การทำงานประจำเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นแม้ว่าจะทำงานแบบนี้มานานสักวันหนึ่งก็คงต้องมีการปรับเปลี่ยน เช่นการลาออกจากงานเพื่อมาเปิดธุรกิจของตัวเองดังนั้นการปรับเปลี่ยนนี้นอกจากจะวางแผนเรื่องการเงินต่างๆด้านการลงทุนแล้วในส่วนของเรื่องประกันสังคมก็ต้องมีการจัดการด้วยเมื่อรายได้หรือการงานอาชีพเปลี่ยนไปสิทธิ์ของประกันสังคมที่ทำไว้ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยน และนี่แหละที่เป็นคำถามและข้อมูลที่หลายคนคงอยากทราบว่าถ้าจะต้องลาออกจากงานประจำที่ทำมาเป็นหลายสิบปีแล้วจะจัดการเรื่องของประกันสังคมอย่างไรดี? โดยเฉพาะเรื่องของสิทธิ์ประโยชน์ และเรื่องของภาษีด้วย
แน่นอนเลยว่าการลาออกจากงานนั้นนอกจากจะเปลี่ยนแปลงเรื่องของสิทธิ์ที่จะได้รับและเรื่องภาษีแล้วการจ่ายเงินให้ประกันสังคมก็ต้องเปลี่ยนด้วย เพราะเมื่อคุณทำงานประจำเมื่อมีเงินเดือนก็ต้องถูกหักเป็นประจำเพื่อจ่ายให้ประกันสังคมตามกฎหมายกำหนดส่วนนายจ้างก็มีส่วนช่วยจ่ายด้วย ซึ่งสิทธิ์ของการทำประกันสังคมกับบริษัทที่คุณจะได้รับก็คือ ในเรื่องของค่ารักษาพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ เช่น การเจ็บป่วย,ทุพพลภาพ,ชราภาพ,ว่างงาน,อุบัติเหตุ,คลอดบุตร,การสงเคราะห์บุตร,เสียชีวิต เป็นต้น ซึ่งจะเรียกการทำประกันสังคมแบบี้ว่าผู้ประกันตนมาตรา 33 คือมีนายจ้างค่ะ แต่จะทำอย่างไรเมื่อลาออกจากงานแต่ยังมีรายได้แบบไม่มีนายจ้างต้องยกเลิก หรือเปลี่ยนการประกันตนเป็นแบบไหน? อย่างพึ่งงงกันไปเพราะบทความนี้มีคำตอบเรียกได้ว่าจะเป็นคู่มือของเรื่องการจัดการประกันสังคมเมื่อลาออกจากงานก็ว่าได้เลย เรื่องราวที่จะมาบอกมีดังนี้คือ ขึ้นทะเบียนผู้ว่างงาน / สมัครเป็นผู้ประกันตนเองมาตรา 39 การศึกษาความรู้ตรงนี้เอาไว้ก่อนแม้จะยังไม่ได้ลาออกก็เป็นสิ่งที่ดีเผื่อว่าวันหนึ่งต้องลาออกจากงานกระทันหันจะได้จัดการอย่างถูกต้องและไม่เสียผลประโยชน์หรือทำผิดขั้นตอนค่ะ
ขึ้นทะเบียนผู้ว่างงาน
ถ้าการลาออกจากงานเดิมเพื่อไปทำงานที่ใหม่ทันทีแบบงานประจำมีนายจ้างเหมือนเดิมก็ไม่มีอะไรต้องจัดการมาก แต่ถ้าการลาออกจากเกิดขึ้นแล้วไม่ได้ทำงานใหม่ทันทีก็จะเกิดการว่างงานช่วงเวลาหนึ่งได้ดังนั้นขั้นตอนที่ต้องทำคือคุณต้องไปขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานเพื่อจะได้รับเงินทดแทนขณะว่างงาน 30% ของเงินเดือนที่เคยได้ตามที่ได้รับจริงๆแต่จะได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท