ในทุกๆวันนี้เราคงปฏิเสธกันไม่ได้เลยใช่ไหมคะว่าอินเทอร์เน็ตนั้นกลายเป็นสิ่งจำเป็น และเกี่ยวข้องอย่างมากกับชีวิตประจำวันของพวกเราทุกเพศทุกวัยในปัจจุบันกันจริงๆ เพราะมันสามารถสร้างประโยชน์ อำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์เราในยุคปัจจุบันได้ในหลายๆทาง ไม่ว่าจะใช้เพื่อการเรียน เพื่อการศึกษาหาข้อมูลต่างๆ เพื่อการทำงาน เพื่อสร้างรายได้ เพื่อการติดต่อ เพื่อสร้างความบันเทิง ฯลฯ ด้วยประโยชน์ที่มากมายของอินเทอร์เน็ต หรือโครงข่ายไร้สายที่เรามองไม่เห็นนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราทุกคนในปัจจุบัน ซึ่งนับวันก็จะยิ่งมีความสำคัญและอาจกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อีกต่อไปในการใช้ชีวิตของมนุษย์ในอนาคต
การใช้อินเทอร์เน็ตในการช้อปปิ้งออนไลน์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตอนนี้ค่ะ เพราะทุกคนต่างมองเห็นเหมือนกันว่าการซื้อสินค้าทางออนไลน์นั้นมีความสะดวก ง่าย ประหยัดแรงและประหยัดเวลา แถมยังประหยัดค่าใช้จ่าย และได้เห็นสินค้าหลากหลาย มีข้อดีที่มากกว่าการไปเดินช้อปิ้งด้วยตัวเอง ที่เหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก็ร้อน แถมบางทีรวมกับค่าเดินทางเข้าไปด้วยแล้วยังสู้นั่งจิ้มสินค้าแล้วรอรับของอยู่ที่บ้านยังคุ้มกว่าจริงไหมคะ มันจึงทำให้ตอนนี้ใครๆก็หันมาซื้อของออนไลน์กัน ซึ่งเมื่อเกิดการสั่งซื้อแล้วนั้นก็ต้องมาถึงขั้นตอนของการชำระค่าสินค้ากันค่ะ
ในปัจจุบันการช้อปปิ่งออนไลน์นั้นมีทางเลือกให้กับลูกค้าได้ชำระค่าสินค้าในหลายๆทาง ไม่ว่าจะเป็นชำระเงินสดผ่านทางเคาน์เตอร์เซอร์วิสต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ตแบ้งค์กิ้ง ชำระเงินปลายทาง หรือทางบัตรเครดิตที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในตอนนี้ ในบทความนี้เราจะขอพูดถึงการชำระค่าสินค้าออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตซี่งเป็นที่นิยมกันอย่างสูงนะคะ เพราะการที่มันได้รับความนิยมนี้เอง จึงเป็นที่น่าสนใจของการโจรกรรมข้อมูล หรือพวกแฮ๊กเกอร์มากเช่นกันที่สรรหาวิธีการต่างๆมาขโมยเงินในบัตรของเราออกไปค่ะ แต่เราจะทำอย่างไรเพื่อให้การชำระค่าสินค้าออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตนั้นปลอดภัยล่ะค่ะ แน่นอนค่ะว่าบทความนี้เราจะมาบอกมีวิธีดีๆที่ทำให้คุณสบายใจก่อนจะกดชำระเงินออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตมาฝากกันค่ะ ติดตามต่อกันเลยได้เลยนะคะ
อย่าลืมเช็คความปลอดภัยของเว็บไซต์
บรรดาเหล่าแฮ๊กเกอร์ต่างๆพยายามสรรหาวิธีเพื่อให้คุณหลงเชื่อและติดกับ เพื่อจะดูดข้อมูลจากบัตรของคุณและขโมยเงินออกไป ซึ่งวิธียอดฮิตของพวกนี้ก็คือ การทำเว็บไซต์ปลอมนั่นเองค่ะ หน้าตาของเว็บไซต์ทุกอย่างช่างเหมือนกันเปี๊ยบเลย (เพราะถ้าไม่เหมือนคุณจะหลงเชื่อหรือคะ?) แล้วเราจะแยกได้อย่างไรล่ะว่าอันไหนของจริงอันไหนของปลอม? น่าคิดใช่ไหมคะ? วันนี้เราจะขอแนะวิธีการดูเว็บแบบง่ายๆที่จะทำให้มั่นใจได้มาฝากกันค่ะ
