หากจะเอ่ยกันถึงเรื่องการหาเงินเพื่อให้มีเงินเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตินี้ ก็นับว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องรีบทำ ตรงไหนที่พอจะหยิบจับเพื่อจะช่วยบรรเทาสภาพการณ์ทางการเงินในตอนนี้ได้ก็เห็นทีจะต้องรีบดำเนินการกันเลยว่าไหมคะ ซึ่งบางท่านอาจใช้วิธีขายทรัพย์สินที่มีอยู่ออกไปก่อน หรืออาจหยิบยืมจากญาติพี่น้องเพื่อนฝูงที่พอจะมี บางท่านก็จำต้องเป็นหนี้โดยการกดใช้บัตรเงินสด บัตรเครดิตเพื่อประทังชีวิตกันไปก่อน และอีกสารพัดวิธีที่คิดเพื่อจะประคองตัวให้รอดในช่วงนี้ไปได้ ในวันนี้เราจึงขอแนะนำ 4 วิธีหาเงินเข้าเพื่อที่จะช่วยให้ทุกๆท่านสามารถที่จะอยู่รอดฝ่าวิกฤติโรคระบาดครั้งใหญ่นี้ไปได้ กับ “4 วิธีหาเงินประทังชีวิตให้รอดช่วงโควิด 19” จะมีวิธีอะไรกันบ้างนั้น เรารีบไปติดตามพร้อมๆกันได้เลยค่ะ
1. ขอคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า-ประปา
เมื่อไม่นานมานี้ทางการไฟฟ้าและการประปาได้ออกประกาศคืนเงินค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้าและน้ำประปาให้กับประชาชนทุกครัวเรือน เพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโควิด 19 โดยให้ผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของมิเตอร์ไฟฟ้า และมิเตอร์น้ำประปาได้ยื่นเรื่องขอรับเงินประกันคืน ซึ่งการขอคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า-ประปานั้น จะมีจำนวนเงินที่ได้รับที่แตกต่างกันไปตามขนาดของมิเตอร์ที่ขอใช้บริการในตอนแรกค่ะ อย่างของทางการไฟฟ้าจะมีการคืนเงินประกันอยู่ที่ 300 - 6,000 บาทขึ้นอยู่กับขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า และทางการประปาก็จะมีการคืนเงินประกันอยู่ที่ 200 - 600 บาทที่ขึ้นอยู่กับขนาดของมาตรวัดน้ำเช่นกันค่ะ ซึ่งทุกท่านสามารถตรวจสอบสิทธิ์ แจ้งขอยื่นเรื่อง หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1130 สำหรับการไฟฟ้านครหลวง 1129 สำหรับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 1125 สำหรับการประปานครหลวง และ 1662 สำหรับการประปาส่วนภูมิภาค หรือผ่านทางเว็บไซต์หลักของทางการไฟฟ้า และการประปาได้ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2563 นี้เป็นต้นไปค่ะ
2. ลงทะเบียนเราไม่ทิ้งกัน
ในส่วนของภาครัฐบาลนั้นก็ได้ออกประกาศช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ภายใต้ชื่อโครงการว่าเราไม่ทิ้งกัน ด้วยการแจกเงินเยียวยาจำนวน 5,000 บาทเป็นเวลาถึง 6 เดือนให้กับประชาชนทั่วไปที่มีอาชีพอิสระ ลูกจ้างที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม และผู้ส่งเงินประกันสังคมบุคคลที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39, 40 ที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดโควิด 19ในครั้งนี้ โดยเปิดให้ประชาชนได้ทำการลงทะเบียนเราไม่ทิ้งกัน ผ่านเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกัน (www.