พูดถึงเชื้อไวรัสที่กำลังเป็นอันตรายอย่างมากและได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เพราะมีการแพร่ระบาดไปทั่วโลกในตอนนี้ ก็คงไม่พูดถึงไม่ได้นั้นคือ ไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19 และด้วยการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสทำให้ในตอนนี้ที่ประเทศไทยก็มีผู้ที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากในเวลาอันสั้นซึ่งนั้นทำให้เกิดการปรับตัวปรับเปลี่ยนหลายๆอย่าง และมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมไปถึงเคอร์ฟิว เกิดขึ้นด้วย มีคนตกงาน มีธุรกิจ กิจการถูกปิด กันไปมากมาย เศรษฐกิจในประเทศหยุดชะงัก ซึ่งเป็นการกระทบไปในหลายๆภาคส่วน แต่ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวนั้นทำให้ บริษัทประกันภัยทั้งหลายเร่งเห็นถึงความสำคัญในจุดนี้ และได้สร้างกรมธรรม์ขึ้นมาใหม่ เป็นประกันภัยที่จะช่วยรับมือกับไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ และด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ไม่ใช่เฉพาะเมืองใหญ่หรือเมืองท่องเที่ยวเท่านั้นที่เป็นพื้นที่เสี่ยงในต่างจังหวัดเองในตอนนี้ก็เป็นพื้นที่เสี่ยงด้วยเหมือนกัน ทำให้ประกันภัยโควิด-19 เป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ด้วยบ้านเมืองเรา บริษัทประกันก็มีอยู่ด้วยกันหลายบริษัท แต่ละบริษัทก็มีกรมธรรม์เป็นของตัวเอง และมีความแตกต่างไปตามแต่ละบริษัทฯ ซึ่งนั้นทำให้พวกเราที่เป็นลูกค้า เลือกลำบาก ในบทความนี้จึงมาแนะนำถึง 4 ความคุ้มครองที่เพื่อนๆควรจะเอามาเป็นประเด็นในการเลือกซื้อประกันภัยรับโควิด-19 นี้ ไปดูกันครับว่ามีประเด็นอะไรกันบ้าง

1. ค่ารักษาพยาบาล

1. ค่ารักษาพยาบาล

ประเด็นที่ 1 ประเด็นแรกเป็นเรื่องของค่ารักษาพยาบาล คือ ให้เพื่อนๆเลือกประกันภัยรับมือโควิด-19 จากความคุ้มครองเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล คือ ตามปกติหรือมาตรฐาน ทางประกันภัยส่วนใหญ่จะทำการคุ้มครองเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลตามความเป็นจริง ซึ่งก็จะต้องไม่เกินวงเงินผลประโยชน์ที่มีระบุไว้ในกรมธรรม์ เพราะฉะนั้นคำแนะนำในประเด็นที่หนึ่ง คือ เลือกกรมธรรม์ของบริษัทประกันภัยที่ให้วงเงินการคุ้มครองสูงเข้าไว้ และ วิธีการเข้ารับเงินค่ารักษาโดยทั่วไปแล้วก็จะต้องมีการเตรียมเอกสารหลักฐานพวกใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น และใบรับรองแพยท์ว่าได้เข้ารับการรักษาจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จริง ซึ่งถ้าในการขอเบิกค่ารักษาพยาบาลมีขั้นตอนที่สลับซับซ้อนกว่านี้ก็ถือว่าเป็นประกันภัยรับมือโควิด-19 ที่ไม่ควรเลือกทำครับ

