ยอมรับว่าตอนนี้หลายคนใช้ชีวิตลำบากมากขึ้นและไม่รู้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้างจะดีขึ้นหรือแย่ลง แต่ถ้าเรามัวแต่คิดไปข้างหน้าอย่างเดียวจนลืมสิ่งที่เราสามารถทำได้ในแต่ละวันคงไม่ดีแน่ๆ ดังนั้นบทความนี้อยากมาเตือนคุณทุกคนที่กำลังเครียดอยู่ว่าให้แก้ปัญหาเป็นเรื่องๆไปอย่าพึ่งเอาปัญหาทุกอย่างมามัดรวมกันนะคะ ซึ่งปัญหาหนึ่งที่ผู้เขียนจะหยิบยกขึ้นมาก็คือ ปัญหาเรื่องหนี้สิน ใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องหนี้สินตอนนี้ก็กำลังมีทางออกค่ะเพราะสถาบันการเงินต่างๆก็เห็นอกเห็นใจลูกค้าจึงมีนโยบายพักชำระหนี้ช่วงโควิดให้ลูกค้าในช่วงนี้ที่เกิดไวรัสระบาดค่ะ เมื่อได้ฟังอย่างนี้คงใจชื้นกันขึ้นมาบ้างแล้วใช่มั้ยคะ?

แต่เดี๋ยวก่อนค่ะอย่าพึ่งรีบร้อนด่วนตัดสินใจแม้นี่จะเป็นเหมือนข่าวดีแต่ก็ต้องศึกษาก่อนนะคะว่าเงื่อนไขเป็นอย่างไรเพื่อความรอบคอบค่ะ บทความนี้จะมาให้ความรู้กับคุณในเรื่องที่ว่า การพักหนี้ / การพักชำระหนี้ / การพักชำระเงินต้น เรื่องเหล่านี้หมายความว่าอย่างไร? ก่อนที่คุณจะตัดสินใจยอมรับข้อเสนอนี้ค่ะเพราะการยอมรับเงื่อนไขเหล่านี้จะมีผลในอนาคตเมื่อวิกฤติผ่านพ้นไปหรือเมื่อสิ้นสุดระยะเวลานะคะมาเริ่มหาความรู้กันเลยค่ะ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 3 ช่องทางช่วยลูกหนี้ ช่วงโควิด-19 ที่นี่

นโยบายพักชำระหนี้ช่วงโควิด คืออะไร

นโยบายพักชำระหนี้ช่วงโควิด คืออะไร

การพักหนี้ หมายความว่า ลูกหนี้ไม่ต้องต้องชำระหนี้งวดนั้นหรือเดือนนั้นทั้งเงินต้น และดอกเบี้ย อย่างเช่นถ้าคุณติดต่อธนาคารขอพักหนี้ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไปซึ่งสมมุติว่าเป็นการชำระหนี้งวดที่ 4 และพักหนี้เป็นระยะเวลา 3 เดือน เมื่อครบกำหนด 3 เดือน คือภายในเดือนสิงหาคมคุณต้องกลับมาชำระหนี้ตามเดิมในจำนวนเงินเท่าเดิมนับเป็นงวดที่ 4 เหมือนเดิมค่ะ ซึ่งภายในระยะเวลา 3 เดือนที่ธนาคารพักหนี้ให้คุณนั้นเป็นการหยุดเวลาทุกอย่างไว้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งเงินต้น และดอกเบี้ยค่ะ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 3 เดือนการชำระหนี้ก็ดำเนินไปเหมือนเดิมนั่นเองค่ะ นี่คือความหมายของการพักหนี้ที่เข้าใจง่ายๆ ถ้าคุณคิดว่าในตอนนี้สถานการณ์การเงินของคุณติดขัดจริงๆก็สามารถติดต่อขอพักหนี้กับธนาคารได้ค่ะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความยินยอมของธนาคารด้วยนะคะไม่ใช่ทุกสถาบันการเงินจะมีการพักหนี้ให้ลูกค้านะคะ

การพักชำระหนี้ หมายความว่า ลูกหนี้ไม่ต้องชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเมื่ออยู่ในระยะเวลาการพักชำระหนี้ สมมุติว่าเริ่มพักชำระหนี้ตั้งแต่งวดที่ 4 – 6 ภายในระยะเวลา 3 เดือนนี้หรือ 3 งวดนี้ลูกหนี้ไม่ต้องชำระเงินแก่ธนาคารแต่ธนาคารจะยังคิดดอกเบี้ยของ 3 งวดนี้ต่อไปเรื่อยค่ะ เมื่อครบกำหนดพักชำระหนี้ 3 เดือนแล้วลูกหนี้ก็ต้องกลับมาชำระหนี้ในงวดที่ 7 และยังต้องชำระดอกเบี้ยของงวดที่ 4 – 6 ด้วยนั่นเองค่ะ  ซึ่งจะแตกต่างจากการพักหนี้ดังนั้นอย่าเข้าใจผิดนะคะต้องแยกให้ออกก่อนตัดสินใจเข้าใปขอพักชำระหนี้ หรือพักหนี้ค่ะ

