การเป็นมนุษย์เงินเดือนทุกวันนี้ไม่ง่ายเลย!l สำหรับใครที่เป็นพนักงานประจำอยู่ หรือทำงานฟรีแลนซ์ ไม่ว่าจะมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันแค่ไหน ถ้าต้องการวางแผนอนาคต หรือมองการณ์ไกลถึงวัยเกษียณ ทุกคนต่างก็คิดถึงการออมเงิน เพื่อจะไม่ฝืดเคืองในอนาคต ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ทำงานมานานแค่ไหน ก็ไม่สายที่จะเริ่มออมเงิน แต่มนุษย์เงินเดือนแบบเราควรเลือกอย่างไร เพราะการออมเงินก็มีหลายแบบอยู่เหมือนกัน หากจะเลือกออมเงินในบัญชีเงินฝากแบบธรรมดา ก็กลัวว่าดอกเบี้ยจะไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่ หรือจะเลือกลงทุนในหุ้นก็ไม่ค่อยมีเวลาติดตามหรือรับความเสี่ยงสูงๆ ไม่ไหว แล้วการลงทุนแบบไหนบ้างที่จะให้เงินของเรางอกเงย และตอบโจทย์ที่สุดสำหรับมนุษย์เงินเดือน ถ้าอยากรู้ มาดูไปพร้อมๆกันเลยว่า ตัวเลือกอย่าง ‘กองทุนรวม’ จะน่าสนใจสำหรับมนุษย์เงินเดือน และตอบโจทย์ชีวิตเราได้มากแค่ไหน เราควรมีกองทุนรวมไว้เพื่ออะไร ให้ผลประโยชน์อะไรกับเราบ้าง และจะเข้าใจเป้าหมายในการมีกองทุนรวมแบบต่างๆ ได้อย่างไร มาดูกันเลย

มีกองทุนรวมเพื่ออะไร

มีกองทุนรวมเพื่ออะไร

กองทุนรวมคืออะไร?! ตอบง่ายๆของการทำงานของมันก็คือ เงินก้อนใหญ่ที่เราจะได้ จากการที่มีผู้ลงทุนรายย่อยเช่นเรารวมเงินกัน โดยจะมีการจดทะเบียนในฐานะนิติบุคคล แล้วมีผู้ดูแลกองทุนนำไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อีกที อาจจะมีในสินทรัพย์ต่างๆ หรือกระจายการลงทุนให้กับเราและมีการกระจายความเสี่ยงเกือบครบทุนการลงทุน เช่น หุ้น , ทองคำ , ตราสารหนี้และพันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์ หรือขอบเขตที่ใหญ่ขึ้นอย่างหุ้นต่างประเทศก็ยังทำได้

ดังนั้น ในการที่เราถือกองทุนรวม จะทำให้เรากลายเป็นผู้ลงทุนเต็มตัวที่จะได้มาซึ่งหน่วยลงทุน ถือเป็นหลักฐานว่าเราเป็นเจ้าของกองทุนนั้นๆ แล้วก็จะมี บลจ. หรือเรียกเต็มๆว่า บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เข้ามาเป็นตัวกลางในการจัดตั้งกองทุนให้เรา รวมถึงบริหารเงินให้งอกเงย และเฉลี่ยผลตอบแทนคืนมาให้ตามสัดส่วนที่เราลงทุน โดยการกำหนดนโยบาย คัดเลือกหุ้นทั้งในและต่างประเทศเลยก็มี

กองทุนรวมมีระบบการทำงานที่ต่างจากหุ้นอย่างชัดเจน การลงทุนในหุ้นเราอาจต้องมองหาโบรกกเกอร์ (บล.) ทุกการตัดสินใจจะอยู่ที่ผู้เล่นหุ้นเป็นหลัก แต่สำหรับกองทุนรวม เราจะมี บลจ. เป็นตัวกลาง เราจึงต้องมองหาบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุนแบบที่ไว้ใจได้ แต่ปลอดภัยตรงที่ เงินของเราจะมีผู้ดูแลผลประโยชน์อีกที แม้ บลจ. อาจล้มละลายไป สถาบันการเงินที่ดูแลอยู่ก็จะทำการจัดสรรเงินคืนให้กับเราเพื่อลงทุนกองนั้นต่อได้อีกเป็นต้น

