เพื่อนๆที่มีรถยนต์และได้ใช้รถยนต์เป็นประจำ คงจะต้องรู้จักกับประกันรถยนต์กันเป็นอย่างดี และคงรู้ด้วยว่าประกันรถยนต์นั้นเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นสิ่งที่ควรจะมีเอาไว้เมื่อมีรถยนต์เพราะประกันรถยนต์นั้นสามารถช่วยเพื่อนๆได้ในเรื่องของการคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยจะคุ้มครองทั้งตัวเพื่อนๆเอง คู่กรณี ผู้โดยสาร และรวมไปถึงทรัพย์สินของเพื่อนๆและตัวรถยนต์ด้วย แต่ประกันรถยนต์ในปัจจุบันนั้นก็มีอยู่ด้วยกันหลากหลายประเภทมีการคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป นั้นจึงเป็นที่มาของบทความนี้ เพื่อที่เพื่อนๆจะได้รู้จักกับประกันรถยนต์ทุกประเภทและความคุ้มครอง จะได้เลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะกับเพื่อนๆได้อย่างฉลาด ผมจึงได้จัดทำบทความนี้ขึ้นมาเพื่อเพื่อนๆใช้สำหรับการเลือกประกันรถยนต์ ซึ่งตามที่บอกไป ประกันรถยนต์นั้นมีเอาไว้สำหรับคุ้มครองผู้เอาประกันและคู่กรณีเวลาเกิดอุบัติเหตุ หรือเวลาที่เจอกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น รถไฟไหม้ น้ำท่วมรถ ตึกถล่มใส่รถ รถหาย ตกสะพาน เป็นต้น โดยประกันรถยนต์ในปัจจุบันจะแบ่งประเภทต่างๆออกได้ตามนี้ไปดูกันได้เลยครับ
ประกันรถยนต์ชั้น 1
มาเริ่มกันที่ประกันรถยนต์ประเภทแรกกัน นั้นคือ ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุดในบรรดาประกันรถยนต์ทั้งหมด โดยการคุ้มครองหลักๆก็จะมี ตามนี้ คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของผู้เอาประกันและคู่กรณี คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินและรถยนต์ทั้งของผู้เอาประกันและคู่กรณี คุ้มครองค่าซ่อมรถคันเอาประกันในกรณีอุบัติเหตุทั้งแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถชนเสาไฟฟ้า รถคว่ำ รถตกถนน หินดีด กระจกร้าว ยางแตก เป็นต้น คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล และค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้รถ หรือน้ำท่วมรถ เงินประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา เพื่อนๆจะเห็นได้ว่า ประกันรถยนต์ชั้น 1 นั้นคุ้มครองครอบคลุมมากจริงๆ แต่การที่ประกันรถยต์ชั้น 1 มีการคุ้มครองที่ครอบคลุมขนาดนี้แต่ก็แลกมาด้วยเบี้ยประกันที่ถือว่าแพงที่สุดในบรรดาประกันรถยนต์ประเภทต่างๆกันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นแล้วผู้ที่เหมาะสมที่จะทำประกันชั้นหนึ่งและได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่ากับเบี้ยประกัน นั้นคือ ผู้ที่มีรถยนต์คันใหม่ป้ายแดง และผู้ที่รักรถเป็นพิเศษ
ประกันรถยนต์ชั้น 2+
