การทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่ายๆใครก็ทราบกันดีว่าการทำธุรกิจนั้นมีปัจจัยหลายอย่างยิ่งการที่จะธุรกิจนั้นให้ประสบควมสำเร็จแล้วยิ่งยากเข้าไปอีก การทำธุรกิจสิ่งที่ผมคิดว่ายากที่สุดไม่ใช่การคิดว่าจะทำอะไรดี ทำธุรกิจอย่างไร หรือจะหาเงินทุนมาจากไหน แต่สิ่งที่ต้องคิดมากที่สุดคือการทำธุรกิจกับใคร มีหลายครั้งที่ธุรกิจทำให้ผิดใจกัน แต่นั้นยังไม่เป็นปัญหาใหญ่หากเราทำธุรกิจกับคนนอก หรือคนที่เราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรนอกเหนือจากการทำธุรกิจร่วมกัน เพราะฉะนั้นการทำธุรกิจร่วมกับพี่น้อง ญาติ เพื่อนฝูง แล้วนั้นสิ่งที่จำเป็นเลย คือ เราต้องเตรียมตัว เตรียมใจ และเปิดใจ ให้กว้างก่อนที่เราจะร่วมงานกัน มีหลายยคนคิดว่าการทำธุรกิจกับครอบครัว เพื่อน พี่น้อง นั้นน่าจะเป็นอะไรที่ง่ายกว่าทำธุรกิจกับคนนอก ทั้งในเรื่อง เชื่อใจ ใช้งาน แต่การที่ธุรกิจจะเดินไปข้างหน้านั้นไม่ได้ใช้แค่ความเชื่อใจเท่านั้น นะครับ ยังต้องใช้ความรู้ ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ มีให้เห็นเยอะแยะมากมายที่การทำธุรกิจครอบครัว ล้ม ไม่เป็นท่า วันนี้ผมเลยนำ 5 วิธีทำธุรกิจครอบครัวให้ประสบความสำเร็จและลดปัญหาความขัดแยง มาฝาก
มีการสื่อความที่ดีต่อกัน
สื่อความหมายถึงการเปิดอกคุยกัน อย่าได้คิดชวนมาทำธุรกิจ ด้วยความเป็น เพื่อน พี่ น้อง ญาติ แต่ควรที่จะเริ่มการทำธุรกิจด้วยการคุยแบบธุรกิจ อย่าติดเกรงใจเด็ดขาด เพราะภายภาคหน้าการจะมานั่งคุยเหมือนตอนเริ่มทำธุรกิจใหม่ๆจะไม่มีโอกาศอีกแล้ว อาจจะทำให้เราต้อง เสียเพื่อน พี่ น้อง หรือญาติ ไปเลยก็ได้ การเปิดอกพูดคุยกันตั้งแต่ต้น นั้นสำคัญและเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะการทำงานกับญาติพี่น้องมันต่างกัน มันต้องรู้บทบาทหน้าที่ไม่ใช่ใช้แต่ความสัมพันธ์ ผมจะเปรียบให้เห็นว่าการทำงานกับญาติ เพื่อน พี่น้อง เป็นเหมือนแก้วใบหนึ่ง ถ้าแก้วใบนั้นมีรอยแตก รอยร้าว ไม่ว่าเราจะทำยังไงก็ไม่สามารถที่จะซ่อมแก้วใบนั้นได้เหมือกันกับการทำธุรกิจถ้าเราไม่เปิดอกคุยกันตั้งแต่แรกแล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทำห้แก้วร้าว รอยร้าวรอยนั้นก็จะไม่มีทางแก้ได้ ไม่ว่าจะทำยังไง เพราะงั้นการเปิดอกคุยกันตั้งแต่แรกแม้มันจะทำให้ไม่เห็นด้วยกันทะเลาะกันตั้งแต่แรกแต่มันจะตามมาด้วยความเข้าใจกันในภายหลัง
ใช้เหตุผลไม่ใช้อารมณ์
การทำธุรกิจไม่ว่าจะการทำธุรกิจครอบครัวหรือการทำธุรกิกับคนนอกนั้น การทำธุรกิจให้เป็นมืออาชีพ คือ การยอมรับฟังคำติเตียน คำแนะนำ นั้นคือการทำธุรกิจที่เป็นมืออาชีพ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ ที่เราทำธุรกิจกับ ญาติ เพื่อนฝูง จะเกิดอารมณ์ เหตุการณ์ ที่พูดนิดพูดหน่อยไม่ได้ บอกได้เลยว่านั้นคือจุดเริ่มต้นของการพาธุรกิจล้มเหลว การเป็นมืออาชีพนั้นจะต้องแยกให้ออก ระหว่าง