หลายๆท่านคงเคยพยายามจะออมเงินอยู่หลายครั้งหลายหน แต่ทำไม่สำเร็จเลยสักที เพราะอาศัยเงินเดือนเท่าที่มี มันยังไม่พอจะใช้ในเดือนเลย ทุกๆวันที่ผ่านไปรอคอยแต่เมื่อไหร่จะถึงวันเงินเดือนออก การจะมีเงินเก็บจึงเป็นเรื่องที่อยู่แค่ในความคิดมานานแสนนานแล้วเท่านั้น หากคุณมีอาการคล้ายๆกับสถานการณ์ดังที่กล่าวมานี้ ก็ขอให้มาติดตามกับบทความที่เราจะได้นำมาฝากกันในวันนี้ค่ะกับ “4 เทคนิคเก็บเงินก่อนไม่เหลือให้ใช้” ที่จะช่วยบอกแนวทางให้คุณมีเงินเหลือพอใช้ได้อย่างสบายไปตลอดเดือน หรือบางทีอาจถึงกับมีเงินเก็บได้อย่างไม่ใช่เรื่องยากกันอีกต่อไปแล้ว จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ก็ขอมาติดตามกันต่อจากนี้ได้เลยค่ะ
1. เก็บเงิน หยุดซื้อของที่ไม่จำเป็น
หากเราลองสังเกตให้ดีจากของที่เราถือกลับมาบ้านหลังการออกไปช็อปปิ้งในแต่ละครั้งนั้น มักจะมีของที่ไม่อยู่ในลิสต์รายการที่เราจะซื้อติดมือกลับมาด้วยเสมอ แต่จะติดมามากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเงินในกระเป๋าตอนนั้นจริงไหมคะ อย่างเช่น คุณตั้งใจจะไปซื้อของใช้เข้าบ้านที่ห้างสรรพสินค้าก่อนกลับบ้านในวันเงินเดือนออก แต่จำต้องเดินผ่านร้านเสื้อผ้าแบรนด์โปรดที่ติดป้าย sale 70% ทั้งร้านวันเดียวเท่านั้นอยู่พอดี คุณคงจะอดไม่ได้ที่จะแวะเข้าไปหยิบไปจับสักหน่อย แต่ผลสุดท้ายก็ต้องแพ้ใจตัวเองเพราะคิดว่าได้ของดีของชอบ แถมยังราคาถูกสุดๆกลับมา
จากเหตุการณ์ข้างต้นอาจจะไม่ผิดสำหรับเหตุผลในการซื้อครั้งนี้ แต่สิ่งที่คุณลืมทำไปอีกอย่าง และจะทำให้เกิดผลร้ายตามมาภายหลังนั่นคือ คุณถามตัวเองก่อนตัดสินใจไหมว่า “เจ้าสิ่งนี้! จำเป็นต้องใช้ไหม?” นี่ล่ะค่ะ คือสาเหตุอันดับต้นๆที่ทำให้คนเราเงินไม่พอจะใช้กัน เพราะไม่เคยถามตัวเองก่อนตัดสินใจซื้อว่าของสิ่งนั้นจำเป็นกับเราไหม?