2. ค่าชดเชย

2. ค่าชดเชย

ประเด็นที่ 2 เป็นประเด็นเรื่องของค่าชดเชย โดยในประกันอื่นๆอาจจะไม่มีเรื่องของค่าชดเชยในกรมธรรม์ แต่สำหรับประกันภัยรับมือโควิด-19 นั้นจะมีค่าชดเชยมาให้ด้วย ซึ่งค่าชดเชยตรงนี้ก็จะเปรียบได้เท่ากับเป็นเงินค่าทำขวัญนั้นเอง เพราะอย่างที่รู้กันว่าผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วนั้นมีโอกาสรอดยาก เพราะยังไม่มียารักษาโดยตรง มีแต่จะต้องนอนพักรักษาตัวและคุณหมอก็จะทำการจ่ายยารักษาตามอาการเท่านั้น ซึ่งจะรักษาหายไม่หายก็อยู่ที่สภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ทำให้ในกรมธรรม์ของประกันภัยรับมือโควิด-19 นี้ส่วนใหญ่จะมีเงินค่าชดเชยมาให้ด้วย คือเมื่อไรที่ตรวจเจอว่าติดเชื้อจะได้รับเงินก้อนนี้ในทันทีซึ่งจะไม่ได้เกี่ยวกับเงินค่ารักษาแต่อย่างใดเลย ซึ่งอย่างที่บอกว่าประกันภัยโควิด-19 ส่วนใหญ่จะมีเพราะฉะนั้นแล้วประกันภัยโควิด-19 ของบริษัทไหนไม่มีก็ไม่ควรที่จะมาเป็นตัวเลือกในการเลือกทำประกันนะครับ และในกรณีของการจ่ายเงินชดเชยตรงนี้ ก็ควรที่จะเป็นเงินก้อนด้วย ตามวงเงินผลประโยชน์ที่เพื่อนๆได้เลือกซื้อความคุ้มครองเอาไว้ เพราะฉะนั้นตัวเลือกไหนที่ไม่ได้จ่ายเงินชดเชยเป็นก้อนตามที่ได้บอกไปก็ไม่ควรเลือกทำครับ

3. เงินชดเชยรายได้

3. เงินชดเชยรายได้

ประเด็นที่ 3 เป็นประเด็นเรื่องของเงินชดเชยรายได้ ถ้าเพื่อนๆที่เคยทำประกันอุบัติเหตุประกันสุขภาพ จะทราบเรื่องนี้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้วเพราะในกรมธรรม์ของประกันอุบัติเหตุและประกันสุขภาพบางกรมธรรม์จะมีเงินชดเชยรายได้อยู่ เช่น ถ้าเกิดอุบัติเหตุทำให้ต้องนอนโรงพยาบาลไปทำงานไม่ได้เท่ากับว่าขาดรายได้ ทางบริษัทประกันก็จะต้องทำการชดเชยรายได้ส่วนนั้นมาให้ซึ่งจะชดเชยกี่บาทตรงนี้ก็อยู่แล้วแต่วงเงินที่เพื่อนๆเลือกซื้อประกันสุขภาพก็เช่นเดียวกัน คือถ้าป่วยต้องนอนโรงพยาบาลทำงานไม่ได้ก็จะได้รับเงินชดเชยรายได้เหมือนกัน และถ้ายิ่งเป็นประกันภัยโควิด-19 แล้วยิ่งต้องมีเรื่องของการชดเชยรายได้เลย เพราะเมื่อตรวจพบแล้วว่าติดเชื้อ ลำพังไม่ใช่แค่ต้องหยุดงานขาดรายได้เพียงอย่างเดียวนะครับ เพื่อนๆจะต้องถูกกักตัวไม่ให้พบเจอใครเลยนอกจากพยาบาลและคุณหมอจนกว่าเพื่อนๆจะหายดีเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แย่ยิ่งกว่าป่วยปกติอีก เพราะฉะนั้นถ้าประกันภัยโควิด-19 ชองบริษัทประกันภัยไหนไม่มีเงินชดเชยรายได้อยู่ในกรมธรรม์เพื่อนๆไม่ควรทำ