อารมณ์ กับ เหตุผล และคุยยกันด้วยเหตุผล ตรรกะ จริงๆมันดูเหมือนจะพูดง่าย แต่การกระทำนั้นมันไม่ง่ายเลย เห็นสังเกตการทำงานของบริษัทใหญ่ หรือองค์กรใหญ่ นะครับ การทำงานทุกอย่างจะต้องดำเนินไปตามหน้าที่ เวลาประชุมกันก็จะใช้เหตุผลคุยกัน ต้องเป็นอย่างนี้เพราะแบบนี้ ต้องอย่างนั้นเพราะแบบนั้น จะมาบอกว่าไม่มีอารมณ์ทำงาน เพราะว่า เหนื่อย นั้นคงเป็นเหตุผลที่ไม่ดีนะ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในบริษัทใหญ่แน่นอนคนที่ให้เหตุผลนี้คงได้พักแน่ พักยาวๆไปเลย เพราะฉะนั้นหากต้องประชุมงานควรเปิดใจยอมรับและคุยด้วยเหตุผลเป็นหลักเพราะเมื่อไรที่เริ่มใช้อารมณ์คุยกันนั้นก็จะเริ่มไปจุดที่ทำให้ธุรกิจล้มเหลว
วางแผนการจ่ายเงินเดือนที่เหมาะสม
อีกเรื่องที่เราจะต้องเลียนแบบบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย คือเรื่องของการจ่ายเงินเดือน บริษัทยักษ์ใหญ่เขาจะจ่ายเงินเดือนให้ตามหน้าที่ความรับผิดชอบ ความสามารถในการทำงาน ไม่ใช่จ่ายตามความพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นเป็นระบบการวัดผลการทำงาน การขึ้นเงินเดือน โบนัส ทุกอย่างต้องมีมาตรฐานนะครับ เหตุผลหนึ่งเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตของธุรกิจที่เราทำเพราะไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เป็นปัญหาในอนาคตกับธุรกิจเราได้คือไม่สามารถรับคนเข้ามาทำงานได้ เพราะการรับพนักงานใหม่เข้ามาจะกลายเป็นว่าคนนี้เป็นคนของใครเข้ามาทำงานแล้วเฃินเดือนไม่เหมาะสม คนที่จะต้องรับภาระหนักใจคือเจ้าของธุรกิจแบบเราที่จะเกิดอาการ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
มีความยุติธรรม
เรื่องของความยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำธุรกิจหรือการใช้ชีวิตแน่นอนการเป็นคนดีนั้นจะต้องยุติธรรม ในส่วนของการทำธุรกิจนั้นจะต้องมีนโยบายต่างๆให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน เวลาเข้างาน มาตรการเตือน ลงโทษ เมื่อทำผิดกฏกติกา การทำธุรกิจกับครอบครัวห้ามมักง่ายเด็ดขาด ไม่ใช่อะไรก็ได้ เข้างานกี่โมงก็ได้ เลิกงานกี่โมงก็ได้ ผมขอยกตัวอย่างตระกูลดังๆที่ทำธุรกิจครอบครัวในเมืองไทย ที่ทุกคนต้องรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นในเครือ CP หรือ Central ทั้งสองบริษัทยักษ์ใหญ่นี้เริ่มมาจากการเป็นธุรกิจเล็กกันทั้งนั้น แต่ผมเชื่อว่าภายในตระกูลหรือครอบครัวทั้งสองจะต้องมีกฏที่รักษากันอย่างเข้มงวดแน่นอน อย่างกฏที่ว่าทุกคนในครอบครัว Central ไม่ใช่จะสามารถใช้ซื้อของช้อปปิ้งของจากในเครือห้างของตัวเองไดฟรีๆนะครับถึงจะเป็นตัวเจ้าของผู้ก่อตั้งก็ตามจะต้องทำการจ่ายเงินหมือนลูกค้าทั่วไปเพื่อนำเงินเข้าบัญชีแล้วไปหักล้างออกมาเป็นเงินเดือนอีกที นี้คือกฏของ Central ที่รู้มานะครับ รู้สึกว่าเขาจะเข้มงวดเป็นอย่างมากกับกฏนี้เพราะถ้าไม่อย่างนั้นคนในตระกูลซื้อของได้อย่าอิสระธุรกิจในเครือ Central คงจะอยู่ไม่ถึงทุกวันนี้ จะให้ได้ว่าความยุติธรรมนั้นสำคัญจริงๆในด้านการทำธุรกิจ