ซึ่งหากคุณอยากจะมีเงินพอให้ใช้ไปตลอดเดือน หรืออยากจะมีเงินเก็บเหมือนคนอื่นบ้าง ก็ลองเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อของจากเดิมมาเป็นการถามถึงความจำเป็นกับตัวเองก่อนตัดสินซื้อของทุกครั้ง ก็เชื่อได้ว่าจะทำให้คุณมีเงินเหลือใช้มากขึ้นจากสาเหตุที่คุณได้หยุดซื้อของที่ไม่จำเป็นนั่นเองค่ะ
2. เห็นอะไรสวย ๆ ก็ปล่อยผ่านไปบ้าง
ในข้อที่เราได้กล่าวมาข้างต้นแล้วว่าควรตรวจสอบถึงความจำเป็นก่อนตัดสินซื้อกันไปแล้ว เชื่อได้ว่าในหลายๆท่านอาจจะได้ปฏิบัติกันมาอย่างสม่ำเสมอแล้ว แต่ก็ยังพบว่าเงินก็ไม่ได้เหลือพอใช้มากขึ้นเลย นั่นเพราะอีกกับดักหนึ่งที่แอบแฝงอยู่ในข้อแรก และผู้คนมากมายมักจะต้องติดหล่มนี้กัน แถมมันยังส่งผลที่ร้ายแรงถึงขั้นที่ไม่ใช่แค่หมดเงินในกระเป๋าที่มี แต่อาจเป็นหนี้ได้ในพริบตาเลยล่ะค่ะ นั่นคือการถูกมนต์ของสิ่งสวยงามนั่นเอง เพื่อให้ได้มองเห็นถึงสิ่งสวยงามที่เราจะกล่าวถึงให้หัวข้อนี้ ก็จะยกตัวอย่างให้ได้เห็นกันชัดๆเลยค่ะ เช่น คุณต้องการจะซื้อโทรศัพท์มือถือเพื่อใช้งานสักเครื่อง แต่คุณเลือกที่จะซื้อโทรศัพท์มือถือแบรนด์ดัง แถมยังเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดอีกด้วย เพียงเพราะสะดุดในความสวยของตัวเครื่องทันทีที่ได้เห็น และยังมีออพชั่นการใช้งานที่ทำได้หลายอย่าง ซึ่งอย่าได้กล่าวถึงจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายควักจ่ายกันเลยค่ะสำหรับมือถือแบรนด์ดังรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ เพราะช่วงเวลาแบบนี้ถึงเงินไม่พอจะซื้อ ขอได้ผ่อน 10 เดือนก็ยอมแล้ว ด้วยเหตุผลหลักของคุณข้อเดียวเลยคือ ชอบ ถูกใจในความสวยของมันนั่นเอง ในส่วนออพชั่นการใช้งานต่างๆเป็นเรื่องรองลงมา ทั้งๆที่คุณจะเลือกซื้อรุ่นต่ำกว่านี้ ราคาถูกกว่าเยอะมาใช้งานเพื่อเป็นการเซฟเงินในกระเป๋า แต่คุณก็ไม่อาจชนะใจตัวเองไปได้
เห็นไหมคะว่า แม้บางสิ่งจะเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องซื้อสำหรับคุณ จะแต่หากเห็นอะไรสวยๆแล้วไม่ปล่อยผ่านไปบ้าง อาจเกิดผลเสียต่อการเงินจนถึงขั้นเป็นหนี้ได้เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นทางเดียวที่จะป้องกันสถานการณ์ทางการเงินของคุณให้ยังคงอยู่ดีได้คือ คุณต้องเอาชนะใจตัวเองด้วยการเห็นอะไรสวยๆก็ปล่อยผ่านไปบ้างค่ะ
3. คำนวณการใช้จ่ายในแต่ละวัน
