งานก็ต้องทำ ลูกก็ต้องดูแล เมื่อไหร่จะเปิดเทอมสักทีนะ! นี่คงความรู้สึกของพ่อแม่ที่ต้องรับมือการอยู่บ้านนานขึ้นของลูกเพราะโรงเรียนเลื่อนวันเปิดเทอม การแพร่ระบาดของโควิดก่อให้เกิดความกังวลหลายเรื่องเพิ่มมากขึ้นเช่น เรื่องงานอาชีพ เพราะพ่อแม่หลายคนตกงานแบบไม่ทันตั้งตัว และยังไม่รู้ด้วยว่าจะได้กลับไปทำงานอีกเมื่อไหร่ ไหนจะต้องมารับมือกับลูกๆอีก เด็กๆต้องอยู่แต่ในบ้าน ออกไปเล่นก็ไม่ได้ ไม่มีกิจกรรมให้ทำอาจจะทำให้เขาหงุดหงิด งอแง ทำให้อารมณ์ของพ่อแม่ระเบิดขึ้นมาได้ง่ายๆ

เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ สามารถรับมือกับการดูแลลูกๆทั้งด้านอารมณ์และจิตใจได้อย่างราบรื่นในช่วงที่มีการเลื่อนวันเปิดเทอมออกไปในบทความนี้ดิฉันได้นำวิธีรับมือ และวิธีลดความเครียดมาฝากกันค่ะ ขอให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายมาดูกันว่าการรับมือที่ดีเราจะเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนมุมมองและวิธีคิดของเราในด้านไหนบ้าง ? เช่น การเตรียมใจให้พร้อม มองว่านี่เป็นเวลาของครอบครัวที่หาได้ยากมาก, และช่วงเวลานี้เปิดโอกาสให้พ่อแม่ได้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ส่วนจะทำได้มากน้อยขนาดไหนขออ่านไปทีละข้อด้วยกันเลยนะคะ.

เตรียมใจให้พร้อม

เตรียมใจให้พร้อม

จริงๆแล้ว ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร จะหนักขนาดไหน ถ้าเรามีเวลาได้เตรียมใจล่วงหน้าก็สามารถรับมือและผ่านมันไปได้ แต่สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้แน่นอนว่าหลายคนไม่เคยเตรียมใจมาก่อนที่ตัวเองจะต้องหยุดอยู่กับบ้านเพราะตกงาน หรือต้องทำงานที่บ้านแทนการเข้าออฟฟิต และเด็กๆเองก็ต้องอยู่บ้านนานขึ้นเพราะโรงเรียนเลื่อนวันเปิดเทอม

การเตรียมใจที่ดิฉันแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่หลายๆคนนำไปใช้ในสถานการณ์ตอนนี้ก็คือ เตรียมความพร้อมในด้านอารมณ์ ความรู้สึกของตัวเองค่ะ เราต้องทำใจยอมรับให้ได้ก่อนว่า ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปต้องเปิดใจยอมรับกับความเป็นจริงว่า ตอนนี้อาจจะตกงาน รายได้ลดลง รายจ่ายเพิ่มขึ้น ทุกคนต้องร่วมมือกันประหยัดทุกอย่างที่สามารถทำได้ และต้องเตรียมใจด้วยว่าตอนนี้ทุกคนอยู่แต่ในบ้าน คุณแม่ก็ต้องเหนื่อยมากขึ้น ต้องทำอาหารเองทุกมื้อ และต้องรับมือกับอารมณ์ของลูกๆด้วยการเตรียมใจล่วงหน้าแบบนี้จะช่วยลดความกังวลได้เพราะทำให้เราเริ่มวางแผนล่วงหน้าได้ว่าแต่ละวัน แต่ละอาทิตย์ เราจะทำอะไร ? จะใช้จ่ายเท่าไหร่ ? จะให้ลูกทำอะไร ? ถ้าเหตุการณ์มันยังยืดเยื้อต่อไปเราจะหารายได้จากที่ไหน ? จะเอาเงินจากที่ไหนมาใช้หนี้ ?เมื่อเราลงมือทำตามแผนที่วางไว้เราต้องกันเวลาของตัวเองเอาไว้เพื่อศึกษาหาข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับงานใหม่ๆ หารายได้เสริมทางอินเตอร์เน็ต และขณะเดียวกันก็ไม่ควรคาดหมายว่าทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามที่เราต้องการเพราะทุกอย่างอาจจะทำไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไปหรอกค่ะ