มีความพอดีสมดุลและเหมาะสม
สิ่งสุดท้ายที่อยากจะแนะนำ คือ ความพอดี และ ความเหมาะสม อย่าทำให้ธุรกิจมาทำลายความเป็น เพื่อน พี่น้อง หรือญาติได้การที่จะเกิดข้อนี้ได้นั้น เพื่อนๆทุกคนจะต้องเข้มงวดในทั้ง 4 ข้อก่อนหน้านี้เพราะ ถ้าทั้ง 4 ข้อก่อนหน้านี้ไม่ได้เข็มงวด มันก็ยากที่จะเกิดข้อสุดท้ายนี้ได้ ทุกอย่างต้องมีความพอดี มากไปก็ไม่ดีน้อยไปก็ไม่ดี คำๆนี้อยากให้จำเอาไว้นะครับ
สรุป
เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร เรื่องการทำธุรกิจก็เช่นกัน ถ้าเกิดๆไม่ลงตัวอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ ที่ดีของเรากับญาตื เพื่อนฝูง พี่น้อง หายไปได้นะครับ การจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและไม่เกิดความขัดแย้งขึ้นในครอบครัว ก็อย่าลืมเอาคำแนะนำและทั้ง 5 วิธีของผมไปปรับใช้กันนะครับ ขแบคุณครับ
Praves
การทำงานในครอบครัวหรือว่าธุรกิจครอบครัว เป็นอีกอย่างหนึ่งที่น่าปวดหัวมากครับ เพราะส่วนใหญ่แล้วอยู่กับการสื่อความและการที่สนิทกันเป็นญาติกันในครอบครัว ทำให้บางครั้งพูดอะไรหรือทำอะไรไม่ค่อยไว้หน้ากันเท่าไหร่ แล้วมีเหตุที่จะต้องปะทะอารมณ์กันบ้าง บทความนี้ทำให้ผมรู้ว่ามีเทคนิคที่ช่วยทำให้การทำธุรกิจครอบครัวยังประสบความสำเร็จในการสื่อความด้วย
พีท
บ้านผมนี่แหละที่ทำธุรกิจครอบครัวกันอยู่ ผมเองไม่อยากสานต่อสักเท่าไหร่เพราะเท่าที่ดูๆก็น่าจะปวดหัวแต่พอ่แม่ก็คาดหวังว่าเราจะต้องสานต่อนะ แต่พอดีว่าผมเป็นลูกคนเล็กก็เลยยังมีเวลาที่จะคิดและยังไม่ต้องเริ่มช่วยงานมากเท่าไหร่ แต่เรื่องความขัดแย้งในการทำธุรกิจครอบครัวผมเห็นด้วยว่ามีจริงๆและคงเกิดขึ้นกับทุกครอบครัวแหละครับ
นาวา
ใช่เลยครับธุรกิจครอบครัวหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีปัญหาหรือกระทบกระทั่งกัน ขอด้วยความสนิทสนมเลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะไม่มีความเกรงอกเกรงใจกันเลย บทความนี้ทำให้เห็นว่าเป็นไปได้ครับ ที่จะมีวิธีในการสื่อความหรือการพูดคุยกันให้เข้าใจ เพราะว่ายังไงก็ต้องทำงานด้วยกันไปยืนยาว ก็เลยจำเป็นต้องมีวิธีการต่างๆที่กล่าวมานี้เพื่อช่วยเหลือเราครับ
ทองกวาว
ถ้าอ่าน "5 วิธีทำธุรกิจครอบครัวให้ประสบความสำเร็จ" แล้วและทำตาม เราเห็นด้วยว่าสำเร็จอย่างแน่นอน แต่ปัญหาคือ ไม่สามารถทำตามได้ทุกข้อน่ะสิคะ คนที่มีบทบาทมากที่สุดก็คือคนที่เป็นหัวเรือใหญ่ ถ้าคนนั้นทำตามทั้งหมดนี้ได้น่าจะลดปัญหาและความขัดแย้งไปได้มากค่ะ คิดๆไปก็ดีเหมือนกันที่บ้านเราไม่มีธุรกิจครอบครัว ไม่มีอะไรให้แย่งกันค่ะ
อรุณ