หากคุณอยากที่จะมีเงินพอใช้ไปตลอดเดือนแบบแน่ๆเลยก็คือ คุณควรทำการคำนวณการใช้จ่ายในแต่ละวันของตนเองค่ะ เริ่มต้นวิํทำได้ง่ายๆด้วยการ เอารายรับสุทธิของคุณหารด้วยจำนวนวันของเดือน เพื่อจะทราบถึงจำนวนเงินที่จะได้ใช้จ่ายในแต่ละวัน แล้วอย่าใช้ให้เกินจำนวนรายวันนั้นอย่างเด็ดขาดค่ะ ไม่ว่าจะค่ากินอยู่ เดินทาง ซื้อของ ฯลฯ คุณจะต้องพยายามประคองตัวอยู่ให้ได้ด้วยจำนวนเงินรายวันที่มีอยู่นี้ แต่ก็จะเป็นการดีหากคุณใช้วิธีออมแบบเก็บเศษเหรียญในแต่ละวันควบคู่เข้าไปด้วย มันก็จะช่วยทำให้คุณมีเงินเก็บก้อนโตในไม่ช้าได้อีกด้วยค่ะ ด้วยหลักการคำนวณง่ายๆเพียงเท่านี้ แต่ให้ผลลัพธ์ที่รับรองได้ว่าคุณมีเงินใช้ไปตลอดเดือนได้อย่างแน่นอน และอาจถึงขั้นมีเงินเก็บก้อนโตได้อนาคต ขอเพียงยึดกฎเหล็กเพียงข้อเดียวเท่านั้นนั่นคือ คุณต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตัวเองในเรื่องเงินรายวันเท่านั้นเองล่ะค่ะ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำรายรับ - รายจ่าย ที่นี่
4. เก็บเงิน หยุดกินฟุ่มเฟือย
การหยุดกินฟุ่มเฟือยเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยคุณให้มีเงินเหลือไปตลอดเดือนได้เยอะเลยค่ะ หลายๆท่านมีความสุขกับการได้กินของอร่อยๆที่ชอบ ไม่ว่าจะเสต็กเนื้อนำเข้า อาหารทะเลสดต่างๆ อาหารในเมนูจากภัตตาคาร พิซซ่า ไอศครีม บรรดาอาหารฟาสฟู้ดทั้งหลาย รวมไปถึงของกินเล่นตามตลาดนัด และขนมของจุกจิกอื่นๆ
ที่หากมันมากหรือบ่อยจนเกินไป ไม่ระวังการใช้จ่ายให้ดี ก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้กระเป๋าเงินของคุณนั้นขาดทะลุได้เลยค่ะ และมีผลทำให้ในช่วงปลายเดือนหลังของคุณนั้นอาจต้องต้มมาม่ากินแทนข้าวกันเลยทีเดียว การลด ละ เลิก โดยการหยุดกินของฟุ่มเฟือยเหล่านี้ และเลือกทานแต่อาหารดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นอาหารที่ราคาแพงจะเป็นการดีต่อตัวคุณเองมากที่สุดค่ะ เพราะหลายๆอย่างของอาหารจุกจิกนั้น เป็นการฟุ่มเฟือยเงินโดยใช่เหตุ ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณเงินหมดอย่างรวดเร็วแล้ว ก็ยังไม่ได้รับคุณค่าสารอาหารที่ดีให้ร่างกายด้วย มิหนำซ้ำยังพาให้คุณกลายเป็นคนอ้วน ที่จะเป็นบ่อเกิดของโรคอื่นๆตามมาอีกในไม่ช้าอีกด้วยค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ “4 เทคนิคเก็บเงินก่อนไม่เหลือให้ใช้” ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ แต่ละข้อก็เป็นเรื่องทำกันได้ไม่ยากจนเกินไปเลยใช่ไหมคะ โดยทุกข้อนั้นก็จะมีหัวใจหลักสำคัญๆอยู่เพียงแค่ว่าให้รู้จักควบคุมตัวเองให้ได้ในการใช้เงินเท่านั้นเองล่ะค่ะ การที่คนเรามีรายรับที่มากหรือน้อยไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าการมีรายได้มากจะไม่ต้องเผชิญกับปัญหาการเงิน หรือการมีรายได้น้อยจะไม่วันที่จะมีเงินเพียงพอต่อการใช้จ่าย หรือกลายเป็นคนมีเงินเก็บก้อนโตกับเขาได้เลย