และได้รับเงินทดแทนนั้นภายใน 3 เดือนที่ว่างงานเท่านั้น ส่วนเงื่อนไขนั้นก็ไม่ยากประกันสังคมจะมีการกำหนดให้คุณต้องไปรายงานตัวทุกเดือนและเงินที่ได้รับจะมีการแบ่งจ่ายเป็นรายเดือนให้คุณซึ่งคุณสามารถไปติดต่อขอรับสิทธิ์ได้ที่สำนักงานประกันสังคมที่ใกล้บ้านคูรเพื่อความสะดวกดีที่สุดค่ะ ปัจจุบันนี้ก็ยิ่งสะดวกมากยิ่งขึ้นเพราะคุณสามารถรายงานตัวต่อประกันสังคมว่ายังว่างงานอยู่ผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้แล้ว ข้อกำหนดอีกอย่างคือการขึ้นทะเบียนคนว่างงานต้องรีบทำภายใน 30 วันหลังจากลาออกจากงานนะคะถ้าหากว่าเลยเวลานี้มาแล้วจะไม่สามารถขอรับสิทธิ์ได้ค่ะ ในสมัยนี้อะไรๆก็ง่ายการขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานสามารถทำได้ผ่านเว็บไซด์แล้วค่ะ มาดูขั้นตอนกันค่ะ
ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนผู้ว่างงาน และการรายงานตัวผ่านเว็บไซด์
- ลงทะเบียนสมาชิกในเว็บไซด์ https://empui.doe.go.th/auth/index ด้วยการใช้ข้อมูลจากบัตรประชาชนพร้อมกับกรอกเลขหลังบัตรด้วย (Laser Code) แล้วจะได้รับรหัสผ่านเพื่อเข้าใช้งานในระบบ
- เมื่อได้รหัสผ่านมาแล้วก็สามารถลงทะเบียนได้สำเร็จก็เข้าไปยื่นแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน สปส.2-01/7 พร้อมกับเอกสารประกอบการยื่นแบบคำขอ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน / สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรก (ต้องมีชื่อและเลขบัญชีของคุณ) / ให้ส่งสำเนาแบบคำขอไปที่สำนักงานประกันสังคมไปได้ทุกที่ทุกสาขาทั่วประเทศไทยตามที่อยู่ของคุณ
- การรายงานตัวก็สามารถรายงานตัวผ่านระบบในเว็บไซด์ได้แล้ว โดยมีข้อจำกัดว่าสามารถรายงานตัวได้ 1 ครั้งต่อเดือนเท่านั้น (ถ้าเกิดเหตุขัดข้องคุณไม่สามารถทำการเข้าระบบด้วยตัวเองได้ในเว็บไซด์ก็สามารถเข้าไปติดต่อที่สำนักงานประหันสังคมใกล้บ้านคุณได้เพื่อขอความช่วยเหลือในการเข้าระบบ เพื่อความสะดวกในการรายงานตัวของคุณในทุกๆเดือนค่ะ)
สามารถสอบถามรายละเอียดได้ก่อนที่หมายเลข 1506 ซึ่งก็คือสายด่วนกระทรวงแรงงานที่ให้บริการ 24 ชม. ค่ะ
สมัครเป็นผู้ประกันตนเองมาตรา 39
ตอนนี้คุณก็ทราบแล้วว่าหลังจากลาออกจากงานก็ต้องรีบไปขึ้นทะเบียนคนว่างงานภายใน 30 วันเพื่อรับสิทธิ์เงินทดแทนระหว่างที่ว่างงานอยู่ซึ่งจะได้รับสิทธิ์ภายใน 3 เดือนเท่านั้น แต่มีอีกทางเลือกหนึ่งที่คุณทำได้คำแนะนำก็คือให้เปลี่ยนมาสมัครทำประกันสังคมมาตรา 39 แทนโดยต้องส่งเงินสมทบรายเดือนเดือนละ 432 บาทซึ่งไม่มีเงินสมทบจากนายจ้างแต่คนที่จะสมัครประกันสังคมมาตรา 39 ได้ต้องเคยทำประกันสังคมมาตรา 33 มาก่อนนี่คือเงื่อนไขอย่างหนึ่ง การจะสมัครประกันสังคมมาตรา 39 นั้นก็ต้องทำภายใน 30 วันหลังจากลาออกจากงานด้วยค่ะ สิทธ์ที่จะได้รับความคุ้มครองในกรณีต่อไปนี้คือ ค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย,อุบัติเหตุ,คลอกบุตร,สงเคราะห์บุตร,เสียชีวิต,ทุพพลภาพ,และเงินชราภาพ มาดูรายละเอียดการสมัครเป็นผู้ประกันตนเองมาตรา 39 กันค่ะ เรื่องของคุณสมบัติ,การยื่นใบสมัคร,หลักฐาน,เงินสมทบ,วิธีการจ่ายเงินสมทบ,การหักจากบัญชีใน 6 ธนาคาร,จ่ายด้วยเงินสด,หน้าที่ของผู้ประกันตนเองมาตรา 39,สาเหตุที่ทำให้สิ้นสภาพจากมาตรา 39
คุณสมบัติของผู้ประกันตนเองมาตรา 39
-
ต้องเคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาก่อนและมีการส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน และลาออกจากงานมาแล้วไม่เกิน 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ลาออกจากงาน
-
ต้องไม่เป็นผู้รับประโยชน์ทดแทนกรณีทุพพลภาพจากกองทุนประกันสังคม การยื่นใบสมัคร
-
ต้องยื่นใบสมัครตามแบบคำขอเป็นผู้ประกันตนเองมาตรา 39 (แบบ สปส. 1-20) ด้วยตนเองภายใน 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ลาออกจากงาน
-
สถานที่ที่สามารถไปยื่นใบสมัครได้ คือ ในกรุงเพทมหานครยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคม 12 แห่ง ในจังหวัดอื่นๆ ยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมของจังหวัดนั้นๆทุกสาขา
หลักฐานการสมัครผู้ประกันตนเองมาตรา 39
- แบบคำขอเป็นผู้ประกันตนเองมาตรา 39 สปส. 1-20
- บัตรประชาชนหรือบัตรอื่นที่มีรูปถ่าย เงินสมทบที่ต้องส่งให้ประกันสังคมทุกเดือน
ต้องส่งเงินสมทบทุกเดือนเดือนละ 432 บาท ซึ่งผู้ประกันตนจะได้รับความคุ้มครองในกรณีที่เหมือนกับการประกันตนมาตรา 33 ทุกอย่าง
วิธีจ่ายเงินสมทบผู้ประกันตนเองมาตรา 39
สามารถจ่ายเงินสมทบที่สำนักงานประกันสังคมโดยตรงพร้อมแบบส่งเงิน สปส. 1-11 หรือการกัหบัญชี หรือจ่ายเงินสดที่ธนาคาร
จ่ายเงินสมทบโดยหักบัญชีได้ 6 ธนาคารดังนี้
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- ธนาคารกรุงไทย
- ธนาคารธนชาต
- ธนาคารกสิกรไทย
- ธนาคารไทยพาณิชย์
- ธนาคารทหารไทย (กรณีจ่ายเงินสมทบด้วยการหักบัญชีจากธนาคารไทยพาณิชย์นั้นสามารถดำเนินการได้ทุกสาขาที่คุณเปิดบัญชีนั้น)
(กรณีจ่ายเงินสมทบด้วยการหักบัญชีจากธนาคารกรุงไทยจะได้รับการลดค่าธรรมเนียมจาก 10 บาท เหลือเพียงรายการละ 5 บาทเท่านั้น)
จ่ายเงินสมทบด้วยเงินสด
-
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
-
ธนาคารกรุงไทย
-
จ่ายผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส 7-11 ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมรายการละ 10 บาท สามารถจ่ายเงินสมทบได้ทุกสาขา
-
จ่ายเป็นธนาณัติ ณ ที่ทำการไปรษณีย์พร้อมแบบส่งเงิน สปส.1-11 ถึงสำนักงานประกันสังคมทุกสาขาที่คุณสะดวก
-
จ่ายเงินสมทบผ่านเคาน์เตอร์ไปรษณีย์ได้ทุกสาขาทั่วประเทศไทยจะมีค่าธรรมเนียมรายการละ 10 บาท หน้าที่ของผู้ประกันตนเองมาตรา 39
-
ต้องจ่ายเงินสมทบภายในวันที่ 15 ของทุกเดือนหากจ่ายเงินสมทบเกินวันที่กำหนดต้องมีการจ่ายเพิ่มอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน
-
หกมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลต้องต้องแจ้งดังนี้ > กรณีเปลี่ยนแปลงสถานที่ติดต่อต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันโดยส่งแบบการแจ้ง สปส. 1-34 > กรณีเปลี่ยนแปลงชื่อ-นามสกุล หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆต้องแจ้งทันทีพร้อมแนบเอกสาร > กรณีต้องการยกเลิกหรือกลับเข้าทำงานและมีสถานะมีนายจ้างตามมาตรา 33 ต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรทันทีตามแบบการแจ้งเพื่อสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนเองมาตรา 39 สปส. 1-21
สาเหตุที่ทำให้สิ้นสภาพผู้ประกันตนเองมาตรา 39
- เสียชีวิต
- กลับไปเป็นผู้ประกันตนเองมาตรา 33
- ลาออก
- ขาดการส่งเงินสมทบติดต่อกัน 3 เดือน
- ภายในระยะเวลา 12 เดือนส่งเงินสมทบไม่ครบ 9 เดือน ทั้งหมดนี้ก็คือรายละเอียดของผู้ที่ต้องการสมัครเป็นผู้ประกันตนเองมาตรา 39 ในขณะที่ว่างงานหรือไม่ได้ทำงานประจำแบบมีนายจ้างแล้วนั่นเองค่ะ
ศึกษาข้อมูลให้ดีเพราะการงานอาจจะไม่แน่นอนเพื่อจะจัดการได้
เมื่อลาออกจากงานและมีช่วงเวลาที่ว่างงานอยู่คุณต้องวางแผนให้ดีตัดสินใจให้ดีว่าต่อไปจะทำงานอะไรธุรกิจส่วนตัว หรือกลับไปทำงานประจำแบบมีนายจ้างเหมือนเดิมกับที่ทำงานใหม่เพื่อจะเลือกการรับสิทธิ์ประกันสังคมอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณซึ่งบทความนี้ก็แนะนำว่ามี 2 ทางเลือกคือ ขอรับสิทธิ์คนว่างงานในมาตรา 33 เหมือนเดิม หรือ ขอรับสิทธิ์เป็นผู้ประกันตนเองตามมาตรา 39 ไปก่อน แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหนก็มีเงื่อนไขและข้อกำหนดทั้งนั้นที่คุณต้องทำตามไม่อย่างนั้นจะเสียสิทธิ์โดยไม่รู้ตัว เช่น ระยะเวลาการแจ้ง / เอกสารและข้อมูลต่างๆ / แบบคำขอต่างๆ ซึ่งปัจจุบันนี้อย่างที่บอกว่าการติดต่อเรื่องประกันสังคมนั้นไม่ต้องเดินทางไปด้วยตัวเองแล้วสามารถจัดการเรื่องต่างๆเหล่านี้ได้ผ่านทางเว็บไซด์ของกระทรวงแรงงานตามลิงค์นี้นะคะ https://empui.doe.go.th/auth/index บอกเลยว่าสะดวกมากจริงๆค่ะยังไงก็หาข้อมูลเอาไว้ก่อนนะคะเพื่อจะไม่เสียผลประโยชน์และเลยเวลาที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดไว้ค่ะ
นฤมล
ครับ ถ้าลาออกหลายคนชอบลืมคิดเกี่ยวกับเรื่่องประกันสังคม แต่อยากจะบอกว่าเรื่่องนี้ค่อนข้างสำคัญเลยทีเดียวครับ เราควรต้องตรวจสอบสิทธิ์ของตัวเอง เพราะถ้าไม่ไปต่ออาจจะไม่ได้รับเงินชดเชย อีกอย่างถ้าไม่สนใจไปทำเรื่อง ประกันสังคมเราอาจจะขาด แล้วทำให้ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ ยังงัยก็ขอบคุณบทความดีๆนะครับ จะได้รู้ทั่วกัน
ประสิทธิ์
ขอบคุณค่ะสำหรับความรู้เกี่ยวกับประกันสังคม เราสามารถได้รับเงินชดเชยรายได้ในกรณีที่ทำการเปลี่ยนงานหรือออกงานด้วย ทำให้รู้มากขึ้นเขาว่าจำเป็นต้องมีการไปลงทะเบียนในกรณีที่เราออกงาน ไม่ได้รับเงินชดเชยในช่วงเวลาที่เราไม่มีงานทำหรือกำลังเปลี่ยนงาน เพราะว่าประกันสังคมจะช่วยเหลือก็ต่อเมื่อเราเป็นคนที่ดำเนินการลงทะเบียนด้วยตัวเองนะคะ
น้ำฝน
ในกรณีที่เราได้รับการออกจากงานหรือถูกไล่ออก บริษัทมีประกันสังคมให้กับเรา ถ้าในกรณีที่เรายังไม่มีงานใหม่มารับรอง เราสามารถได้รับการช่วยเหลือในกรณีที่ว่างงานเป็นเงินชดเชยได้นานถึง 6 เดือน แต่ว่าเราก็ต้องรักษาสิทธิ์ของตัวเองในเรื่องนี้โดยการไปลงทะเบียนที่สำนักงานประกันสังคม เพื่อที่จะได้รับเงินชดเชยดังกล่าวในกรณีแบบนี้ด้วย
Kanokporn
แต่ก่อนก็งงๆนะคะเรื่องของประกันสังคม เคยได้ยินบางคนพูดว่า "ไม่รู้จะส่งเงินเข้าประกันสังคมทำไมส่งไปก็ใช้อะไรไม่ได้มาก" แต่พอมาอ่านบทความนี้ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะการส่งประกันสังคมเนี่ย คิดว่ามีหลายคนที่ยังไม่เข้าใจจริงๆว่าประกันสังคมใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง แต่เดี๋ยวนี้คงเข้าใจกันมากขึ้นแล้วล่ะเพราะมีเรื่องเงินเยียวยาเข้ามาด้วย