ส่วนประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองรองลงมาจากประกันรถยนต์ชั้น 1 นั้นก็คือ ประกันรถยนต์ที่มีชื่อเรียกว่า ประกันรถยนต์ชั้น 2+ โดยส่วนที่แตกต่างกันก็จะเป็นเรื่องของการคุ้มครองค่าซ่อมรถคันเอาประกันคือประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะทำการคุ้มครองแค่เฉพาะเวลาที่เจอกับอุบัติเหตุแบบรถชนรถ และแบบมีคู่กรณีเท่านั้น ส่วนรายละเอียดการคุ้มครองเรื่องๆอื่นๆก็มี ดังนี้ คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของผู้เอาประกันและคู่กรณี คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินและรถยนต์ทั้งของผู้เอาประกันและคู่กรณี แต่จะคุ้มครองค่าซ่อมรถคันเอาประกันในกรณีอุบัติเหตุรถชนรถ และมีคู่กรณีเท่านั้น คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล และค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้รถ เงินประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา ดูแล้วเรื่องการคุ้มครองก็ดูเหมือนจะคุ้มครองได้ครอบคลุมเกือบจะเท่ากับประกันรถยนต์ชั้น 1 กันเลยทีเดียว มีต่างกันก็นิดหน่อย ถ้าเพื่อนๆมั่นใจในการขับขี่ของตัวเพื่อนๆเองว่าจะไม่มีทางไปชนอะไรอย่างอื่นหรือเกิดอุบัติเหตุกับสิ่งที่ไม่ใช่รถด้วยกันเองหรือสิ่งที่ไม่มีคู่กรณีก็ขอแนะนำ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ตัวนี้ไปเลยเพราะ แน่นอนว่าเบี้ยประกันก็จะถูกว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 แต่มีความคุ้มครองที่พอๆกัน
ประกันรถยนต์ชั้น 2
ต่อมาจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น 2 ประกันตัวนี้จะเน้นไปที่การคุ้มครองความเสียหายกับคู่กรณี คือ พอเวลาเจออุบัติเหตุ ประกันรถยนต์ชั้น 2 จะคุ้มครองทั้งเรื่องร่างกาย ทรัพย์สิน และค่าซ่อมรถของคู้กรณี แต่กับคันผู้เอาประกันจะไม่ได้คุ้มครองค่าซ่อมรถให้ มาดูรายละเอียดอย่างอื่นในการคุ้มครองกัน คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของผู้เอาประกันและคู่กรณี คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินและรถยนต์ของบุคคลภายนอกหรือคู่กรณี ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์คันที่ทำประกัน คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล และค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้รถ เงินประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา ดูแล้วก็จะเป็นประกันรถยนต์ที่ถือได้ว่ายังมีการคุ้มครองที่ครอบคลุมแต่ก็ยังเสียในเรื่องของค่าซ่อมรถตัวเองเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ ถ้าเพื่อนๆคิดว่า ขับรถดีและไม่คิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง และมีงบน้อยก็เหมาะกับประกันรถยนต์ชั้น 2 ตัวนี้ ครับ
ประกันรถยนต์ชั้น 3+
ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ประกันตัวนี้จะให้ความคุ้มครองที่คล้ายกับประกันรถยนต์ชั้น 2+ โดยรายละเอียดการคุ้มครอง ก็จะมี ดังนี้ คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของผู้เอาประกันและคู่กรณี คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินและรถยนต์ทั้งของผู้เอาประกันและคู่กรณี แต่จะคุ้มครองค่าซ่อมรถคันเอาประกันในกรณีอุบัติเหตุรถชนรถ และมีคู่กรณีเท่านั้น คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล และค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ไม่คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้รถ เงินประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา ซึ่งถ้าเพื่อนๆสังเกตเพื่อนๆจะเห็นข้อแตกต่าง ระหว่าง 2+ และ 3+ คือ 3+ จะไม่ทำการคุ้มครองรถเพื่อนๆเวลาที่หาย หรือ ไฟไหม้ เพราะฉะนั้นแล้วประกันรถยนต์ 3+ นี้ ผมมองแล้วว่าเหมาะกับผู้ที่ต้องการการคุ้มครองเวลาที่ใช้รถใช้ถนนเกี่ยวกับค่าซ่อมรถค่ารักษาพยาบาล แต่ไม่ได้รักรถมากขนาดที่หายจะต้องหาประกันมารับผิดชอบ อาจจะหวังพึงตำรวจแทน
ประกันรถยนต์ชั้น 3
สุดท้ายแล้วกับประเภทประกันรถยนต์ ประกันรถยนต์ชั้น 3 ประกันรถยนต์ตัวนี้เป็นประกันรถยนต์ที่ราคาถูกที่สุดในบรรดาประกันรถยนต์ ซึ่งนั้นก็มากับความคุ้มครองที่น้อยตามราคาด้วยเช่นกัน โดยรายละเอียดการคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 3 ก็มีดังนี้ คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินเฉพาะของคู่กรณีเท่านั้น ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์คันที่ทำประกัน ไม่คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้รถ คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล และค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เงินประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา เพื่อนๆจะเห็นได้ว่าประกันรถยนต์ชั้น 3 นั้นคุ้มครองไปที่คู่กรณีสักมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นทั้งร่างกาย ทรัพย์สิน และค่าซ่อมรถ แต่กับผู้เอาประกันนั้นจะได้รับความคุ้มครองแค่ ค่ารักษาพยาบาล เท่านั้น รถต้องเอาไปซ่อมเอง เพราะฉะนั้นแล้วประกันรถยนต์ชั้น 3 นั้น ผมจะมองว่าเหมาะกับผู้ที่ไม่อยากจะมีปัญหาเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ คือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบให้ทางบริษัทประกันรับผิดชอบคู่กรณีไป ส่วนตัวเองก็เหมือนได้ผลพลอยได้ในเรื่องของค่ารักษาพยาบาล ไปเท่านั้น
เพื่อความคุ้มครองที่คุ้มค่าประกันรถยนต์เป็นสิ่งจำเป็น
จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดเพื่อนๆจะเห็นได้ว่า ประกันรถยนต์แต่ละประเภทก็มีการคุ้มครองที่แตกต่างกันไป แต่ต่อข้อถามที่ว่าเพื่อความคุ้มครองที่คุ้มค่าแล้ว ประกันรถยนต์ประเภทหไหน จะเหมาะที่สุด อันนี้ก็อยู่ที่ความจำเป็นของตะวเพื่อนๆเอง ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมดก็เห็นว่าประกันรถยนต์นั้นมีความคุ้มครองที่ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่พอสมควรสำหรับผู้ที่ใช้รถใช้ถนนและรวมไปถึงคนที่มีรถเฉยๆไม่ได้ใช้ก็มีประกันบางประเภทที่จำเป็นด้วยเหมือนกัน