แต่ตัวชี้วัดว่าคุณจะมีเงินใช้เงินเก็บได้นั้นอยู่ที่การบริหารและวางแผนทางการเงินส่วนบุคคลที่ดีเท่านั้นค่ะ ที่จะทำให้คุณไม่ต้องประสบปัญหาการเงินในอนาคต และเป็นคนมั่งมีได้ในท้ายที่สุดค่ะ หากอยากได้ไอเดียออมเงินเพิ่มเติมสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การออมเงิน ง่าย ๆ ที่ไม่ว่าเป็นใครก็สามารถทำได้ ที่นี่
จุฑาวุฒิ
เรื่องกินนี่เรื่องใหญ่เลยครับ มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เป็นช่วงสอบละต้องอ่านหนังสือ คือเครียดจนกินไม่หยุดเลย เสียเงินแถมได้ความกลมของตัวกลับมาด้วย555 เราจึงมาปรับเปลี่ยนวิธีการกินของเราใหม่ พอปรับเปลี่ยนแล้วน้ำหนักก็กลับมาเท่าเดิม แถมยังมีเงินเก็บอีกด้วย ดีที่ยังคิดได้และกลับมาเปลี่ยนแปลงการใช้เงินของตัวเอง ไม่งั้นคงไม่มีเงินเก็บแน่ๆTT
พัด
ปกติเราเป็นคนชอบของสวยๆงามๆนะคะนอกจากเรื่องเสื้อผ้า และเครื่องประดับแล้ว ก็เรื่องโทรศัพท์มือถือนี่แหละค่ะที่ทำใจยากเพราะเห็นรูปร่างหน้าตาโทรศัพท์บวกกับสเป็กก็อยากด้ายอยากได้ แต่เงินในกระเป๋าก็มีไม่พอเลยขอผ่อนเอาตอนนี้ก็ผ่อนมาได้10เดือนแล้ว อีก2เดือนก็หมดแต่กว่าจะผ่อนแต่ละเดือนได้ไม่ใช่ง่ายเลยค่ะ บางเดือนแทบไม่มีกินเพราะหมดไปกับการผ่อนมือถือนี่แหละ ทีหน้าทีหลังต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้ละจะได้มีเงินเก็บไว้บ้าง
บอสใหญ่
"เห็นอะไรสวยๆก็ปล่อยผ่านไปบ้าง" ผมชอบมากเลยข้อนี้ ถ้าผมไปบอกภรรยา คุณๆคิดว่าเธอจะว่ายังไงครับ? ไม่ว่าจะไปเดินตลาดเล็กๆหรือเดินตลาดนัดใหญ่ๆ ผมได้ยินแต่คำเนี้ย "สวยจังเลย!" ไม่รู้ว่าภรรยาผมเป็นคนมองโลกในแง่ดี หรือมีความอยากได้ของทุกอย่างที่เห็นกันแน่ แต่ผมนี่แย่แล้วคร้าบ สงสัยต้องเอาบทความนี้ให้ภรรยาผมอ่านซะหน่อย
กัญณ์
เรื่องอื่น เราพอทำการแก้ไขได้นะ แต่เรื่องกิน นี่ทำใจยากจัง คือ เรานะชอบทาน ของแบบ จุกจิกมาก อย่างเพื่อนๆอาจทาน สามมื้อปกติ แต่ของเราไม่ได้เป็นแบบนั้น คือเราสามารถกินได้เรื่อยๆ เห็นอะไรน่าอร่อยก็กิน เนี๊ยะเราเลยว่าเรื่องนี้แหละ เราน่าจะปรับตัวยากที่สุด ว่าจะห้ามใจเราได้ไหม แต่เราก็แปลกใจนะทานเยอะขนาดนี้ ทำไมไม่อ้วน
ป็อป