ให้สังเกตุที่ URL ของเว็บไซต์ค่ะ ถ้าเป็น https:// นั้นจะต้องมี S ต่อท้าย แล้วต้องมีรูปกุญแจอยู่ด้วยกัน เว็บไซต์นั้นก็สามารถที่จะเชื่อถือมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยค่ะ แม้ว่าจะยังคงมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ก็น้อยกว่าเว็บไซต์ที่ไม่มีตามที่ได้บอกไปค่ะ ระบบความปลอดภัยนี้จะรักษาข้อมูลของเรา ข้อมูลบัตรเครดิต รหัสลับต่างๆ ฯลฯ ไม่ให้ถูกโจรกรรมจากพวกมิจฉาชีพไปได้ค่ะ คราวต่อไปก่อนจะเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ก็ลองหันมาสังเกตุที่ URL กันก่อนนะคะ
อย่าลืมเช็คบริการรับบัตรของเว็บไซต์ที่มีมาตรฐานระดับโลกอย่าง PCI-DSS หรือไม่
เมื่อเราได้เช็ค URL เพื่อความปลอดภัยแล้ว สิ่งต่อมาก็ควรตรวจสอบว่าเว็บไซต์นั้นมีการรับชำระค่าสินค้าออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตที่ได้มาตรฐานไหม เพื่อเป็นการป้องกันความปลอดภัยข้อมูลของบัตรเครดิตของเราไม่ให้รั่วไหล และหากผิดพลาดเราก็ยังสามารถเรียกเงินคืนได้ง่ายอีกด้วยค่ะ โดยมาตรฐานที่เป็นยอมรับกันและมีความาตรฐานระดับโลกนั้น อย่าง PCI DSS ที่ย่อมาจาก Payment Card Industry Data Security Standard ซึ่งคุณเองจะสามารถตรวจสอบได้ง่ายๆ โดยเข้าไปที่ Google search แล้วพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ที่คุณต้องการตรวจสอบ หากได้มาตรฐาน PSI DSS แสดงอยู่ก็สามารถวางใจได้ถึงความปลอดภัยค่ะ
หลีกเลี่ยงการใช้บัตรเครดิตจ่ายค่าสินค้าออนไลน์ด้วยอินเตอร์เน็ตสาธารณะ
หากเราจะชำระค่าสินค้าออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตนั้นก็ควรอย่าใช้อินเทอร์เน็ตสาธารณะ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะเชียวนะคะ เพราะหากเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะบางทีอาจทำให้คุณลืมกดล็อกเอ้าท์ออกนั่นเองค่ะ และที่สำคัญหากคุณคิดมั่นใจว่าได้ล็อกเอ้าท์ออกไปแล้วก็ตาม แต่เครื่องคอมพิวเตอร์นั้นยังคงจดจำข้อมูลของบัตร รหัสที่คุณได้กรอกลงไปตอนชำระเงินค่ะ ซึ่งสิ่งนี้เองทำให้เป็นช่องทางของการโจรกรรมข้อมูลออกไปได้ค่ะ และถึงแม้ว่าคุณจะใช้เครื่องส่วนตัวของคุณเองแต่ดันไปใช้อินเทอร์เน็ตสาธารณะก็ยังคงไม่มีความปลอดภัยอีกเข่นกัน เพราะบรรดากลุ่มแฮ๊กเกอร์นั้นก็ยังสามารถนำเอาข้อมูลของคุณออกไปได้จากการที่ใช้อินเทอร์เน็ตสาธารณะร่วมกันได้อยู่ดีค่ะ
ฉะนั้นหากคุณมีความจำเป็นจะชำระค่าสินค้าออนไลน์ผ่านบัตรแล้ว คุณควรจะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ตที่เป็นของตัวเอง และอินเทอร์เน็ตที่ใช้นั้นก็ควรเป็นอินเทอร์เน็ตส่วนตัวอีกด้วยค่ะ เพื่อป้องกันการถูกโจรกรรมข้อมูลจากบัตรโดยบรรดากลุ่มแฮ๊กเกอร์มือดีทั้งหลาย นอกจากนี้คุณอาจเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นด้วยการติดตั้งแอนตี้ไวรัสและเปิดอัพเดทอย่างสม่ำเสมอติดไว้ในเครื่องก็จะช่วยทำให้คุณมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยได้เพิ่มมากขึ้นค่ะ
อย่าตั้งรหัสผ่านให้คาดเดาง่ายจนเกินไป
รหัสผ่านเป็นอีกหนึ่งที่คุณควรให้สำคัญให้มากนะคะ เราควรหลีกเลี่ยงการตั้งรหัสผ่านที่คาดเดาได้ง่าย เช่น “1234” “0000” เพราะแค่กลัวตัวเองจะหลงลืม ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายที่จะถูกโจรกรรมข้อมูลไปได้อย่างง่ายๆเลยค่ะ อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องระวังก็คือ คุณไม่ควรที่จะใช้รหัสผ่านเป็นอันเดียวกันทั้งหมดเพื่อชำระค่าสินค้าออนไลน์กับทุกๆเว็บไซต์นะคะ เพราะหากกลุ่มแฮ๊กเกอร์สามารถแกะข้อมูลและโจรกรรมข้อมูลไปได้ ก็จะสามารถใช้รหัสผ่านเดียวกันนี้ไปดึงเอาเงินในบัตรของคุณไปได้ในทุกๆเว็บเช่นกันค่ะ
