กำลังเลือกระหว่าง ลงทุนแบบ LTF หรือ โปะหนี้ในเรื่องบ้าน อันไหนควรทำก่อนครับ
กำลังสองจิตสองใจเลยครับ เลือกไม่ถูกว่าอะไรสำคัญกว่า หรือผมควรเริ่มจากตรงไหนดี ในการ ลงทุน LTF ในตอนนี้ก่อน หรือ โปะหนี้บ้านให้หมดเร็วๆก่อนน่ะครับ
เลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินอะไรดีนะ..
คุยกับที่ปรึษาทางการเงินโดยตรงและรับข้อเสนอที่เหมาะกับคุณ
รับคำปรึกษาฟรี
Akkanee
ฉันเลือกโปะหนี้ค่ะ เพราะการโปะหนี้เพิ่ม 1% จากยอดเงินกู้ในทุกๆ ปี เช่น จ่ายเพิ่มปีละ 30,000 บาท หรือ 2,500 บาทต่อเดือน จะช่วยปิดหนี้บ้านได้เร็วกว่ากำหนดถึง 43 เดือน หรือเกือบๆ 4 ปี และประหยัดดอกเบี้ยไปได้ถึง 437,589 บาท สำหรับยอดเงินกู้ 3,000,000 บาท ระยะเวลากู้ 20 ปี ซึ่งจ่ายเพิ่มจากค่าผ่อนปกติเดือนละ 21,500 บาท เป็น 24,000 บาท คิดว่าคุ้มดี
Choi
ผมคิดว่า การเลือกจำนวนเงินโปะหนี้ 30,000 บาท มาลงทุนในกองทุน LTF ที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนรวมเงินปันผลเฉลี่ยประมาณ 8% ต่อปี ทุกๆ ปี เป็นระยะเวลา 16 ปี เงินก้อนนี้ก็จะโตถึง 909,728 บาท ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยที่ประหยัดได้จากการโปะหนี้จำนวน 437,589 บาท ถึง 472,139 บาท แต่ผู้ลงทุนก็ต้องยอมรับความเสี่ยงหรือโอกาสที่จะไม่ได้รับผลตอบแทนที่เท่ากันในทุกๆ ปี
Chai
ดิฉันแนะนำว่า หากไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน การเลือกที่จะโปะหนี้ก็จะช่วยลดดอกเบี้ยจ่ายลงได้ แต่หากเรามีความต้องการใช้จ่ายเงินส่วนนี้ในอนาคต การเลือกลงทุนในกองทุน LTF จะช่วยลดหย่อนภาษีและสามารถขายคืนแล้วนำเงินมาใช้จ่ายได้เมื่อลงทุนครบตามเงื่อนไขที่กำหนดแล้ว แต่เราก็ต้องศึกษารายละเอียดกองทุน เงื่อนไขการลงทุนและถือครองกองทุน LTF เพิ่มเติมไว้ด้วย
Krittinai
ก่อนที่เราจะลงทุนในกองทุน LTF ก็ควรรู้ว่า เราสามารถรับความเสี่ยงจากการขาดทุนได้มากน้อยแค่ไหน หากเงินลงทุนหายไปเกือบครึ่งหนึ่งเราจะรับได้ไหม โดยการลงทุนในกองทุน LTF ไม่อยากให้เลือกลงทุนโดยมองที่ผลตอบแทนที่จะได้รับเพียงอย่างเดียว จึงคงต้องเผื่อใจไว้เวลาที่ขาดทุนด้วยครับ
ประชา
สำหรับผู้ที่เคยลงทุนในกองทุน LTF มาบ้างแล้ว หรืออาจยังไม่เคยลงทุนในกองทุน LTF มาก่อน แต่อาจเคยลงทุนในหุ้นรายตัว หรือกองทุนรวมหุ้นบ้าง แนะนำให้ลองกลับมาทบทวนผลตอบแทนจากการลงทุนในรอบปีที่ผ่านมาว่าได้รับผลตอบแทนมากกว่าต้นทุนดอกเบี้ยบ้านที่ต้องจ่ายหรือไม่ เพื่อเป็นแนวทางในการช่วยตัดสินใจครับ
Somwang
หากการกู้บ้านอยู่ในช่วงดอกเบี้ยต่ำ เช่น 3 ปีแรก เป็นช่วงที่เสียดอกเบี้ยต่ำ ประมาณ 3%-4% ต่อปี เทียบกับผลตอบแทนที่ได้จากการประหยัดภาษี เช่น เรามีฐานภาษี 25% เฉลี่ยแล้วสามารถประหยัดภาษีได้ประมาณปีละ 5% ซึ่งประหยัดภาษีได้มากกว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่อปี แต่ถ้าบ้านมีอัตราดอกเบี้ยสูง เช่น เสียดอกเบี้ยปีละ 6% ขึ้นไป เทียบกับฐานภาษีที่ประหยัดได้ปีละ 5% ดูแล้วอาจไม่คุ้มที่จะลงทุนในกองทุน LTF ครับ
Som Wang
ในมุมมองส่วนตัวดิฉันกลับมองว่า การไม่มีหนี้คือลาภอันประเสริฐค่ะ เพราะไม่ต้องกังวล ส่วนการลงทุนก็จำเป็นด้วยเพราะการลงทุนจะช่วยเราให้มีเงินพอสำหรับใช้หนี้ได้ ก่อนจะตัดสินใจตัวคุณเองต้องประเมินสถานการณ์ทางการเงินของคุณก่อนและถามใจตัวเองให้ดีว่าต้องการโปะหนี้ หรือ อยากลงทุน เมื่อคำนวณออกมาแล้วระหว่างโปะหนี้กับการลงทุนอะไรให้ผลคุ้มค่ากว่าก็น่าจะเลือกอันนั้นค่ะ.