อีกทางเลือกหนึ่งการพักชำระเงินต้น

อีกทางเลือกหนึ่งการพักชำระเงินต้น

การักชำระเงินต้น หมายความว่า ลูกหนี้ไม้ต้องชำระหนี้ในส่วนของเงินต้น แต่ยังคงชำระหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยอยู่ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าทุกเดือนคุณต้องชำระหนี้เป็นเงินต้น 3,500 บาท และต้องชำระดอกเบี้ย 5,500 บาท รวมแล้วทุกเดือนคุณต้องชำระหนี้ 9,000 บาทต่อเดือน แต่เมื่อขอพักการชำระเงินต้นคุณก็จะชำระหนี้ในเดือนนั้นเพียงแต่ในส่วนของดอกเบี้ยคือ 5,500 บาทต่อเดือนค่ะ ถ้าขอพักชำระเงินต้น 3 เดือนก็รวมเป็นเงิน 16,500 บาทค่ะ แทนที่จะจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเงิน 27,000 บาท นี่เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายลงไปเกือบครึ่งเลยค่ะต่อเดือน

แต่เดี๋ยวก่อนค่ะสิ่งที่จะตามมาหลังจากครบกำหนดการขอพักชำระเงินต้นแล้วคือ คุณต้องกลับมาชำระหนี้ 9,000 บาทเหมือนเดิมต่อจากนั้นเพราะตามเงื่อนไขถึงแม้จะมีการชำระดอกเบี้ยไปแล้ว 3 เดือนแต่เงินต้นยังคงเท่าเดิมธนาคารจึงจะเรียกเก็บในจำนวนเดิมพร้อมดอกเบี้ย เพราะเงินกู้ปกติธนาคารมักนำเงินดอกเบี้ยเป็นสิ่งสำคัญกว่าเงินต้นค่ะ แล้วเมื่อใกล้จะครบกำหนดระยะสัญญาหนี้แล้วคุณอาจจะพบว่าเงินในส่วนของดอกเบี้ยก็จะลดลงในตอนนั้นค่ะเพราะคุณเคยชำระหนี้เฉพาะดอกเบี้ยไปก่อนแล้วบ้างนั่นเอง ดังนั้นใครที่คิดจะขอพักชำระเงินต้นต้องศึกษาอย่างดีนะคะก่อนตัดสินใจเพราะการชำระหนี้เฉพาะดอกเบี้ยยังไม่มีผลทำให้ดอกเบี้ยหายไปหรือลดลงในทันทีค่ะนี่คือเรื่องหนึ่งที่ไม่อยากให้หลายคนเข้าใจผิดนะคะ

นโยบายพักชำระหนี้ช่วงโควิด ต้องศึกษาเพราะเป็นเรื่องสำคัญมีผลในอนาคต

นโยบายพักชำระหนี้ช่วงโควิด ต้องศึกษาเพราะเป็นเรื่องสำคัญมีผลในอนาคต

ผู้เขียนคิดว่าการขอลดภาระหนี้สินตามนโยบายพักชำระหนี้ช่วงโควิดางๆที่ทางสถาบันการเงิน และธนาคารออกมาเสนอแก่ลูกหนี้ทำให้หลายคนรู้สึกดีใจมากๆ แต่ขอแนะนำว่าขอลดภาระหนี้สินทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็มีเงื่อนไขที่คุณต้องศึกษาโดยละเอียดไม่ต่างจากในตอนเริ่มต้นขอเงินกู้เลยนะคะ เพราะไม่ว่าคุณจะทำอะไรกับหนี้สินก็มักจะมีผลต่อจากนั้นตามมาเมื่อหมดระยะเวลาการขอลดภาระหนี้สินไปแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจดีๆค่ะ เพราะความเข้าใจผิดบางอย่างอาจจะทำให้คุณหนักใจภายหลังเมื่อการขอลดภาระหนี้ไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้

แต่ถ้าคุณทราบเงื่อนไขดีอยู่แล้วก็จะยอมรับผลที่ตามมาได้ง่ายมากยิ่งขึ้นนะคะ ตอนนี้ถ้าใครคิดว่าตัวเองสมควรจะต้องขอลดภาระหนี้สินก็ให้เข้าไปติดต่อธนาคารได้เลยค่ะว่าในส่วนของคุณเองนั้นสามารถขอลดภาระหนี้สินตามเงื่อนไขอะไรได้บ้างช่วงที่ไวรัสโควิด 19 ระบาดแบบนี้ และขอให้ฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ธนาคารอย่างดีนะคะเพื่อจะแก้ปัญหาอย่างถูกทางค่ะ หากใครอยากปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมเสามารถสอบถามได้ที่MoneyDuck Thailand ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่างเลย