เพื่อนๆทุคนครับ เคยได้ยินคำนี้กันไหมครับ การลงทุนนั้นมีความเสี่ยง ผมเชื่อมีหลายคนเคยได้ยินโดยเฉพาะคนที่กำลังคิดจะเป็นนักลงทุน ทำให้การที่คนเราจะเลือกลงทุนหรือทำการลงทุนอะไรสักอย่างต้องคิดแล้วคิดอีกก็เพราะคำๆนี้ ทำให้หลายคนที่อยากจะลงทุนหรือเริ่มจะเป็นนักธุรกิจลงทุนจะต้องทำการศึกษาหาความรู้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวิธีการลงทุน ความเสี่ยงในการลงทุน ผลกำไรในการลงทุน ที่เขาต้องการจะลงทุนให้ดี ก่อนทำการลงทุน และสำหรับนักลงทุนในปัจจุบันคงจะทราบกันแล้วว่าในทุกวันนี้ นอกจากการลงทุนธุรกิจอสังริมทรัพย์ การลงทุนทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ ได้มีการลงทุนใหม่เกิดขึ้น นั้นก็คือ การลงทุนใน คริปโตเคอเรนซี่ (cryptocurrency) หรือถ้าแปลตรงตัวก็คือสกุลเงินคริปโต และ แน่นอนก่อนลงทุนนั้นทุกคนก็ต้องศึกษาหาความรู้เพื่อป้องกันความเสี่ยง แต่ต้องบอกเลยว่าการลงทุนประเภทนี้นั้นทั้งใหม่และแตกต่างจากการลงทุนที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างมาก เพราะการลงทุนประเภทนี้ ไม่สามารถที่จะจับต้องได้เหมือนการลงทุนชนิดอื่น วันนี้ผมเลยมีความรู้ดีๆเกี่ยวกับเงินดิจิทัล คริปโตเคอเรนซี่(cryptocurrency) มาฝาก เพื่อคุณภาพในการลงทุนที่ดี ตามหัวข้อของวันนี้
Cryptocurrency คืออะไร?
Cryptocurrency เป็นชื่อทั่วไปหมายถึงการเข้ารหัสลับสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายอำนาจโดยใช้การเข้ารหัสเพื่อรักษาความปลอดภัยการทำธุรกรรมและควบคุมการสร้างเหรียญใหม่ cryptocurrencies โดยทั่วไปจะเปิดเป็นโอเพ่นซอร์สกับสาธารณะ แต่การเข้ารหัสในบัญชีแยกประเภทของการทำธุรกรรมทั้งหมดทำให้มันยากที่จะปลอมแปลงได้ จุดเด่นของ cryptocurrency คือรัฐบาลไม่สามารถควบคุมค่า cryptocurrency ได้อย่างสมบูรณ์และไม่สามารถจัดการกับมันได้เนื่องจากมีการกระจายอำนาจอย่างเต็มที่ และสกุลเงินดิจิทัลที่เพื่อนๆอาจจะคุ้นหูมากที่สุด ก็คือ สกุลเงินบิทคอยน์ เพราะเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อมาแก้ปัญหาระบบเงิน fiat ที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาล
Cryptocurrency และ Bitcoin
Bitcoin (บิทคอยน์) ก็คือสกุลเงิน Cryptocurrency ที่เกิดขึ้นเป็นสกุลเงินดิจิทัลตัวแรกและเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ดังที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยการที่ Bitcoin (บิทคอยน์) นั้นเกิดขึ้นมาได้สักพักและได้รับการตอบรับและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีผู้คนเข้ามาใช้เพิ่มเป็นอย่างมาก ทำให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลนั้นช้าลง เช่น การโอนเงินจากบุคคลหนึ่งไปบุคคลหนึ่ง ใช้เวลาเป้นวันจากที่เมื่อก่อนใช้เวลาแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงในการตรวจสอบ ทำให้เกิดสกุลเงินดิจิทัลใหม่ๆขึ้น เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาของ Bitcoin (บิทคอยน์) โดยสกุลเงินดิจิทัลใหม่ที่เกิดขึ้น ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีสำหรับผู้ที่ใช้เงินดิจิทัลหรือในหมู่คนที่ทำการเทรดเหรียญดิจิทัลที่เรียกว่า “altcoin” ซึ่งมาจากคำว่า alternative coins โดยสกุลเงินดิจิทัลที่เกิดขึ้นมาใหม่ และมีการอณุญาตให้ทำการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนกันอย่างถูกกฏหมายนั้น มีอยู่ด้วยกัน 7 สกุลเงินดิจิทัล ได้แก่ Bitcoin (BTC) , Bitcoin Cash (BCH) , Ethereum (ETH) , Ethereum Classic (ETC) , Litecoin (LTC) , Ripple (XRP) , Steller (XLM)
การขุด Bitcoin คืออะไร?