เราไม่ทิ้งกัน.com) ไปตั้งแต่ 28 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการพิจารณาว่าต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ตรงกับเงื่อนไข และต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 เท่านั้นจึงจะได้รับสิทธิ์นี้ค่ะ และหากท่านใดที่ไม่ผ่านการพิจารณา และอยากให้พิจารณาซ้ำใหม่ก็สามารถยื่นขออุทธรณ์ได้อีกด้วยค่ะ โดยสามารถยื่นคำขอลงทะเบียน เช็คสถานะ ยื่นอุทธรณ์ หรือศึกษาเงื่อนไขต่างๆได้จากทางเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกันได้ตลอดเวลาเลยค่ะ
3. ยื่นรับชดเชยจากประกันสังคม
ในส่วนของทางประกันสังคมก็ได้ออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 นี้เช่นกันค่ะ ด้วยการให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่ว่างงานจากการถูกักตัว หรือจากการถูกพักงานเพราะนายจ้างหยุดกิจการ หรือหยุดจากคำสั่งทางการ สามารถไปยื่นเรื่องลงทะเบียนเพื่อรับเงินชดเชย 62% ของค่าจ้างรายวัน เป็นเวลาไม่เกิน 90 วัน หรือผู้ที่ลาออกเองในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ก็จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 45% ไม่เกิน 90 วัน และในส่วนของผู้ที่ถูกเลิกจ้าง – ถูกไล่ออกในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ก็จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้อยู่ที่ 70% ไม่เกิน 200 วันค่ะ โดยสามารถกรอกรายละเอียดยื่นขอรับเงินชดเชยจากประกันสังคม หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์หลักของสำนักงานประกันสังคม หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1506 ค่ะ (อ้างอิงจากข่าวประชาสัมพันธ์ของสำนักงานประกันสังคม https://www.sso.go.th/eform_news/)
4. ขอสินเชื่อฉุกเฉิน
จากผลกระทบของโควิด 19 ที่เกิดขึ้นนี้ทางธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือธ.ก.ส. ซึ่งเป็นธนาคารของรัฐก็ได้ออกประกาศช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกันค่ะ ด้วยการเปิดให้ประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดโรคโควิด 19 นี้สามารถยื่นขอสินเชื่อฉุกเฉินได้กับธนาคารทั้ง 2 แห่งนี้ โดยมีการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ถูกมากเพื่อเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาทางการเงิน โดยมีเงื่อนไขของแต่ละธนาคารดังนี้ค่ะ
ธนาคารออมสิน
วงเงินกู้ฉุกเฉินสูงสุด 10,000 บาท สำหรับผู้ที่มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 สามารถขอยื่นกู้ได้โดยไม่ต้องใช้หลักค้ำประกันใดๆ โดยมีการคิดอัตราดอกเบี้ยเดือนละ 0.10% ผ่อนชำระได้สูงสุด 2 ปี และยังปลอดชำระเงิน 6 งวดแรกให้ด้วยค่ะ