เช่น ประกันรถยนต์ที่คุ้มครองกรณีรถหายหรือรถไฟไหม้ เพื่อนๆเห็นกันใช่ไหมครับว่า ประกันรถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นแต่ก็เฉพาะกับคนที่มีรถยนต์เท่านั้นนะครับ ยังไงก็เพื่อลดความเสี่ยงและเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเพื่อนๆเกี่ยวกับรถยนต์จะได้มีผู้ที่เข้ามาร่วมรับผิดชอบไปกับเพื่อนๆก็อย่าลืมดูประกันรถยนต์เอาไว้ด้วยนะครับ
เชียร
ถ้าเรามีรถใหม่เราก็ไม่จำเป็นต้องเลือกประกันภัยอะไรมากครับ เลือกประกันภัยชั้น 1 ที่มาจากบริษัทที่เราเลือกซื้อเลยตั้งแต่ครั้งแรก เพราะว่าจะมีโปรโมชั่นและส่วนลดให้กับเรา แต่ถ้าเรามีรถที่เก่าแล้วเป็นรถมือสองไม่สามารถที่จะทำประกันชั้น 1 ได้ ก็สามารถที่จะเลือกใช้บริการประกันภัยรถยนต์ในชั้นต่อๆไปได้ตามความประสงค์ของเราครับ
*ออมสิน*
ถึงแม้ความคุ้มครองของประกันชั้น 1 จะดีที่สุด แต่ไม่ใช่รถทุกคันจะทำได้อยู่ที่จำนวนปีของรถ และอยู่ที่เงินในกระเป๋าของเจ้าของรถด้วยครับ เพราะราคาจะแพงหน่อย ถ้าพอมีเงินจะจ่ายได้การทำประกันรถยนต์ที่คุ้มครองกรณีรถหายหรือรถไฟไหม้ก็น่าสนใจไม่น้อยนะครับ เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของเราเลย
ขิม
เมื่อก่อนที่บ้านเราทำ ประกันชั้น 1 มาตลอด จนตอนนี้ รถยนต์ที่บ้านใช้งานมาแล้ว 15ปี ทางประกันรถยนต์บอกว่า รถยนต์เรา อายุมากเกินกว่าที่จะทำประกันชั้น1ได้แล้ว ปีนี้ที่บ้านเลย เปลี่ยนมาเป็นประกัน ชั้น2+แล้วละ เพื่อนๆถ้ามีรถยนต์ ที่สามารถทำประกันชั้น1 ได้ แล้วมีงบพอ เราว่าทำไปเถอะคะ เพราะว่า ความคุ้มครองมันต่างกันมากเหลือเกินคะ
วิ
แต่ถ้าสภาพรถของเราไม่สามารถที่จะใช้บริการของประกันภัยชั้น 1 ได้แล้ว แนะนำว่าก็สามารถที่จะเลือกใช้ประกันภัยรถยนต์แบบที่ถนัดหรือเหมาะสมกับตัวเราตามที่บทความนี้แนะนำค่ะ เพราะฉันเป็นคนที่ขับรถเก่งอยู่แล้ว ก็เลยเลือกประกันภัยแบบ 3 เป็นธรรมดาค่ะเพราะว่าขับช้ามากไม่กลัวว่าจะไปชนใคร แต่ถ้าชนขึ้นมาก็อย่างน้อยประกันซ่อมเขารถเขาค่ะ แล้วเบี้ยประกันก็ถูกด้วย
คิมหันต์
ถ้าให้เราเลือก เราก็เอา 2+ เหมือนกันนะคะ เพราะว่า ดูจากราคาแล้วไม่แพง และไม่ถูกคะ แถมการคุ้มครองก็ใช้ได้เลยคะ อ่อ แต่ถ้าจะให้ถูก ถ้าที่บ้านเรามีรถยนต์หลายคัน ลอง ทำประกันแบบเหมาดูสิ เราได้ยินมาว่าการทำประกันแบบนี้ เทียบกับเบี้ยที่ต้องจ่ายต่อคันแล้ว ราคาจะถูกกว่ามากเลยมีเดียว แถมยังคุ้มครองเท่ากันด้วยนะ
แกงส้ม
ประกันรถยนต์ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้ขับขี่และสภาพของรถด้วยค่ะ พระท่ารถสภาพเป็นเก่ามากก็ไม่จำเป็นต้องเลือกประกันชั้น 2+ ก็ได้แค่ 3 ธรรมดาก็พอ และดูเหมือนว่าคนขับก็มีประสบการณ์ในการขับมานานแล้วเงื่อนไขการรับประกันก็ถือว่าดูแลรถคนอื่นไม่ดูแลตัวเอง และราคาค่ากรมธรรม์ก็ถูกกว่าประกันอื่นๆด้วยค่ะ แต่ถ้ามีเงินก็ทำเพิ่มหรือสูงกว่านั้นได้
ปัถย์ชวนันท์