วินัย
โหนี่ถ้าผมรู้ก่อน หรือได้มาอ่านเรื่องนี้ก่อนก็ดีสิ นี่ก็ลาออกมาแล้วเปลี่ยนงานแล้วเสียสิทธิ์ประกันสังคมไปแล้วด้วย เฮ้อถือว่าเป็นบทเรียนละกันตอนนั้นผมลืมคิดเรื่องนี้ด้วยครับ พูดๆไปก็เสียดายเงินค่าเบี้ยประกันที่ส่งไปแล้วตั้งหลายเดือนครับ แต่งานเก่านั้นทำไม่ไหวจริงๆ เอาเป็นว่าตอนนี้เริ่มต้นใหม่ทั้งงานทั้งประกันครับ
LARIN
จริงเหรอที่ลาออกจากงาน แล้วมาสารถได้รับเงินชดเชยกรณีว่างงานได้ เราว่าต้องเชคให้ดีๆนะคะ เพราะที่บ้านเรา พ่อเราก็ลาออกจากงานมาเหมือนกัน เราบอกพ่อให้ไปทำเรื่องว่างงานเพื่อรับเงินชดเชย แต่ผลเป็นยังไง ทราบไหมคะ ทางประกันสังคมบอกว่า ไม่สามารถขอชดเชยได้ เนื่องจากพอเราอายุมากแล้ว คือเราอยากทราบเหมือนกันว่าแบบนี้ถูกต้องไหม
บอย
เห็นชัดเจนเลยนะครับว่าการออกจากงานโดยที่ไม่มีการบอกล่วงหน้า หรือว่าไม่มีเอกสารออกงานอย่างถูกต้อง ทำให้เราได้รับเงินชดเชยจากประกันสังคมไม่ได้ ควรที่จะดำเนินตามตามขั้นตอนที่ประกันสังคมได้กำหนดไว้เกี่ยวกับระยะเวลา กำลังจะออกจากการทำงานด้วย เพราะว่าถ้าปล่อยไว้นานเกินไปก็จะไม่สามารถที่จะใช้สิทธิ์เงินว่างงานได้
Caitlyn
แบบนี้เรียกว่า ต้องไวใช่ไหม คืออกจากงานปุ๊ปรีบแจ้งการว่างงานทันทีเลย แต่อย่างใน กรณีของ พ่อคุณ LARIN มันเป็นยังไงคะ ทำไมไปขอเงินชดเชยไม่ได้ แจ้งทันตามที่เขากำหนดไหมคะ หรือว่าปล่อยให้เวลาผ่านไปนาน แบบนี้หรือเปล่าคะ แต่น่าแปลกนะคะ ถ้าออกจากงานแล้วแจ้งว่าอายุมากเกินไปเลยไม่ได้รับเงินชดเชยแบบนี้แปลกคะ
ชาญ
ต้องคิดให้ดีนะครับสำหรับใครที่อยากออกจากงานและได้รับสิทธิประโยชน์จากประกันสังคม ไม่ใช่ว่าอยากออกงานก็ไม่ต้องไปทำงานตั้งแต่วันนั้นเลยไม่ถูกต้องครับ ต้องได้รับจดหมายยืนยันจากทางบริษัทในการออกงานเพื่อที่จะเอาไปยื่นกับประกันสังคมว่าเราได้ออกงานอย่างถูกต้อง หมายความว่าจำเป็นต้องมีการวางแผนก่อนการออกงานอย่างน้อย 1 สัปดาห์นะครับ
eing
ตอนนี้กำลังเป็นปัญหาสำหรับแม่เราเลย เพราะลาออกจากงานโดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องประกันสังคมเลย แต่ก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนไปนั่นแหละค่ะ แต่พอมาอ่านบทความนี้แล้วก็นึกถึงแม่เลย กะว่าจะส่งไปให้แม่ได้อ่านสะหน่อย เผื่อครั้งต่อไปจะได้รับมือได้ ขอบคุณสำหรับบทความนี้มากค่ะ ดีที่เข้ามาอ่านไม่งั้นก็คงไม่รู้วิธีรับมือในครั้งต่อๆไปแน่ๆ
จียอน
แล้วถ้าตอนนี้ลาออกเกินหกเดือนแล้ว สามารถที่จะไปทำมาตราไหนได้บ้างไหมคะ??? พอดีอยากมีเงินไว้ใช้ยามเกษียณเพราะเสียดายเงินที่เคยจ่ายๆสมทบมาตั้งนานแล้ว รบกวนใครก็ได้ช่วยอธิบายแต่ละมาตราให้ฟังก็ดีนะคะ เพราะว่าไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องประกันสังคมเท่าไหร่ ไม่รู้ว่ามาตราไหนมันมีสิทธิประโยชน์ในเรื่องอะไรบ้าง
เต้
ผมว่าทุกคนเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า คือถ้าเราจะได้สิทธิ์ประกันสังคมได้เงินชดเชยในกรณีว่างงาน มันไม่ใช่ว่าจะต้องลาออกนะ มันจะต้องเป็นในกรณีที่เราถูกไล่ออกหรือถูกปลดออกจากงาน เพราะว่าบริษัทปิดกิจการหรือว่าต้องการลดพนักงานลงไม่ใช่หรอครับ แล้วก็ต้องมีหนังสือรับรองจากนายจ้างด้วยว่าให้เราออกด้วยเหตุผลอะไร ถ้าเป็นการลาออกเอง ไม่น่าจะได้รับเงินชดเชยนะ
ปาลิตา
@k.เต้ เราก็เข้าใจผิดมาตลอดว่าเป็นอย่างนั้น ตอนนี้เรากำลังคิดอยู่พอดีว่าจะลาออกแล้วไปขอเงินชดเชยจากประกันสังคมในช่วงที่กำลังหางาน ดีนะที่มาอ่านข้อมูลก่อน ขอบคุณมากเลยนะคะที่ออกมาช่วยแก้ความเข้าใจผิด ไม่งั้นลาออกมาแล้ว แล้วไม่ได้เงิน เซ็งกับชีวิตเลยนะ!!! แล้วอยากขอถามเพิ่มเติมหน่อยนะคะว่าถ้าเราลาออกเองแบบนี้เราต้องไปเปลี่ยนมาตราใหม่ไหมคะ??
หมีน้อย
@ k.จียอน ตามปกติถ้าเรายังทำงานอยู่ก็จะเป็นมาตรา 33 ใช่ไหมคะแต่ถ้าเราลาออกแล้วมาตรานี้จะถูกเปลี่ยนเป็นมาตรา 39 ทันทีค่ะ เรียกว่ามาตราผู้ประกันตน แต่ต้องรีบทำนะคะ แล้วก็จะได้สิทธิ์ความคุ้มครองเหมือนเดิมเลยค่ะ สำหรับเรื่องเงินเกษียณก็ได้ด้วยนะคะ เหมือนกับที่เราทำอยู่มาตรา 33 เลยค่ะ เพียงแต่ว่าเราจ่ายเงินเองเท่านั้นเอง
น้ำฝน
ในกรณีของเราก็เคยมีหนี้หลายก้อนเหมือนกันค่ะ เราใช้วิธีการดูดอกเบี้ยว่าที่ไหนแพงที่สุด เราจะจะรีบหาเงินไปโปะหนี้ก้อนนั้นก่อนเป็นอันดับแรก ให้รีบปิดให้หมดก่อน จากนั้นก็ค่อยๆเคลียร์ก้อนต่อๆไปที่ดอกเบี้ยไม่ได้สูงเกินไป ตอนนี้ไม่มีหนี้แล้ว แต่กว่าจะปิดหมดก็เกือบตายเหมือนกัน เอาเป็นว่าเวลาจะใช้เงิน ก็ต้องคิดกันดีๆ นะคะ
นิดหน่อย
อันนี้ขอถามนอกเรื่องนิดนึงนะคะว่าถ้าเราอยากจะเปลี่ยนจากบัตรทองเป็นบัตรประกันสังคม เราต้องไปทำเรื่องที่ไหนอะไรยังไงคะ พอดีเราไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแบบนี้เลยค่ะ ไม่ค่อยได้มีใครแนะนำ ยังไงขอคนที่รู้ช่วยมาตอบทีนะคะ แล้วถ้าเราไปทำเรื่องเราสามารถที่จะเลือกโรงพยาบาลได้ไหมคะ เหมือนกับประกันสังคมทั่วๆไป อยากเลือกโรงพยาบาลที่ใกล้ๆบ้านหน่อยหน่ะคะ