การตั้งรหัสผ่านที่ดีนั้นควรจะมีตัวอักษรพิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่ ตัวเลข สัญลักษณ์ปนกันอยู่ในรหัสค่ะ เพื่อทำให้รหัสของคุณนั้นจะได้มีความยากต่อคาดเดา และอย่าลืมที่จะเปลี่ยนรหัสใหม่ไปเรื่อยๆด้วยนะคะ หากคุณเองกลัวว่จะลืมรหัส การกู้คืนรหัส อาจเป็นทางเลือกง่ายๆอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ได้ค่ะ
หากมี SMS แจ้งการใช้งานบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่เราไม่ได้ใช้งาน ให้รีบแจ้งธนาคารทันที
หากว่าคุณได้รับการแจ้งเตือนทาง SMS จากบัตรเครดิตที่คุณถือนั้นว่ามีการใช้จ่ายไป ทั้งๆที่คุณเองไม่ได้มีการซื้อสินค้า หรือชำระค่าบริการใดๆเลย ก็อย่าได้ทำไม่สนใจ นิ่งเฉย หรือปล่อยผ่านไปเพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรมั๊งเด็ดขาดเลยนะคะ เพราะการแจ้งเตือนของ SMS นี้ อาจบ่งบอกได้ว่าข้อมูลในบัตรของคุณนั้นได้ถูกโจรกรรมและนำเงินไปใช้แล้วล่ะค่ะ
ดังนั้น สิ่งที่คุณควรทำอันดับแรกเมื่อได้รับการแจ้งเตือนทาง SMS นี้คือ คุณควรโทรศัพท์ติดต่อกับธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตที่คุณถืออย่างเร่งด่วนที่สุด เพื่อทำการเช็คยอดเงินที่ได้ใช้จ่ายออกไปกับทางเจ้าหน้าที่ธนาคาร หากมีการได้ใช้จ่ายตามที่ได้รับการแจ้งเตือนจริงทางเจ้าหน้าที่จะได้รีบดำเนินการอายัดบัตรในทันทีเพื่อปกป้องการถูกโจรกรรมซ้ำซ้อนค่ะ ส่วนในกรณีของยอดเงินที่หายไปนั้น หากทางธนาคารได้ตรวจสอบกับทางร้านค้าแล้วไม่พบหลักฐานของการชำระเงินที่มาจากคุณจริง ทางธนาคารเจ้าของบัตรจะทำการคืนเงินส่วนที่หายไปนั้นคืนกลับแก่คุณเต็มจำนวนค่ะ
รอบคอบสักนิด ช็อปออนไลน์ครั้งไหนๆก็ไร้กังวล
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับวิธีกาใช้บัตรเครดิตเพื่อชำระค่าสินค้าออนไลน์ที่ได้ติดตามอ่านกันมา คงทำให้เพื่อนๆหลายๆคนได้คลายความกังวลในเรื่องของความปลอดภัยที่จะใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในการช้อปปิ้งออนไลน์กันได้เยอะเลยทีเดียวใช่ไหมคะ ต่อจากนี้ไม่ว่าคราวไหนๆการช้อปปิ้งของคุณก็จะเป็นเรื่องง่าย สะดวก ปลอดภัย และมีความมั่นใจมากขึ้นในการเลือกซื้อสินค้า เพียงแค่เอาข้อแนะนำที่เอามาฝากกันข้างต้นไปใช้ และพยายามหมั่นสังเกตุตรวจสอบทุกครั้งเมื่อคิดจะช้อป หรือชำระเงินออนไลน์ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้คุณสบายใจหายห่วง และเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งในโลกออนไลน์ได้อย่างมั่นใจว่าปลอดภัยแน่นอนแล้วล่ะค่ะ
น้ำฝน
บัตรเครดิตเป็นอีกของสำคัญอย่างหนึ่งที่เราจำเป็นต้องมีติดตัวไว้ และระวังการถูกขโมยข้อมูลเพื่อที่จะเอาเงินในบัตรของเราไปใช้ เมื่อเราซื้อสินค้าออนไลน์มีการผูกบัตรเครดิตของเราเข้ากับ application ด้วย ดังนั้นเราจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงเรื่องของความปลอดภัยในการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต บทความนี้ทำให้เห็นถึงวิธีการในการซื้อสินค้าออนไลน์อย่างปลอดภัยค่ะ