วงเงินกู้ฉุกเฉินสูงสุด 50,000 บาท สำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 สามารถขอยื่นกู้ได้แต่จะต้องมีบุคคล หรือหลักทรัพย์ใช้ค้ำประกัน โดยมีการคิดดอกเบี้ยในอัตราเดือนละ 0.35% ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 3 ปีค่ะ
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
สำหรับเกษตรกรหรือครอบครัวของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบก็สามารถยื่นเองขอกู้เงินกับทางธนาคารได้ โดยจะได้รับวงเงินสูงสุด 10,000 บาทมีอัตราการคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.10% ต่อเดือน ระยะเวลาการผ่อนชำระทั้งหมดภายใน 2 ปี 6 เดือน โดยที่ไม่ต้องใช้หลักค้ำประกันใดๆ และยังปลอดชำระเงิน 6 งวดด้วยเช่นกันค่ะ
ซี่งทุกท่านสามารถขอยื่นเรื่องออนไลน์ หรือเข้าไปศึกษาเงื่อนไขต่างๆเพิ่มเติมได้ผ่านทางเว็บไชต์หลักของธนาคารทั้งสองแห่งได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปค่ะ
อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ธนาคารออมสิน https://ln15.gsb.or.th/WEB-LN15/
และข้อมูลจากเว็บไซต์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธ.ก.ส https://www.baac.or.th/th/content-news.php?content_id=15060
ฉลาดใช้ช่องทาง..รอดผ่านวิกฤติได้สบาย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ “4 วิธีหาเงินประทังชีวิตให้รอดช่วงโควิด 19” คงช่วยทำให้ทุกท่านได้คลายความกังวลสถานการณ์ทางการเงินของตัวเองลงไปได้เยอะทีเดียวเลยนะคะ ซึ่งหากทุกท่านใช้ช่องทางมาตราการช่วยเหลือเยียวยาต่างๆที่ออกมาได้ครบตามสิทธิ์ ก็เชื่อได้ว่าปัญหาการเงินที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติโควิด 19 นี้ก็จะบรรเทาเบาบางลงไปได้มากทีเดียวค่ะ ฉะนั้นในช่วงเวลาแบบนี้ก็ขอให้ทุกท่านได้เลือกใช้ให้ครบตามสิทธิ์ที่ควรจะได้รับ เพื่อที่จะประคองตัวให้อยู่รอดผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปให้ได้ค่ะ
อาร์ม
ช่วงโควิด-19 แบบนี้ได้รับผลกระทบเยอะมากเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นตัวผมหรือครอบครัว ช่วงที่ผ่านมาผมก็ได้ไปลงทะเบียนเพื่อเอาเงินเยียวยาต่างๆ แต่ก็จะได้นี่แทบร้องเลย เพราะบางคนเขาไม่ได้เดือดร้อนจริงๆแต่ก็ยังมาลงทะเบียนนี่สิ น่าเศร้าใจมากครับ แล้วยิ่งผู้ที่เดือดร้อนจริงๆอย่างคนไร้บ้าน เค้าไม่มีโทรศัพท์ เค้าไม่สามารถทำอะไรได้เลย อันนี้น่าเศร้าใจยิ่งกว่า
พัด
จริงๆมีอีกการช่วยเหลือนึงคือ การช่วยเหลือของ พม ย่อมาจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงนี้เขาช่วยเหลือสำหรับคนที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆของรัฐค่ะ โดยจะได้รับเงินไม่เกิน2,000บาท บางคนฟังดูอาจคิดว่าทำไมน้อยจัง อันนี้สำหรับคนที่มีฐานะยากจน มีผู้สูงอายุหรือคนพิการถึงจะได้รับสิทธินี้ค่ะแต่ต้องได้รับผลกระทบจากโควิดเท่านั้นนะคะถึงจะได้