เราอยากบอกเลยว่าเราเองช่วยธุรกิจครอบครัว และเป็นครอบครัวใหญ่มีหลายความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่เราก็จัดการมันมาได้ด้วยการพูดคุยกันทุกเรื่องแบบเปิดใจและไม่ใช้อารมณ์เราเห็นด้วยกับวิธีของบทความนี้เลยนะ ใช้ได้ผลจริงๆ การที่เราไม่ใช้อารมณ์และคุยกันดีดีนั้นช่วยให้เข้าใจกันมากขึ้นและปรับเข้าหากันทำให้เกิดผลดีต่อธุรกิจค่ะ
นิติกรณ์
ใช่เลยครับ คุณทองกวาว หัวเรือใหญ่คือตัวแปลสำคัญครับที่จะทำให้ธุรกิจครอบครัวไปต่อหรือพอแค่นี้ครับ เพราะคนจีนส่วนใหญ่ต้องเชื่อคนที่เป็นหัวเรือเสมอถึงแม้จะมีความคิดที่ต่างแต่ก็ต้องทำใจยอมรับ กับเรื่องที่เขาตัดสิน ดังนั้น หัวเรือใหญ่ควรใช้ เหตุผลมากกว่าอารมณ์ จริงๆ ต้องเอาเจาเขามาใส่ใจเราว่าคนอื่นๆคิดอย่างไรบ้าง อย่าเอาความคิดของตัวเองเป็นหลัก
บอย
เป็นเรื่องยากมากนะครับเมื่อเราทำธุรกิจครอบครัวแล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่จะต้องทะเลาะกันแล้วต้องมาควบคุมอารมณ์ เพราะว่าก็เข้าใจความรู้สึกของการสนิทสนมชิดเชื้อกันใช่ไหมครับ เมื่อมีความรู้สึกที่คุณเคืองหรือโกรธก็จะแสดงออกมาได้ง่ายมาก ทำให้เป็นเรื่องยากมากครับที่จะระงับอารมณ์ไม่ให้โมโหตอนที่มีปัญหาระหว่างการทำธุรกิจครอบครัวด้วยกัน
Aileen
ใช่คะ เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร จริงๆคะ มีข่าวออกมาหลายข่าวแล้วนะคะ ที่พี่น้องต้องมาฆ่ากันเองเนื่องจากมีความขัดแย้งเรื่องของธุรกิจ แล้วพลานเอามาเกี่ยวข้องกับครอบครัว อย่าง คดี ของนายห้างทอง ตอนนี้ก็เงียบหายไปแล้วเห็นไหมคะ ทำอะไรกันก็ต้องคิดด้วยใช่ไหมคะว่า เราเป็นเลือดก้อนเดียวกัน อะไรที่คุยกันได้คุยกันก่อนดีกว่าคะ
นิ่ม
ใช่แล้วค่ะสำหรับธุรกิจครอบครัวต้องไม่ให้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องเลยค่ะเพราะว่า การที่จะทำธุรกิจครอบครัวกันได้นั้นต้องมีความนับถือกันก่อน เพราะถ้าคุณไม่นับถือกันแล้วจะทำให้คุณไม่รู้ว่าตำแหน่งการทำงานของคุณอยู่ที่ไหน แล้วจะทำให้สายสัมพันธ์ที่คุณมีกับคนในครอบครัวนั้น มีปัญหาได้ เป็นไปได้ที่เราจะรู้สึกโมโหแต่การควบคุมอารมณ์ได้นั้น จะช่วยให้ชีวิตของคุณมีแต่สิ่งดีๆค่ะ
อุดม
การทำธุรกิจกับครอบครัวมันก็น่าจะสบายใจมากกว่าไม่ใช่หรอครับ หรือมันอาจจะเป็นที่แต่ละครอบครัวก็ได้ เพราะบางครั้งก็อาจจะเกิดมีปัญหาเรื่องเล็กๆน้อยๆอยู่บ้าง แต่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่แม่ผมทำมาส่วนมากก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกันซักเท่าไหร่ จะมีก็แค่ความขี้เกียจของน้องแล้วก็ผมเนี่ยแหละครับ ไปเรียนมาแล้วต้องมาช่วยแม่ต่อ555 มันก็น่าเหนื่อยใจนิดหน่อย แต่ก็โอเคครับ
เบลล่า
ธุรกิจที่ว่านี้เหมือนของคนจันเลยใช่ไหมคะ ที่เขาเรียกว่า กงศรี อะไรนี้แหละคะ ถ้าเป็นคล้ายๆกัน เราว่าสิ่งหนึ่งที่จะทำให้รอดคือเรื่องของเงินที่แต่ละคนควรได้รับคะ ควรมีเอกสารข้อตกลงที่แน่นอนว่าใครคนไหนจะได้เงินแต่บะเดือนเท่าไร แล้วจะต้องถูกหักเข้าส่วนกล่างที่เท่าไร เพราะถ้าไม่ทำ มันจะมีความระเวงกันในครอบครัวคะ