Jira
ถ้ามีเงินอยู่ก็โปะหนี้สิคะ ไม่ต้องคิดเลย เพราะว่ายิ่งหนี้บ้านเราหมดเร็วเท่าไหร่ เราก็มีเงินทำอย่างอื่นได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยค่ะ หรือถ้ามั่นใจว่า ตัวเองสามารถบริหารเงินมีหัวลงทุนมีเงินพอเนาะก็เอามาลงกับกองทุน LTF ก็ได้นะ เพราะว่ากองทุน LTF ที่ให้ผลตอบแทนดีๆต่อปี ทุกๆปีก็มี แต่ว่าการลงทุนมีความเสี่ยงก็เลยถ้ามั่นใจว่าตัวเองไหว ยอมรับความเสี่ยงได้ มีเงินสำรอง ก็อยากจะแนะนำให้ลงทุนกับกองทุนนะ
Nopjira
ขอแนะนำว่าให้ที่บ้านก่อนเลยครับ เพราะว่าสถานการณ์ในตอนนี้เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดีและเรื่องหุ้นก็ขึ้นๆลงๆด้วย เลยดีกว่าครับที่จะมีความแน่นอนคือความชัวร์ในการใช้หนี้บ้านให้เรียบร้อยเพื่อที่จะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มเติม แล้วตอนนี้ก็ยิ่งมีโรคระบาด corona อยู่ด้วยทำให้ระบบเศรษฐกิจหรือว่าการลงทุนก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ถือว่ามีความเสี่ยงสูงครับแนะนำให้ใช้หนี้ก่อน
Dylan
ถ้าคุณยังเป็นหนี้ ขอให้คุณจัดการเรื่องหนี้สินให้เรียบร้อยก่อนจะดีที่สุด แล้วค่อยเริ่มการลงทุนนะคะเพราะทุกๆการลงทุนมีความเสี่ยงถ้าคุณเกิดปัญหาจากการลงทุนก็อาจจะมีผลทำให้คุณมีปัญหาในเรื่องหนี้สินและไม่สามารถผ่อนชำระได้ก็เป็นได้ดังนั้นควรจัดการเรื่องหนี้ ให้เรียบร้อยก่อน อย่างเช่นถ้าคุณมีหนี้บ้านถือเป็นหนี้สินที่มีระยะยาวและมีจำนวนที่สูง ดังนั้นถ้าคุณสามารถปลดหนี้บ้านได้ก็น่าจะทำก่อนก่อนที่จะไปลงทุน
Jovanny
ไม่ต้องคิดมากอะไรเลยครับ เอาเงินไปโปะหนี้ก่อนเพื่อความสบายตัว สบายใจ เอาไว้ค่อยๆหาเงินได้ใหม่แล้วไปลงทุนก็ได้ครับ ถ้าเอาเงินไปลงทุนกว่าจะได้เงินคืนซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ดอกเบี้ยที่ต้องจายค่าบ้านมันก็บานพอดีแหละครับ จะกลายเป็นเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายซะเปล่าๆ พูดตรงๆเลยถ้าคุณเอาเงินไปลงทุนแล้วเกิดขาดทุนขึ้นมา..จบทุกอย่างครับ
Gerson
แล้วทำไมต้องเลือกหล่ะครับ ทำสองอย่างไปเลยก็ได้ แล้วถ้าคุณลงทุนด้วยแล้วพยายามโปะหนี้ไปด้วยจะเป็นกลไกที่ดีเลย การลงทุนทำให้คุณมีรายได้เพิ่มามารถโปะหนี้ได้มากกว่ารายได้ที่มีอยู่แล้ว นอกจากจะปลดหนี้ได้เร็วยังมีช่องทางการหารายได้เพิ่มอีก เป็นเหมือนการยิ่งปืนนัดเดียวได้นกสองตัวสามตัวเลยครับ ผมแนะนำว่าไม่ต้องเลือกทำไปเลยสองอย่าง