บอสใหญ่
อ่านแล้วสะท้อนใจ "4 วิธีหาเงินประทังชีวิต.." เลยเหรอครับ แต่มันก็ไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงหรอก เพราะคนที่เขาไม่มีงานทำไม่มีเงินเก็บเขาไม่รูจะไปหาเงินมาจากที่ไหน ความหวังเพียงอย่างเดียวก็มาจากมาตราการช่วยเหลือนี่ล่ะครับ ดูข่าวแล้วเห็นคนมารอรับเงินน่าเห็นใจเขานะครับ ยิ่งคนสูงอายุด้วยเป็นลมเป็นแล้งไปก็ลำบากใหญ่
เกล้า
เดียวนะครับ บทความนี้ ให้ข้อมูลที่ บิดเบือนบางอย่างนะครับ ก่อนที่จะเอาลงต่อสือ ผมว่า ทางที่ดีควรจะตรวจสอบความแน่นอนของขัอมูลก่อนนะครับ ยังงั๊นเดียวมันจะไม่น่าเชื่อถือกับเรื่องอื่นๆด้วยนะครับ ยังไง ขอให้แก้ไขด้วยนะครับ เดียวมันจะแย้งกับที่อื่นครับ ถึงผม้ว่ามันจะจบไปแล้วก็ตามแต่อยากให้แก้ให้ถูกต้อว ตรงที่บอกว่า "การแจกเงินเยียวยาจำนวน 5,000 บาทเป็นเวลาถึง 6 เดือนให้กับประชาชนทั่วไปที่มีอาชีพอิสระ" แค่สามเดือนนะครับใไม่ใช่หกเดือน
ไทย
รอดพ้นมา 3-4 เดือนแล้วนะครับสำหรับช่วงโคโรน่านี้ สถานการณ์ก็ค่อยๆดีขึ้นแล้ว สำหรับตัวผมเองเงินเยียวยาเดือนละ 5,000 บาทก็ช่วยได้มากเลยทีเดียว เพราะอย่างน้อยก็ช่วยให้ผมมีสิ่งจำเป็นที่จะต้องกินต้องใช้ในช่วงนั้นครับ เพราะว่าถ้าไม่ประหยัดแล้วเราก็จะต้องเป็นหนี้สินตามมาแน่ๆเลย เป็นโครงการที่ดีนะครับรัฐบาลคิดถึงประชาชนดีผมว่า
บลิงค์
เงินเยียวยาที่ได้ สามเดือนเท่านั้น นะคะไม่ใช่หกเดือนคะ ถ้าได้หกเดือนก็ดีสิคะ ตอนนี้ โดนลดเวลาทำงานมาแล้ว 5เดือนแล้วคะ เงินเดือนที่ได้คือ ประมาณ 40% ของเงินเดือนที่เคยได้คะ และเราได้เงิน 5000 บาท เช่นกันคะ ที่เอามาจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟคะ ส่วนเรื่องกินก็ประหยัดเอาไว้ก่อนคะ ลดรายจ่ายให้น้อยลงคะ เอาว่าอยู่ได้คะ
น้อย
ผมเป็นคนหนึ่งที่รอดมาแล้วครับใช้บริการของเราไม่ทิ้งกันทำการลงทะเบียนและได้รับเงินเยียวยามาแล้ว 15,000 บาท ผมคิดว่าโครงการดีๆแบบนี้น่าจะจัดเตรียมขึ้นอีกนะครับเป็นการแจกเงินประชาชนถึงแม้ว่าเงิน จะไม่ได้มากอะไรในช่วง 3 เดือนแต่ก็สามารถที่จะเยียวยาได้จริงๆ ทำให้เรามีเงินในการซื้อของกินของใช้ที่จำเป็น แล้วทำให้เราตระหนักถึงวิธีการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายด้วยครับ
วิไลพร
บทควาทนี้เรา สดุดใจ ตรงที่บอกว่า ประทังชีวิต เลยคะ มันช่างบาดลึกลงไปข้างในเราจริงๆเลยคะ ถึงแม้ว่าเราจะได้รับเงินเยียวยาของทางรัฐ แต่ ในบ้านเรา มีเพียงแค่เราคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับเงินส่วนนี้ เงินก้อนนี้เลยต้องเอามาใช้จ่ายในครอบครัวเพื่อให้ 4 ชีวิตต้องอยู่รอดได้ ช่วงที่ผ่านมามันเป็นอะไรที่สาหัสมากจริงๆเลยคะ
ธิดารัตน์