4. กรณีติดเชื้อโควิด-19 ขั้นรุนแรง

4. กรณีติดเชื้อโควิด-19 ขั้นรุนแรง

เพื่อนๆทุกคนคงรู้กันเป็นอย่างดีใช่ไหมครับว่าทำไมเชื้อไวรัสโควิด-19นั้นถึงได้น่ากลัว แต่ถ้าไม่รู้ก็รับรู้เอาไว้นะครับว่าสาเหตุที่เชื้อไวรัสโควิด-19 น่ากลัวนั้นก็เพราะว่าผู้ติดเชื้อมีโอกาสมากกว่า 50% ที่จะเสียชีวิต เพราะฉะนั้นถึงไม่มีใครอยากจะติดเชื้อไวรัสตัวนี้ และด้วยการที่ไวรัสตัวนี้ยังไม่มียาต้านไวรัสและไม่มีวัคซีนทีทำให้ยิ่งน่ากลัวเพิ่มเข้าไปอีก ซึ่งในกรณีของผู้ที่ติดเชื้อไปแล้วก็จะมีระดับของการติดเชื้ออยู่ ซึ่งอย่างที่บอกว่าไม่มียาต้านไวรัสและวัคซีนที ทำให้คุณหมอต้องทำการรักษาไปตามอาการซึ่งก็จะมีโอกาสเป็นไปได้ที่ผู้ติดเชื้อจะอยู่ในอาการขั้นรุนแรงซึ่งคุณหมอไม่สามารถรักษาได้แล้ว ซึ่งนั้นจะทำให้คุณหมอต้องลงความเห็นว่าเป็นผู้ป่วยขั้นโคม่าด้วยไวรัสโควิด-19 ซึ่งนั้นแปลว่า 100% ไม่มีทางรอด ในกรณี ทางบริษัทประกันที่เพื่อนๆเลือกทำประกันภัยโควิด-19ก็ควรที่จะมีการบวกความคุ้มครองหรือผลประโยชน์อย่างอื่นเข้ามาให้ด้วยในแพ็คเกจ ยกตัวอย่างเช่น ผลประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อเสียชีวิตหรือมีการสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุ(อบ.1)หรือค่าปลงศพ

ก่อนซื้อประกันควรศึกษาอย่างละเอียดเพื่อรับผลประโยชน์เต็มที่

ก่อนซื้อประกันควรศึกษาอย่างละเอียดเพื่อรับผลประโยชน์เต็มที่

สุดท้ายแล้วสำหรับตัวผมเองผมมองว่า ประเด็นที่ 2 ประเด็นที่ 3 และ ประเด็นที่ 4 เป็นประเด็นที่น่าสนใจมากๆและควรจะเอามาเป็นหลักในการเลือกประกันภัยโควิด-19 นะครับ เพราะ ประเด็นที่ 1 สำหรับผู้ที่มีประกันสุขภาพอยู่แล้วก็จะไม่ค่อยได้รับประโยชน์สักเท่าไร ส่วนผู้ที่ไม่มีประกันสุขภาพแต่เป็นคนไทยเราก็มีประกันสุขภาพของทางรัฐบาลมอบให้อยู่แล้วนั้นก็คือ บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค เพราะฉะนั้นค่ารักษาที่จะเกิดขึ้นและเพื่อนๆต้องสำรองจ่ายและไปเบิกกับทางบริษัทประกันภัยก็จะไม่ค่อยมี เพราะฉะนั้นให้เน้นไปที่ วงเงินค่าชดเชยดีกว่า ตรวจเจอเมื่อไรจ่ายเงินก้อนให้ทันที และ เงินชดเชยรายได้ เพราะแน่นอนว่าถ้าป่วยเพื่อนๆจะต้องหยุดงานและขาดรายได้อย่างแน่นอน และสุดท้าย คือ แพ็คเกจเสริมในกรณี ที่เพื่อนๆป่วยเข้าขั้นโคม่าจากไวรัสโควิด-19 จะดีกว่านะครับ และเพื่อที่เพื่อนๆจะได้ประกันตามคำแนะนำ แน่นอนว่าต้องมีการศึกษาหาข้อมูลและแนะนำนะครับเพื่อที่จะประกันอย่างที่เหมาะสมควรศึกษาอย่างละเอียดด้วยนะครับ