Yupa
วิธีการต่างๆที่บทความนี้แนะนำมาดีมากเลยค่ะ เงินก็เงินของเรากว่าจะหามาได้แต่ละบาทพอจะเอามาซื้อของที่อยากใช้อยากได้ จะปล่อยให้พวกมิจฉาชีพมาฉวยโอกาสเข้าถึงเงินและข้อมูลส่วนตัวของเราไม่ได้ค่ะ เราต้องป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด บางครั้งอาจจะรู้สึกว่ามันยุ่งยากหน่อย แต่ก็คุ้มที่เราจะไม่เสียอะไรให้พวกมิฉาชีพเด็ดขาดค่ะ
โคนัน
ผมมีบัตรเครดิตและใช้ซื้อของออนไลน์บ้าง บางครั้งก็เก็บเงินปลายทางถ้าร้านค้าไหนที่ผมไม่ค่อยไว้ใจ แต่ผมจะใช้บัตรเครดิตเมื่อซื้อของผ่านร้านค้าที่มีชื่อเสียงครับ แบบลาซาด้า ช้อปปี้ พวกนี้แหละคิดว่าร้านค้าที่อยู่ในแอปพวกนี้น่าจะไว้ใจได้ครับ แล้วก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นนะครับ จะใช้ปลอดภัยแค่ไหนก็อยู่ที่คุณต้องเลือกให้ดีด้วย
มหามิตร
บอเลยว่า ไม่เคย ดูURL ของเว็บไซต์ เลยเวลาใช้บัตรซื้อของ เพราะไม่คิดว่ามันจะสำคัญมากขนาดนั้น เราเพิ่งสังเกตุนะว่า URL ของเว็บไซต์ ของร้านค้าที่ขายของออนไลน์บางร้านก็ไม่ได้มีแบบที่บอก แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้อยู่นะ แต่พออ่านแล้วเราก็ได้ระวังๆมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลบัตรของเรา เพราะถ้าถูกโขมยจริงๆนี่งานเข้าเลนนะ
สายยัน
เดี๋ยวนี้บริการของบัตรเครดิตให้เราสามารถจ่ายสินค้าออนไลน์ได้ด้วยนะครับ อันนี้มีมานานแล้ว แต่ต้องเช็คด้วยนะครับว่าเราได้รับข้อความการโอนเงินสำเร็จผ่านทาง SMS หรือไม่ เพราะถ้าเรารู้สึกว่าการโอนเงินของเราไม่สำเร็จแต่เงินของเราถูกหักไป ทำการติดต่อกับทางธนาคารเลยครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับบัตรเครดิตของเรา เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้การใช้งานปลอดภัยครับ
กิตนะ
สุดยอดไปเลยครับบบ! ไม่คิดว่าช้อปออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตจะมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย ปกติผมจะช้อปออนไลน์ทีหนึ่งผมจะเลือกช้อปกับทางลาซาด้า ไม่ก็ช้อปปี้ และผมก็จะดูหลายๆร้านก่อนที่จะกดสั่งซื้อทุกครั้งเลยครับ เพราะผมก็กลัวที่ของจะไม่มาส่งเหมือนกัน แต่ทางช้อปปี้หากของยังไม่ส่งหรือเราโดนโกงเราก็สามารถขอเงินคืนจากศูนย์ได้ (โนสปอนเซอร์นะครับ) แฮร่
น้อยหน่า
เดี๋ยวนี้เมื่อซื้อสินค้าออนไลน์แล้วจำเป็นต้องมีการใส่รหัสของบัตรเครดิตในการซื้อสินค้า เพื่อที่จะใช้บริการการผ่อนชำระได้ เพื่อที่จะได้แต้มคะแนนสะสมจากการใช้ผ่านบัตรเครดิต แต่เพื่อความปลอดภัยในการกรอกข้อมูลลงไป อย่าลืมที่จะตั้งรหัสผ่านอย่างที่คาดเดาได้ยากนะคะ เพราะว่านี่จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้บัตรเครดิตของเราปลอดภัยถ้าเราใส่รหัสจะยากๆ
วรรรนภา
ส่วนใหญ่แล้ว หนู จะเลือกซื้อกับเวบที่น่าเชื่อถือคะ อย่าง ลาซาด้า กับ ช๊อปปี้คะ ที่หนูเลือกที่จะจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิต เพราะรู้สึกว่าสองเวบนี้มีมาตรฐานแล้วก็น้อยมากที่จะเจอคนที่โกงหรือว่าส่งสินค้าที่ไม่ตรงปกมาให้คะ ที่หนูชอบที่สุดคือ ของ ช๊อปปี้คะ เพราะว่าเขาจะมีช่องให้เรายืนยันรับสินค้าด้วยคะ ถ้ามีปัญหาเราก็แค่ไม่ยอมรับสินค้าเท่านั้นเองคะ