4ช่องทางที่ว่ามีมันสามารถทำได้แล้วละคะ ถ้าเป็นรอบแรก ก็น่าจะได้อยู่คะ ตอนนี้ก็รอเงินเยียวยา คนละ 5พัน แล้วละคะ ได้เงินตัวนี้มาก็พอได้เอามาซื้อของใช้ซื้ออาหารเข้าบ้านบ้างคะ นี้ตอนนี้ก็เห็นว่าจะปล่อยตัวโครงการคนละครึ่งมาอีกรอบ ตัวนี้ก็ดีนะคะ ตอนนี้ต้องเก็บเงินแล้วละ ไม่อย่างนั้นโครงการนี้มาไม่มีเงินก็ใช้ไม่ได้อีก
GAP
มีอีกวิธีนึง เหมาะกับคำว่าประทังชีวิตจริงๆ คือ การไปหยิบของจากตู้ปันสุข อาจจะดูแล้วขำๆนะแต่ว่ามันก็ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้อีกวันนึงเลยนะ ในถุงนั้นอาจจะเป็นของกินหรืออะไรก็ตามเถอะ อย่างน้อยมันก็ต่อชีวิตเราได้ไม่ใช่หรอ อร่อยไม่อร่อยก็ช่างมันเถอะ อีกอย่างถ้ามีมอไซค์ที่เอาไปทำงานได้ก็วิ่งส่งของเลย พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสงัย
%Kin%7
เห็นชื่อบทความนี้แล้วรู้สึกสะท้อนใจยังไงไม่รู้นะครับ "4 วิธีหาเงินประทังชีวิตให้รอดช่วงโควิด 19" แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆนะ งานที่เคยทำอยู่ประจำ บางคนก็ไม่ได้ทำแล้ว บางคนแม้วายังมีงานทำอยู่แต่รายได้ก็น้อยลง การหางานใหม่ทำก็ไม่ใช่เรื่องง่ายด้วย หลายคนคงได้ทำอย่างที่บทความนี้แนะนำไปแล้ว ขอให้ดีขึ้นๆ ทุกๆคนนะครับ
นานา เดีย
ก็ช่วยได้เหมือนกันนะคะสำหรับมาตราการต่างๆที่บทความนี้บอกมา แล้วก็มีอีกบางโครงการที่ช่วยได้เหมือนกัน คิดว่าหลายคนก็รู้แหละว่ามีโครงการอะไรบ้าง เห็นบางคอมเมนต์เข้ามาบอกเรื่องระยะเวลาการได้รับเงินเยียวยา ที่จริงโครงการนี้ก็จบไปแล้วเนอะ ไม่รู้ว่าจะมีมาอีกหรือเปล่า ยังไงเราทุกคนก็ยังต้องขยันทำงานกันต่อๆไปเนอะ
โอโอ้
การขอสินเชื่อฉุกเฉินก็เป็นอีกวิธีนึงที่จะช่วยให้คนที่มีกิจการเป็นของตัวเองไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ พอจะได้นำเงินไปหมุนเวียนกันได้ จริงๆในตอนนั้นคงไม่มีใครอยากเป็นหนี้หรอกครับ แต่สถานการณ์มันบังคับว่าต้องไปต่อ ต้องสู้ต่อ บางคนจึงต้องยอมเป็นหนี้เพื่อจะอยู่ต่อไปได้ ส่วนมาตราการอื่นๆที่บทความนี้บอกมา คิดว่าหลายคนได้ทำไปแล้วครับ
-เกรย์..
มีใครทำครบทั้งสี่วิธีนี้มั้ยครับ ผมก็ทำบ้างแต่ไม่ครบนะ คิดว่าส่วนใหญ่คงลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินเยียวยาเราไม่ทิ้งกัน และหวังว่าคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้จะได้รับเงินเยียวยาก้อนนั้นนะครับ อย่างน้อยก็ได้ช่วยกันไปสักพักนึง ตอนนี้ก็ต้องดูแลตัวเองกันต่อไป หากมีโครงการอะไรเพิ่มเติมมาอีกก็ดูเงื่อนไขและรายละเอียดกันให้ดีครับ
:-JusTin-:
4 วิธีหาเงินประทังชีวิตให้รอดช่วงโควิด 19 ที่บทความนี้แนะนำมา หลายคนทำไปแล้ว ในช่วงนี้มีอะไรมาแนะนำกันอีกมั้ยครับ เผื่อจะได้ไปทำบ้าง อย่างน้อยก็ช่วยได้สักระยะหนึ่ง โรคระบาดนี้มันมาหลายรอบแล้ว แต่ละรอบก็ยังกระเทือนกันอยู่ดีนะ อยู่ที่ว่าจะมากหรือน้อย บางคนนี่แทบจะยังไม่ฟื้นตัวเลยก็มาเจอระบาดรอบถัดๆไปอีก แย่เลยครับ