ถ้าพูดถึงการขุดทุกคนคงจะนึกภาพเมื่อการขุดหาทองคำ แต่ในเมื่อ Bitcoin (บิทคอยน์) นั้นเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่สามารถจับต้องได้ คำว่าการขุด Bitcoin (บิทคอยน์) จึงเป็นแค่ศัพท์ทางเทคนิคเท่านั้น โดยระบบของ Bitcoin ถูกรันโดยคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานทั่วโลก โดยใช้ระบบซอฟต์แวร์ในการถอดสมการคณิตศาสตร์ซึ่งหากคอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพที่ดี จะทำให้สมการถูก และได้เงิน Bitcoin (บิทคอยน์) คล้ายกับการทำเหมืองขุดหาแร่ทองคำ เพราะการจะได้เหรียญ Bitcoin (บิทคอยน์) มาหนึ่งเหรียญ นั้นต้องใช้ทั้งทรัพยากรอย่างคอมพิวเตอร์ดีๆการ์ดจอสูงๆใช้พลังงานไฟที่สูงมากและใช้เวลานานในการที่จะได้ Bitcoin (บิทคอยน์) มา เหมือนการทำเหมืองขุดทองที่ต้องขุดด้วยความยากลำบาก ในเมื่อความยากมันมี พอๆกัน และสิ่งที่แลกมาด้วยความยากนั้นก็มีมูลค่าเหมือนกัน เลยใช้ศัพท์เปรียบเทียบทางเทคนิค เป็นขุดและสำหรับผู้ที่ทำการขุดเป็นอาชีพก็ใช้ทรัพย์เทคนิคอีกอย่างที่เรียกการทำเหมืองขุด Bitcoin (บิทคอยน์)
Centralized VS Decentralized Blockchain
Centralized คือระบบ ที่มีธนาคารเป็นคนกลาง เป็นศูนย์รวมในการจัดการระบบทุกๆอย่าง เช่น ธนาคารเป็นผู้จัดการข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับบัญชีของเรา ตั้งแต่ เปิดบัญชี ฝากเงิน ออมเงิน ถอนเงิน เป็นต้น ข้อเสียของระบบนี้คือ ความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูลทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับคนกลางหรือธนาคารเป็นหลัก ทำให้ระบบที่มีชื่อว่า “Blockchain” ถูกพพัฒนาขึ้นเพื่อมาแก้ข้อเสียจุดนี้ คือ แทนที่เราจะฝากชีวิตด้านการเงินของเราทั้งหมดไว้กับธนาคารเพียงผู้เดียว มีสมุดบัญชีส่วนตัว และฝากให้ธนาคารเป็นผู้จัดการตรวจสอบความถูกต้องทั้งหมด รายการเดินบัญชีหรือข้อมูลทั้งหมดของเราจะเป็นสาธารณะและแจกจ่ายให้ทุกคนในเครือข่าย (Network) คนละฉบับ โดยทุกคนที่อยู่ในเครือข่ายต้องช่วยกันยืนยันความถูกต้องของข้อมูล คล้ายๆ ระบบสหกรณ์ หรือระบบประชาธิปไตยที่ทุกคนมีส่วมร่วม มีอำนาจออกเสียง ซึ่งนั้นเรียกว่า Distributed เป็นระบบแบบกระจาย ซึ่งมีความแตกต่างจาก Centralized อย่าสิ้นเชิง ซึ่งเป็นระบบแบบรวมศูนย์กลาง
ICO เกี่ยวข้องอย่างไรกับ Cryptocurrency
ICO หรือ Initial Coin Offering เป็นวิธีระดมทุนใหม่ที่อาศัยเทคโนโลยีเข้าช่วย แทนที่ผู้ลงทุนจะจ่ายเงินเพื่อแลกกับหุ้น พวกเขาจะได้รับเหรียญดิจิทัลที่จับต้องไม่ได้เป็นสิ่งตอบแทน การระดมทุนนั้นมีความคล้ายกับ IPO หรือ Initial Public Offering ซึ่งการที่ ICO เป็นการระดมทุนเพื่อได้รับเหรียญดิจิทัล ซึ่งเหรียญดิจิทัลอีกชื่อหนึ่งก็คือ Cryptocurrency ความเกี่ยวข้องก็คือ ICO เป็นการระดมทุนที่มีแนวคิดเหมือนกับ IPO แต่ไม่ใช่เพื่อแลกกับหุ้น แต่เพื่อแลกกับ เหรียญดิจิทัล หรือ Cryptocurrency ซึ่งสกุลเงินดิจิทัลที่ประสบผลสำเร็จจาก ICO ก็คือ Ethereum
จะลงทุนใน Cryptocurrency ต้องทำอย่างไร?
ก่อนจะทำการลงทุนไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามไม่เพียงแต่การลงทุนใน cryptocurrency ก็ตามจะต้องทำการศึกษาที่มาที่ไป และแก่นเบื้องหลังที่คอยขับเคลื่อนการลงทุนที่เราตั้งใจจะลงทุนสักก่อน ไม่ใช่ศึกษาแค่การทำกำไรอย่างเดียว และสิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจก่อนทำการลงทุน cryptocurrency ก็คือ ทำความเข้าใจรูปแบบการลงทุน , ทำความเข้าใจที่มาและเทคโนโลยี , เข้าใจเรื่องของความเสี่ยง , เข้าใจความผันผวนเปลี่ยนแปลง
ทำความเข้าใจที่รูปแบบการลงทุน
รูปแบบการลงทุน มี 3 รูปแบบ 1.การลงทุนระยะสั้น Cryptocurrency มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะฉะนั้นการที่จะลงทุนจะต้องศึกษาให้ดีก่อน โดยเฉพาะใครที่สามารถวิเคราะห์หรือคาดคะเนทิศทางของตลาดได้จะสามารถทำกำไรได้เป็นจำนวนมากโดยการ Buy low และ Sell high 2.การลงทุนระยะยาว เป็นการลงทุนโดยการซื้อเหรียญที่ตัวเองคิดว่าในอนาคตจะต้องมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้น และทำการถือรอ 3.การเทรด Futures เป็นการลงทุนประเภท Regulated futures trading โดยนักลงทุนสามารถเล่น Long หรือ Short ในเหรียญแต่ละประเภท โดยเทรดด้วยการใช้ประโยชน์จาก Crypto โดยไม่จำเป็นต้องซื้อเหรียญมาถือเอาไว้ที่ตัวเอง
ทำความเข้าใจที่มาและเทคโนโลยี
สำหรับเพื่อนๆที่ตั้งใจว่าจะลงทุนควรทำความเข้าที่ไปที่มาของเหรียญแต่ละสกุลให้ดีและทำความเข้าใจเหรียญแต่ละประเภทถูกสร้างมาเพื่อแก้ปัญหาอะไร และมีการใช้เทคโนโลยีแบบไหนในการสร้าง เป็นเรื่องทที่สำคัญมากเพราะสิ่งเหล่านี้คือตัวกำหนดว่าเหรียญนั้นมีอนาคตในการเติบโตหรือไม่ และถ้าหากเพื่อนๆถือเหรียญนี้ในระยะยาวจะเกิดอะไรขึ้น
เข้าใจในเรื่องของความเสี่ยง
คำนี้คือคำยอดฮิตของนักลงทุน คือ การลงทุนมีความเสี่ยง ใช่ครับการลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยงยิ่งถ้าเป็นการลงทุนกับสกุลเงินอย่างคริปโตแล้ว มีความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอนเพราะเป็นสินทรัพย์ที่เรานั้นไม่คุ้นเคยและจับต้องไม่ได้ ถ้าคิดที่จะลงทุนต้องทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงทั้งหมดก่อน
เข้าใจความผันผวนเปลี่ยนแปลง
Crytocurrency นั้นมีความผันผวนที่ค่อนข้างสูง เมื่อทำการซื้อเหรียญดิจิทัล สิ่งที่ควรรู้เอาไว้เสมอเลยนั้นก็คือมูลค่าของเหรียญที่ถืออยู่นั้นมีค่าเท่าไร เพราะมูลค่าอาจจะตกลงเมื่อไรก็ได้ เนื่องจากตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
สรุป
สำหรับเพื่อนที่ต้องการจะลงทุนก็ควรที่จะศึกษาที่มาที่ไปให้ดีสักก่อนก่อนลงทุน เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง นะครับ และหวังว่าข้อมูลที่นำมาให้คงจะมีประโยชน์ทำให้เพื่อนๆประสบผลสำเร็จจากการลงทุนนะครับ
น้ำผึ้ง
Cryptocurrency เป็นอีกรูปแบบการลงทุนแบบนึงที่น่าสนใจนะคะ เพราะว่ามีการควบคุมที่ไม่ได้มาจากทางรัฐบาล ช่วยให้เราสามารถที่จะคาดเดาเกี่ยวกับความแปรผันของค่าสกุลเงินดิจิตอลได้ดีขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้ค่าเงินดิจิตอลก็มีหลายแบบถ้าเราเอาไปแลกเปลี่ยน ซื้อมาขายไปจะทำให้มูลค่าหรือจำนวนเงินดิจิตอลของเราเพิ่มมากขึ้นได้ด้วย