มองว่านี่เป็นเวลาของครอบครัว

มองว่านี่เป็นเวลาของครอบครัว

เวลาที่ดีที่สุดของครอบครัวคือ ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทุกวัน ได้ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน ซึ่งเวลาแบบนี้เริ่มหายากขึ้นทุกวัน เพราะพ่อแม่ต้องทำงานมากขึ้น ลูกๆก็ต้องเรียนมากขึ้น ทำให้ต่างคนต่างเร่งรีบดังนั้นเวลาจะพูดคุย หยอกล้อและทำกิจกรรมต่างๆด้วยกันจึงหายไป แต่ในตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่พ่อแม่ต้องรีบฉวยเอาไว้ เมื่อลูกๆเลื่อนวันเปิดเทอมออกไป ทำให้เขามีเวลาอยู่บ้านมากขึ้นบวกกับพ่อหรือแม่ต้องทำงานที่บ้านเพื่อลดการแพร่เชื้อทำให้ทุกคนในครอบครัวได้มีเวลาให้กันและกัน แม่ก็ไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อมาเตรียมอาหารเช้าให้กับลูกและสามี และลูกๆก็ไม่ต้องรีบตื่นมาแต่งตัวไปโรงเรียน บรรยากาศนี้จะมีแค่ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์เท่านั้น การเปลี่ยนมุมมองและวิธีคิดใช้ช่วงวิกฤติของโรคระบาดให้เป็นโอกาสในการสร้างความผูกพันในครอบครัว และเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของครอบครัวที่จะทำอะไรหลายๆอย่างที่อยากทำด้วยกันได้อย่างเต็มที่ การคิดแบบนี้จะทำให้ความเครียดของคุณลดลงไปได้เยอะเลยแหล่ะค่ะ.

ทำหน้าที่ของพ่อแม่อย่างเต็มที่

ทำหน้าที่ของพ่อแม่อย่างเต็มที่

ในความเป็นจริงการเอาใจใส่ดูแลลูกในทุกเรื่องเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของพ่อแม่โดยตรงแต่การใช้ชีวิตในปัจจุบันมันเปลี่ยนไปเพราะทุกอย่างต้องแข่งกับเวลา และทุกอย่างก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น พ่อแม่หลายคนเลยมองว่า ถ้าอยากให้ครอบครัวมีความสุข อยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องลำบากตอนแก่ต้องทำงานหาเงินเยอะๆ และการหาเงินต้องทำเองใครช่วยไม่ได้ แต่ลูกๆใครก็ช่วยดูแลแทนได้ ส่วนลูกยังไม่ถึงวัยเข้าโรงเรียนก็เอาไปฝากสถานรับเลี้ยงเด็ก แต่ลูกที่โตขึ้นมาหน่อยก็ให้ไปโรงเรียน เรื่องการอบรมสั่งสอนก็ยกให้เป็นหน้าที่ของคุณครู เรื่องอาหารก็ซื้อนอกบ้านมากิน หรือไม่ก็ให้เงินลูกไปกินที่โรงเรียน เนื่องจากความคิดแบบนี้จึงทำให้เราเห็นว่า ความผูกพันของคนในครอบครัวลดน้อยลงไป พ่อแม่หลายต้องรีบออกบ้านไปทำงานแต่เช้า ส่วนลูกๆก็ไปโรงเรียนแต่เช้าทุกคนในครอบครัวใช้เวลาอยู่นอกบ้านแต่ละวันเกือบ 10 ชั่วโมง พอกลับถึงบ้านต่างคนต่างเหนื่อย ส่วนบางครอบครัวก็จ้างแม่บ้านดูแลลูก ตัวเองก็ออกไปทำงานนอกบ้านจึงไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่

ช่วงเวลานี้แหล่ะค่ะถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆที่พ่อแม่จะได้ทำหน้าที่ของตัวเองในการเอาดูแลเอาใจใส่ลูกๆ  สอนลูกให้รู้จักช่วยเหลือตัวเอง และช่วยเหลือคนอื่น และทำตัวให้เป็นประโยชน์ และใช้เวลาให้คุ้มค่า โดยสอนให้ลูกทำงานบ้านด้วยตัวเอง สอนวิธีใช้เงินอย่างประหยัด และสอนวิธีออมเงิน ถ้าพ่อแม่มองว่าช่วงเวลานี้ทำให้ตัวเองได้เป็นแม่ที่ดี มีเวลาให้ลูกเต็มที่ ลูกๆจะมีความรู้สึกอบอุ่น มั่นคง ปลอดภัย  มีความรัก ความผูกพันกับพ่อแม่มากขึ้น และตัวพ่อแม่เองก็จะมีความภูมิในที่ตัวเองทำหน้าที่พ่อแม่ได้อย่างสมบูรณ์ และยิ่งได้เห็นพัฒนาการของลูกในแต่ละวันก็จะยิ่งทำให้มีความสุขมากขึ้นจนลืมความเครียดไปได้เลย.

เวลาดีๆอย่างนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ

เวลาดีๆอย่างนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ

เมื่อไหร่จะถึงวันเสาร์ซักที! ดิฉันเองพูดคำนี้บ่อยๆ และได้ยินหลายคนทั้งผู้ใหญ่และเด็กพูดคำนี้เพราะอะไรคะ ? ก็เพราะทุกคนอยากมีเวลาได้อยู่บ้านกับครอบครัว อยากพักผ่อน อยากตื่นสายๆ ไม่ต้องทำอะไรๆแบบรีบๆ เพราะเวลาที่อยู่บ้านเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายและมีความสุขที่สุด เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส รัฐบาลมีนโยบายให้ประชาชน อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ จึงทำให้ความฝันของหลายๆคนเริ่มเป็นจริงแล้ว ถึงแม้บางคนอาจจะยังไม่พร้อมเท่าไหร่ แต่ช่วงเวลานี้คุณได้อยู่กับลูกได้ทำอาหารอร่อยๆให้เขากิน ได้ทำกิจกรรมด้วยกัน ได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของลูกๆ ยิ่งมีความสุข เวลาดีๆแบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อยๆนะคะรีบใช้เวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุดนะคะ.