องทำอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้
Chanon
การลงทุนในหุ้นมันก็ไม่แน่ไม่นอนนะครับอย่างที่เรารู้กัน มันมีปัจจัยหลายอย่างมาร่วมด้วยน่ะ คนที่สนใจอยากลงทุนในหุ้นก็ทำได้นะไม่ใช่ว่าเล่นหุ้นแล้วไม่ดี แต่ต้องอ่านบทความนี้ด้วยเป็นตัวช่วยได้จริงๆเผื่อสถานการณ์การลงทุนหุ้นมันไม่ค่อยดี เขาแนะนำวิธีเตรียมรับมือเอาไว้ให้จะได้ไม่ให้เจ็บตัวมากเกินไปและยังพอฟื้นตัวได้ครับ
ดำรง
ไม่รู้ทำไมผมชอบเข้ามาอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับหุ้น และ การลงทุนนักหนาทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ใช่นักลงทุน แล้วก็ไม่คิดที่จะลงทุนด้วยนะ ถามว่าอ่านแล้วได้ประโชน์มั้ย? ก็คงไม่เชิงได้ความรู้มากกว่าแต่ไม่รู้จะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรตรงไหนเพราะผมมไ่ใช่นักลงทุน สงสัยช่วงโควิดผมจะว่างจัด เลยอ่านไปเรื่อยๆครับ แต่ก็ขอบคุณความรู้ที่มีให้ครับ
ก้องภพ
นักลงทุนส่วนใหญ่ เขาทำตาแบบนี้บทความนี้ให้รายละเอียดไว้เลย เราสังเกตุนะว่านักลงทุนส่วนใหญ่แล้ว เขาไม่ได้เอาเงินทั้งหมดที่เขามีอยู่ไปลงทุนอยางเดียวเลย เขาจะแบ่งเงินออกไปลงทุนเป็นส่วนๆเช่น เอาไปลงเล่นหุ้น บ้าง เอามาลงทุนธุรกิจกับเพื่อนๆบ้าง หรือบางคนก็เอาเงินมาเล่นที่ดินก็มี มันเหมือนการกระจายความเสี่ยงที่อาจเกิดได้ เพราะลงทุนอย่างเดียวถ้ามีปัญหานี่จบเลยนะ
บอล
ผมไม่ค่อยแนะนำการลงทุนกับหุ้นเท่าไหร่นะครับ เพราะถึงแม้ว่าตัวผมเองจะไม่เคยเล่นหุ้น แต่ผมบอกเลยนะครับว่าการที่เราเล่นหุ้นจะส่งผลต่อสุขภาพจิตของเราแน่นอน สำหรับคนที่ได้รับผลตอบแทนดีก็ดีไปครับ แต่สำหรับใครที่ต้องหมดตัวเพราะการเล่นหุ้นก็เห็นมาหลายคนแล้ว ผมอยากเก็บเงินแบบที่ชัวร์ เพื่อที่จะได้รับดอกเบี้ยที่แน่นอนมากกว่าครับ
นิดหน่อย
ชอบแบบเจ็บน้อยๆค่ะอย่างเช่นการลงทุนแบบ dca จะบอกว่าใจไม่กล้าก็ใช่ ลงทุนน้อยก็ได้รับน้อยแบบนั้นล่ะค่ะดีแล้ว เป็นคนที่ไม่ชอบลงทุนอะไรแบบทุ่มสุดตัว ถ้าได้ค่ะแต่ไม่กล้าเสีย เพราะว่ากว่าจะทำงานแล้วก็หาเงินมาได้ในการลงทุนก็ใช้เวลานานมาก อยากที่จะเอาเงินไปลงทุนกับอะไรที่ได้ผล ตอบแทนที่แน่นอน ถ้าเป็นการเล่นหุ้นแล้วเล่นแบบแค่นิดหน่อยพอค่ะ
มุกดา
ทุกการลงทุนมันมีความเสี่ยงนะคะ คุณบอล ไม่ใช่แค่เรื่องหุ้นอย่างเดียวนะคะที่น่ากลัว เราว่า ตอนนี้มันน่ากลัวหมดนะคะ แต่หุ้น มันให้ผลกำไรที่ดีกว่าการลงทุนแบบอื่นๆ ถึงแม้จะล้มแล้วเจ็บมากกว่าการลงทุนแบบออื่นๆก็ตาม แต่การเล่นหุ้นเดียวนี้มันไม่ใช่เรื่องยากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขามีแบบเล่นตามคนที่เก่งๆก็มี หรือจะให้บริษัทเล่นแทนเราก็ได้
น้ำมนต์
ในสภาพการณ์ที่มีความผันผวนเป็นอย่างมากในตลาดหุ้นในตอนนี้ ทำให้เราไม่รู้เลยนะคะว่าจะทำการลงทุนในรูปแบบไหนดี ถ้ามีเงินทุนอยู่ก็อย่าเพิ่งที่จะทำการลงทุนอะไรเลยค่ะเก็บเงินไว้ก่อนก็ได้ รอให้สถานการณ์ covid ดีขึ้นก่อนอาจจะทำให้อัตราหุ้นในตลาดหุ้นขยับเขยื้อนหรือมีช่องทางที่จะทำให้เราได้ลงทุนก็ได้ค่ะ คนรอไปก่อนค่ะคิดว่า