Win
การลงทุนกับกิจการกับกองทุนที่เรามองเห็นและจับต้องได้ ผมว่าเสี่ยงแล้วนะครับ แล้วนี่ลงทุนกับสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่สามารถจับต้องได้มันจะไม่เสี่ยงมากไปเหรอครับ ผมไม่ใช่นักลงทุนอาจจะไม่ได้มีความรู้มากนักในเรื่องของการลงทุนรูปแบบต่างๆ แต่เท่าที่ได้อ่านเจอมาบ้าง ผมว่าการลงทุนกับสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์เนี่ยมันเสียงมากเลยนะครับ
มหิดนัย
นั้นสิครับ แค่สกุลเงินบาทไทย บ้านเรายังมีการโกงขนาดนี้เลยครับ เงินที่จับต้องได้ ยังโกงกนได้ คิดดูครับเงินดิจิตอล เราจะวางใจได้แค่ไหนครับ ถึงแม้จะบอกว่ามีการรับรองความปลอดภัยมากก็ตามครับ ผมกลัวว่าถ้ามีคนเจาะระบบได้มันจะได้รับความเสียหายที่เป็นเงินมหาศาลเลยนะครับ ผมว่า อย่าเสี่ยงกับการลงทุนแบบนี้เลยครับ
Yourname
เอาจริงคำนี้มันจริงมาก"ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง" แล้วยิ่งบอกว่าค่าของ Crytocurrency มีการขึ้นลงของราคาอย่างน่าตกใจแล้วเนี่ย ต้องคิดแล้วคิดอีกเลยว่าจะลงทุนไปกับสกุลเงินดิจิตอลแบบนี้มั้ย ลงทุนทุกอย่างมันเสี่ยงหมดครับ มันขึ้นอยู่กับว่าเราเอาความเสี่ยงไปฝากไว้กับการลงทุนไหน หากได้รับกำไรมากกว่าความเสี่ยงก็ดีไป แต่อยากให้ทุกคนคำนึงทุกการลงทุนด้วย ไม่งั้นเราอาจจะหมดตัวแบบตั้งตัวไม่ทันก็ได้ครับ
ฝ้าย
เป็นรูปแบบการลงทุนที่ลงทุนกับเหรียญดิจิตอล เราเห็นว่าตอนนี้ค่าเงินดิจิตอลมีให้เราเลือกหลากหลาย ซึ่งแต่ละสกุลเงินก็จะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามระยะเวลาไม่เหมือนกัน และการลงทุนแบบCrytocurrency จะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถนำเงิน ของเราไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินดิจิตอลในการที่จะ ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนแบบนี้แต่ก็ต้องใช้เวลาในการสังเกตเข้าใจด้วยค่ะ
ถามะ
ผมว่าเสี่ยงนะครับ เพราะบทความนี้บอกว่า "Cryptocurrency คือรัฐบาลไม่สามารถควบคุมค่า cryptocurrency ได้อย่างสมบูรณ์และไม่สามารถจัดการกับมันได้" แบบนี่แสดงว่า ถ้าหากเกิดปัญหาอะไรขึ้น เราไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลยใช่ไหมครับ เพราะอย่างบ้านเรายังมี ธนาคารแห่งประเทศไทยคอยดูแลเรื่องเงิน แต่อันนี้ ไม่มีเลย
สมชาย
เสี่ยงก็จริงนะครับแต่ผมชอบที่รัฐบาลไม่สามารถเข้ามาควบคุม หรือแทรกแซงในการปรับราคาของCryptocurrencyกับ bitcoin ได้ คิดดูสิครับว่าถ้ารัฐบาลสามารถเข้ามาแทรกแซงและควบคุมราคาได้ จะเกิดอะไรขึ้น ความล้มเหลวและความวุ่นวายจะตามมาทันทีครับ เพราะรัฐบาลจะควบคุมให้ส่งผลกับค่าเงินบาทอย่างแน่นอน ผมถึงบอกเลยครับว่าผมชอบตรงนี้แหละ
Funfun
อ๋อออ! เงินบิทคอยน์นั่นเอง เหมือนเราจะเคยขุดบิทคอยน์นะ แต่การขุดนั้นเกิดมาจากการเปิดกล่องสะสมไปเรื่อยๆ ซึ่งงานนี้ได้มากจากการทำงานออนไลน์ เขาจะมีให้สมัครและส่งลิงค์มาให้ทำ ซึ่งถามว่าได้เงินจริงมั้ย ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะทำแล้วไม่ถึงเป้าหมายสักทีเลยเลิกทำไปก่อน หากใครท้อแท้และอยากได้เงินเร็ว อย่าไปสมัครตามไอจีนะคะ ที่บอกว่าเล่นเกมได้เงินหรืออะไรก็ตามแต่ อาจจะได้จริง แต่ช้าค่ะ