กองทุนรวมให้อะไรกับเราบ้าง

กองทุนรวมให้อะไรกับเราบ้าง

กองทุนรวมจริงๆแล้ว เราสามารถเริ่มได้ตั้งแต่หลักร้อย ไปจนถึงหลักพันก็ได้ บางกองทุนกำหนดไว้แค่ 1 บาทก็มี ถือว่าเริ่มต้นได้ไม่ยากที่เราจะสร้างฐานเงินออมและความมั่นคงในชีวิต แล้วสำหรับเรื่องสำคัญที่มนุษย์เงินเดือนสนใจ ก็คือผลตอบแทนที่แน่นอนนี่ล่ะ! สิ่งที่กองทุนรวม จะให้กับเราคือ ‘กำไร’ ที่สามารถเลือกรับได้ใน 2 รูปแบบ คือ ‘เงินปันผล’ และ ‘กำไรส่วนต่างจากราคาหลักทรัพย์’ มาดูรายละเอียดกันสักหน่อย

เงินปันผล (Dividend) - ก็คือค่าตอบแทนที่ บลจ. จะจ่ายให้กับเราเป็นประจำตามที่ตกลงกัน ปัญผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนตามลำดับ อาจมาให้รูปแบบของเงินสดตรงๆ หรือเป็นหุ้น ซึ่งในบางแห่งอาจมีการนำเงินจำนวนนี้ไปลงทุนต่อก็จะเป็นกำไรสะสม ให้ต่อไปอีก โดยอาจเป็นเป็นสัดส่วนในการถือหุ้นแก่เรา หรือมาในรูปมูลค่าสุทธิของกองทุนเติบโตอย่าง NAV (Net Asset Value) ที่หลายคนคุ้นหู

กำไรส่วนต่างจากราคากองทุนหรือหลักทรัพย์ (Capital Gain) - ถือเป็นกำไรที่เราจะได้มาจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่งอกเงยขึ้นมาตามปกติ หรือการซื้อถูกขายแพงนี่แหล่ะ อาจมาโดยเราขายหน่วยลงทุนคืน เมื่อเห็นว่ามีกองทุนอื่นอีกที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า ซึ่งมีราคาขายสูงกว่าต้นทุนการลงทุนของเรา แต่ไม่ควรทำบ่อยๆ เพราะจะลงทุนแบบไหนก็ตาม เวลาในการงอกเงยก็จำเป็นทั้งนั้น

เป้าหมายในการมีกองทุนรวมแบบต่างๆ

เป้าหมายในการมีกองทุนรวมแบบต่างๆ

หากจะถามว่ามนุษย์เงินเดือนเหมาะกับกองทุนรวมไหม? มีความเสี่ยงมากน้อยอย่างไร? ก็ขึ้นอยู่กับ ‘เป้าหมายในการลงทุน’ นี่ล่ะ! ทำให้เราต้องคิดทบทวนก็ดีๆสักหน่อย ไหนๆก็จะลงทุนทั้งทีแบบนี้ ถ้าจะเปรียบระหว่าง ‘กองทุนรวม’ กับ ‘หุ้น’ สิ่งที่เราตัดสินใจได้ง่าย ก็ขึ้นอยู่กับความเสี่ยง แม้เสี่ยงมากผลตอบแทนก็อาจมากตามไปด้วย แต่สถานะแบบเราต้องดูว่าพร้อมรับความเสี่ยงได้ในระดับไหนแน่ๆ ดังนั้น กองทุนรวมถือว่าตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือนเพราะจัดว่าอยู่ใน ‘ระดับความเสี่ยงปานกลาง’ ต่างจากหุ้นที่อาจต้องมีทักษะหรือเชี่ยวชาญในการซื้อมันตรงๆ ต้องเลือกหุ้นให้ถูกตัวและมีความรู้พื้นฐานที่แน่นกว่า