อย่าประมาทไปนะคะ คนที่ประสบอุบัติเหตุ มักเกิดกับคนที่บอกว่ามีประสบการณ์ในการขับขี่มานานแล้วทั้งนั้นเลยคะ ถือว่าขับเก่ง เลยไม่ได้ระวังอะไร ซึ่งต่างจากคนที่ขับรถไม่เก่ง อย่างของ คุณวิ เขาก็ขับช้าๆ ประสบการณ์ในการขับขี่ไม่ได้รับรองเราคะว่าเราจะไม่มีอุบัติเหตุ แต่ถ้าทำประกันชั้น3 เราขอแนะนำให้ซื้อประกันอุบัติเหตุติดตัวไว้ด้วยคะ อย่างน้อยๆยังมีค่ารักษาตัว
Dolla
@ขิม เป็นความคิดที่ดีแล้วก็เป็นคำแนะนำที่ดีค่ะ เพราะจริงๆแล้วเบี้ยประกันชั้น 1 ราคาถูกก็มีเยอะ ไม่ใช่ว่าประกันชั้น 2 จะถูกเสมอไป อาจจะถูกกว่าก็จริงแต่ความคุ้มครองของประกันชั้นหนึ่งยังไงก็ดีกว่าอยู่แล้ว ถ้ารถของคุณอายุเพียงสามารถทำประกันชั้น 1 ได้ ก็ทำประกันชั้น 1 ไปก่อนดีที่สุด ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา คุณจะเจ็บตัวน้อยกว่า ในแง่ของเรื่องเงินเงินทองทอง
Manit
@ขิม ที่คุณบอกมามันก็จริงครับ ผมว่าใครๆก็อยากได้ความคุ้มครองจากประกันรถยนต์ชั้น 1 กันทั้งนั้น บางครั้งเนี่ย เงินในกระเป๋ามันไม่เอื้ออำนวย รถยนต์ของผมตอนนี้จริงๆอายุก็ยังไม่มากสามารถทำประกันชั้น 1 ได้ครับ แต่ด้วยความที่ทุกวันนี้อยากประหยัด ก็จำเป็นจะต้องเลือกประกันชั้น 2 ลงมา แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนนะผมก็หาข้อมูลอยู่ดีเลยบทความนี้ช่วยได้เยอะ
Kampa65
จริงครับ การเลือกประกันภัยรถยนต์อย่างฉลาดต้องเลือกให้เหมาะสมกับผู้ขับและรถยนต์ด้วย ถ้าทุกอย่างพร้อมทั้งรถทั้งเงินค่าเบี้ยประกันก็จัดประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ไปเลย แต่ถ้าไม่พร้อมในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจัดเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 ก็ยังดี แล้วก็ตามลำดับถัดลงมาครับ ยังไงก็ทำไว้กันสักฉบับเพื่อการขับขี่ที่อุ่นใจครับ
ดวงสมร
คือเราคิดแบบนี้นะคะ เกี่ยวกับเรื่องประกันของรถยนต์ คือ ถ้าใครเป็นเจ้าของรถยนต์ที่อายุไม่เกิน 10ปี การเลือกซื้อประกัน ชั้น1 เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากคะ เพราะว่าสามารถทำได้เลย ไม่ต้องตรวจอะไรแล้วคะ ส่วนถ้าใครทีรถอายุเยอะกว่า 10ปี เราแนะนำ ให้เป็น 2+ หรือว่า 2 ธรรมดาก็ได้คะ ส่วนประกันชั้น3 ตัวนี้ขอให้เป็นทางเลือกตัวสุดท้ายไปเลยคะ
Vichit
@เชียร แต่ผมคิดว่าถึงเราจะมีรถใหม่ป้ายแดงที่เพิ่งจะถอยออกมา แล้วมีประกันชั้น 1 มันก็ต้องเลือกอยู่เหมือนกัน คิดว่าเราใช้ประกันของเจ้านั้นไป 1 ปีแล้วไม่ค่อยพอใจกับบริการคือรู้สึกว่าเบี้ยประกันแพงเกินไปเมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้ เราก็สามารถที่จะเลือกทำประกันชั้น 1 ของเจ้าอื่นได้ด้วย ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นรถมือสองเท่านั้นที่จะต้องเลือกประกัน
Donut