จะเซฟเงินทั้งทีต้องคิดถึงเกี่ยวกับเงินที่ใช้ในการกินเลยเหรอครับ คือสำหรับผมก็เหมือนกันเลยนะครับการกินเป็นอะไรที่ห้ามยากมาก เพราะเป็นเหมือนกับความสุขในชีวิตของผมเลย ยอมไม่ซื้อของที่ต้องใช้ยังยอมได้ จะให้ประหยัดเงินในการกินทำยากมากครับ แต่ผมจะหันไปประหยัดทางด้านอื่นแทนแล้วกัน ผมคิดว่าสำหรับผมน่าจะเป็นซื้อแค่ของที่จำเป็นจริงๆดีกว่าครับ
เบย์
ตอนนี้ อย่าว่าให้เซฟเงินเลยคะ ตอนนี้ต้องถามก่อนดีกว่าคะว่า มีเงินพอที่จะให้เราเซฟไหม ตอนนี้ งานเพิ่งเริ่มได้ทำคะหลังจากที่ต้องหยุดยาวไป สามเดือน ตอนนี้เริ่มงานใหม่ๆ อะไรก็ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นด้วย ต้องมาลงทุนเพิ่มอีก แบบนี้คงไม่สามารถเซฟได้แล้วละคะ เอาว่า ถ้าเรื่องเงินมันดีขึ้นกว่านี้ ค่อยมาคุยกันใหม่เรื่องการเซฟเงินดีกว่าคะ
ชาย
ผมคิดว่าแต่ละคนก็มีวิธีการเซฟเงินเป็นของตัวเองที่สามารถใช้ได้จริงตามสภาพการณ์ที่ตัวเองเผชิญอยู่ และวิธีที่ช่วยให้ผมสามารถใช้งานได้ดีที่สุดก็คือการซื้อเฉพาะของที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น เพราะจริงๆแล้วมีของหลายอย่างที่ผมอยากได้ แต่ผมจำเป็นต้องคิดถึงสิ่งที่ผมจำเป็นต้องมีจริงๆก่อนอย่างเช่นอาหารและเสื้อผ้า และของใช้ในการทำงาน
วิไลพร
ยังมีหลายอย่างนะคะที่เราสามารถทำได้นอกจาก 4 อย่างที่บทความนี้บอกเราแล้วนะคะ อย่างของเรา เราเซฟเงินของเราแบบนี้คะ เราจะเก็บเงินก้อนแรกไว้ก่อนเลยคะ เมื่อเงินเดือนเราออก เราจะแยกไว้เลยว่าอันนี้คือเงินเก็บสะสมห้ามนำไปใช้ แล้ว อีก ก้อน คือเงินสำหรับฉุกเฉิน ที่อาจต้องจ่ายในเดือนนั้น แล้วทุกสิ้นเดือนเราจะเชคเงินฉุกเฉินคะ ถ้าเหลือเราก็จะโอนเข้าไปก้อนที่เก็บสะสมทันทีคะ
Kun
@ชาย ผมก็เหมือนกันเลยครับ เมื่อก่อนก็ใช้จ่ายซื้อของนู่นนี่นั่นไปเรื่อยๆบางอย่างซื้อมาก็ไม่ได้ใช้ เป็นของกินบางครั้งก็หมดอายุยังไม่ทันจะได้กิน แต่พอตั้งสติได้ เริ่มรู้ว่าเราซื้อของในสิ่งที่เราจำเป็นก็พอไม่ว่าของกินของใช้ ก็รู้สึกว่าเงินเหลือเยอะเลยครับ วิธีแรกที่บทความนี้พูดถึงก็คือซื้อของที่จำเป็นผมว่าใช้ได้ผลนะมันช่วยเปลี่ยนที่กินของเราด้วย
กิตติภพ
4เทนิค ที่บอกมา มันช่างดีมากๆครับ แต่ก็อย่างที่เจ้าของบทความบอกครับ ว่า เวลาพูดให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้มันง่ายครับ แต่ถ้าลงมือทำ ไม่ได้ง่ายอย่างที่แนะนำครับ ยิ่งช่วงนี้ด้วย การเซฟเงินแบบที่คุณบอก เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากครับ หลายคนตกงาน หรือไม่ก็ เงินเดือนลง เจอแบบนี้เข้าไปก็งงแล้วครับ ไม่รู้ว่าต้องเซฟอะไรแล้ว ครับ