การลงทุนในกองทุนรวมแบบต่างๆ ถือว่าเหมือนการลงทุนทางอ้อม ที่เป็นแบบนี้เพราะ เราจะมีผู้บริหารหรือผู้ดูแลกองทุน คอยจัดการให้ตลอดเวลา กระจายความเสี่ยงให้ เพื่อลงทุนในผลิตภัณฑ์การเงินที่ระบุในหนังสือชี้ชวนตามสไตล์ที่เราเลือกหรือตกลงกัน แม้เราอาจเริ่มต้นด้วยจำนวนเงินที่น้อยกว่าก็ทำได้เลย , มีมืออาชีพคอยดูแล , จำกัดและควบคุมความเสี่ยงได้ง่าย รวมทั้งมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่มากขึ้นสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราเลยล่ะ

เป้าหมายในการลงทุนของมนุษย์เงินเดือนก็หนีไม่พ้น การต้องการผลตอบแทนที่ดีขึ้น หรือการเริ่มด้วยจำนวนเงินแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะไม่อยากเสี่ยงเกินไป หรือบางคนก็ไม่ค่อยมีเวลาจริงๆในการติดตามข้อมูลข่าวสารแต่ก็อยากวางแผนภาษีไปในตัว กองทุนรวมจึงถือว่าให้เราได้ดีในแง่ที่ว่า แต่ก็จะมีเรื่องระยะเวลามากำหนดวิธีการของเราด้วย ดังนี้

เป้าหมายแบบระยะสั้น

จะเหมาะกว่าสำหรับคนที่ต้องแหล่งพักเงินในระยะสั้นๆ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสภาพคล่องที่ดีขึ้น มีผลกำไรที่น่าพอใจกว่าการฝากในธนาคาร เพราะสามารถเป็นเป็นเงินสดได้ในเวลาไม่นาน ที่นำมาจัดการกับรายจ่างต่างๆในระยะเวลา 3 เดือน , 6 เดือน หรือ ไม่เกิน1 ปี เช่น กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) แบบทั้งภาครัฐหรือเอกชนให้เราเลือก แต่ก็อาจมีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ยังไม่สูงนัก ประมาณ 1-2%

เป้าหมายแบบระยะกลาง

แบบนี้ก็ยังถือว่าคล้ายกับเป้าหมายระยะสั้นบ้าง แต่มากขึ้นมาหน่อยในเรื่องจำนวนผลตอบแทนและเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น อย่างเช่นความต้องการในการซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือการแต่งงาน ซึ่งอาจมีเวลาวางแผนที่นานขึ้น ใน 3 - 7 ปี เช่น กองทุนรวมตราสารหนี้ หุ้นกู้ทั้งภาครัฐและเอกชน หรือ กองทุนรวมหุ้น LTF ที่มนุษย์เงินเดือนหลายคนเลือกเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคต และมีสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษี ผลตอบแทนเฉลี่ยที่เราจะได้ก็ประมาณ 2 - 4 %

เป้าหมายแบบระยะยาว

จะถูกกำหนดด้วยระยะเวลาที่มากกว่า 3 ปีขึ้นไป เงินต้นที่เราต้องลงทุนก็อาจจะเพิ่มขึ้นมา แต่ผลตอบแทนก็จะมากขึ้น ถ้าเราไม่ได้ถอนออกมายิ่งจะงอยเงยมากขึ้น ด้วย ‘ดอกเบี้ยทบต้น’ หรือ Re-invest ได้ด้วย มนุษย์เงินเดือนหลายคนที่เลือกแบบนี้ก็เพราะอยากวางแผนในเรื่องการเกษียณให้มีประสิทธิภาพ ป้องกันปัญหาขาดรายได้ในอนาคต จึงหันมาลงทุนระยะยาวกันมากขึ้นด้วย กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF ที่จะขายคืนเมื่อมีอายุ 55 ปี แต่ลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปีปฎิทิน หรือเน้นในการลงทุนกับหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นไทยอย่าง กองทุนที่อิงกับดัชนีSET50, กองทุนพลังงาน หรือกองทุนกลุ่มโรงพยาบาล และกองทุนต่างประเทศแบบตลาดหุ้นสหรัฐหรือจีน รวมทั้งกลุ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ

กองทุนรวมนี่แหละ ตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือนที่สุด!