เดี๋ยวนี้เขามีประกันรถยนต์แบบปิดเปิดกันแล้วนะคะ ไม่ทราบว่าเพื่อนๆคนไหนเคยใช้บริการกันบ้างไหม คืออยากรู้ว่าการใช้ประกันรถยนต์แบบนี้ สรุปว่าค่าใช้จ่ายแพงกว่าหรือถูกกว่าประกันแบบทั่วๆไปกันแน่ เรากลัวว่าถ้าทำไปแล้วจะไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่เพราะว่าไม่ค่อยได้ไปไหน แต่ก็ไม่อยากจะไปจ่ายกับประกันชั้นหนึ่งที่ราคาแพงเกินไป ยังไงเพื่อนๆช่วยมาแชร์ความคิดเห็นกันหน่อยนะคะ
Beach
พอดีเลยครับบทความนี้ เดี๋ยวจะแชร์ให้เพื่อน เพื่อนผมมันกำลังจะเปลี่ยนเจ้าประกันรถยนต์ใหม่นะครับแต่มันก็ไม่รู้ว่าจะเลือกแบบไหนดี จริงๆมันก็คงอยากจะได้การบริการที่ดีและเอาใจใส่มากกว่านี้มั้ง แล้วก็อยากประหยัดเบี้ยประกันลงด้วยแหละ คิดว่าบทความนี้ก็คงจะช่วยได้เยอะเดี๋ยวจะลองให้มันอ่านดูครับ เดี๋ยวจะบอกให้มันลงมาอ่านคอมเม้นด้วยได้ประโยชน์ดี
น้องนี..ฐาปนีย์
บางคนอยากซื้อประกันชั้นหนึ่งให้รถยนต์ของตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่รถทุกคันทุกประเภทจะซื้อได้ ตรวจสอบให้ดีค่ะ แม้จะซื้อระกันชั้นหนึ่งให้รถยนต์ของตัวเองไม่ได้ ซื้อเป็นชั้นที่ถัดลงมาก็ได้ค่ะไม่้ต้องเสียใจ เพราะยังไงก็ยังมีประกันคุ้มครองอยู่ อย่างทีบทความนี้บอกว่าให้เราซื้อประกันภัยรถยนต์ตามความเหมาะสมกับรถของเราค่ะ
#Pirawit#
การเลือกซื้อประกันรถยนต์ต้องเลือกอย่างฉลาดและเหมาะสมกับรถยนต์ของเราจริงๆ ซึ่งความเหมาะสมของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันอีก อย่างเช่น รถยนต์ของเราทำประกันได้ในแบบที่สามารถได้รับความคุ้มครองแบบดีๆจัดเต็มเลย แต่ว่าเงินเราไม่พอจะจ่ายแบบนั้นก็ต้องลดลงมาซื้อประกันชั้นถัดไป อย่างนี้ล่ะครับ ต้องเลือกให้เหมาะสมกับทั้งคนและรถยนต์
อภิชัยธ
ถ้ารถยนต์ของผมเป็นรถยนต์ใหม่ๆ ไม่เกิน 10ปี ยังไงผมก็จะทำประกันชั้น1อย่างแน่นอนครับ การคุ้มครองได้ทุกกรณีเลย แต่ตอนนี้รถยน๖ืไม่สามารถทำได้แล้วเลยเลือกเป็นตัว 2+ แล้วกันครับ คุ้มครองก็คล้ายๆกับชั้น1นั้นแหละแต่ต่างกันคือเราต้องมีคู่กรณีเท่านั้นเราถึงจะสามารถเคลมการคุ้มครองต่างๆได้ แต่ก็ยังดีกว่าชั้น3แหละครับ
!บิสกิต!
การมีประกันรถยนต์ถือเป็นการลดความเสี่ยงหลายอย่างเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเจ้าของรถยนต์ เหมือนกับมีผู้ร่วมรับผิดชอบด้วย ตอนท้าายบทความพูดไว้อย่างนี้ ซึ่งก็น่าคิดค่ะ หากเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมาจริงๆ เจ้าของรถยนต์ต้องจ่ายคนเดียว มันก็จะหนักมากเลยนะคะ มีประกันภัยรถยนต์ไว้ก็ช่วยได้มากค่ะ
KulanaTkk
ดูรูปภาพประกอบบทความแล้ว จะต้องทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนถึงจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ต้องจ่ายคะเนี่ย เราก็สงสัยไปอย่างนั้น ในชีวิตจริงเหตุการณ์อย่างนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆหรอก ที่จริงก็หวังว่าจะไม่เกิดกับใครนะคะ อย่างไรก็ตาม การซื้อประกันภัยรถยนต์ไว้มันดีต่อเจ้าของรถยนต์ คนขับรถยนต์ ผู้ร่วมเดินทางและคนอื่นๆค่ะ