กองทุนรวมนี่แหละ ตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือนที่สุด!

เป็นเรื่องปกติที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ พอทำงานได้เงินมา ก็อยากหาวิธีเก็บออมหรือต่อยอดให้เงินก้อนนั้นงอกเงยต่อไป เพราะการฝากเงินด้วยบัญชีธรรมดากับธนาคารแบบเดิมๆ ไม่ทำให้เราเอาชนะค่าเงินที่เฟ้อขึ้นเรื่อยๆ ได้เลย ‘กองทุนรวม’  จึงถือเป็นตัวเลือกหลักๆ ที่มนุษย์เงินเดือนหลายคนคิดว่าเหมาะสมกับมือใหม่ดี เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลามานั่งคอยติดตาม และยังมีผู้จัดการกองทุนที่เป็นมืออาชีพคอยดูแลการลงทุนให้เราไปในตัวด้วย เราก็มีหน้าที่หลักๆ แค่มีวินัยในการออมทุกๆเดือนแค่นั้น

การตั้งเป้าหมายของเรานั้นสำคัญ การกำหนดว่าเราลงทุนในกองนี้เพื่ออะไรอย่างชัดเจน ถือว่าตอบโจทย์ที่สุด เช่น การเกษียณ การออมเพื่อบ้านหลังแรก หรือวางแผนการศึกษาของลูก พอเราได้เป้าหมายมาแล้วก็จะรู้จำนวนเงินที่ต้องจ่าย และระยะเวลาในการใช้เงินก้อนนี้ สามารถกำหนดการลงทุนต่อเดือนได้ เพื่อมีการประเมินและวัดผลที่เหมาะสม โดยอาจหาข้อมูลหรือการเลือกกองทุนที่เหมาะกับเราได้ตามกูรูการลงทุนในอินเทอร์เน็ตที่เข้าตา ถ้ายังไม่เข้าใจก็อย่างเพิ่งรีบร้อน อ่านอีกสักรอบก่อนก็ได้ เพราะการเปิดบัญชีกองทุนทำได้ง่ายมากๆ ไม่ว่าจะไปซื้อเองที่ธนาคารหรือตลาดหลักทรัพย์นั้น ผ่าน Mobile Application หรือ เว็บไซต์ แค่ไม่กี่นาทีก็สะดวกมาก

แนะนำว่ามือใหม่ควรเริ่มจากลงทุนน้อยๆก่อน อาจตัดออมผ่านบัญชีทุกเดือนก่อนก็ได้ ออมเท่าที่เราออมไหว สามารถเพิ่มได้ในตอนหลังได้ เพื่อฝึกวินัยของเราไปในตัวด้วยและทำให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้เร็วขึ้น ส่วนเรื่องการจัดพอร์ตการลงทุนก็ไม่สูตรตายตัวหรือเฉพาะ ทำให้มนุษย์เงินเดือนก็สามารถวางแผนแบบที่เหมาะกับวัตถุประสงค์หรือเป้าหมาย ด้วยระยะเวลาที่ทำให้การลงทุนของเราตอบโจทย์มากขึ้น และต้องมีการติดตามผลการลงทุนบ้าง ถึงไม่บ่อย แต่ถ้าเรามีความรู้ความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น ก็ยิ่งทำให้สามารถต่อยอดการลงทุนในแบบที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนแบบเราต่อไปได้ และเราสามารถเพิ่มความมั่นใจด้วยการ ‘ศึกษาผลตอบแทนในอดีต’ ของกองทุนย้อนหลังบ้าง เพื่อดูแนวโน้มต่างๆ หรือทิศทางในการลงทุน แล้วอนาคตทางการเงินของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราก็จะยิ่งมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ และได้ผลตอบแทนที่มากขึ้นด้วยอย่างแน่นอน