มงคล
จริงด้วยครับทำทั้งสองอย่างไปพร้อมๆกันเลยครับ ถ้าโป๊ะบ้านหมดจะเอาเงินที่ไหนมาลงทุนละครับ เอาแบ่งเป็นสองก้อนไปเลยครับ ยังไม่ต้องส่งหมดหลอกครับบ้าน เอาแค่หายใจได้ก็พอแล้วครับ แล้วเอาไปลงทุน คราวนี้แหละก็เอากำไรที่ได้จากการลงทุนมาใช้ฟนี้บ้านครับ ทำแบบนี้เขาเรียก ได้สองทางครับ ลองดูกองทุนที่ให้ผลกำไรงามๆนะครับ ถ้าไม่ทราบหลังไมค์ได้นะครับ
ฟักทอง
ผมก็เคยมีความคิดแบบนี้เหมือนกันนะครับ ตอนแรกว่าจะเอาเงินไปลงทุนทำอะไรสักอย่างแต่พอเห็นนี่ที่มีอยู่แล้วก็อดใจไม่ได้ที่จะสงสัยว่าจะเอายังไงก่อน สำหรับผมผมเลือกที่จะโปะหนี้ไปก่อนครับ เพราะว่าการที่เราไม่มีหนี้สินก็ไม่ต้องมีอะไรมากดดัน ถึงแม้ว่าจะไม่หมดหนี้แต่ผมก็ใช้เวลาสักพักจนหมดหนี้ได้ แล้วรู้สึกชีวิตเบาขึ้นครับ
นนท์
ตัดสินใจยากเหมือนกันนะครับ ผมว่าเราต้องมาดูกันก่อนว่านี่ในบ้านตอนนี้เหลือเท่าไหร่ถ้าจะปลดหนี้เรื่องบ้าน ก็ลองคิดดูนะครับว่าถ้าลงทุนในกองทุน ltf แล้วเราจะเหลือเงินพอที่จะผ่อนบ้านไปต่อไหม ถ้าคิดว่ามีเงินพอสามารถจ่ายค่างวดบ้านได้ในระหว่างที่ลงทุนไปด้วยผมก็แนะนำอยากจะให้ลงทุนนะครับ แต่ถ้าไม่ไหวผมก็แนะนำให้ปลดหนี้เรื่องบ้านไปก่อนเพราะว่ายังไงก็ต้องเอาบ้านไว้ก่อนครับ
มาตา
ถ้าให้เราเลือกระหว่าง การลงทุนกับ การโป๊ะหนี้ เราเลือกการโป๊ะหนี้ค่ะ มีใครบ้างค่ะที่เป็นหนี้แล้วมีความสุข เราว่าไม่มีใครแน่นอน ส่วนตัวเราถ้าเป็นหนี้แล้วอยากให้หมดหนี้เร็วค่ะ เมื่อหมดหนี้แล้วเราจะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องกังวลอีก ยิ่งเป็นหนี้บ้านแล้วยิ่งอยากใช้หนี้ให้หมดเร็วๆ เพื่อมั่นใจทุกคนในครอบครัวจะมีที่อยู่อย่างแน่นอน ถ้าเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นค่ะ
สมบุกสมบัน!
เป็นผม ผมไม่คิดอะไรมากเลยครับ หากกำลังเป็นหนี้อยู่ ได้เงินมาก็เอามาโปะหนี้ก่อนสิครับ ถ้าโปะแล้วหนี้หมดเลย ผมจะมีความสุขมาก การเป็นหนี้มันทำให้เราทำอะไรไม่คล่องตัว แต่ถ้าปลดหนี้ได้แล้วเราจะทำอะไรก็ได้ครับ เรื่องลงทุนกับกองทุน LTF ไม่ใช่เรื่องยากเลย ทำงานหาเงินได้มาก็เก็บไว้ แล้วเอาเงินไปลงทุนได้เหมือนกันครับ
เพชรา
ใช่ๆ ไม่น่าต้องมาถามเลยคะ เป็นหนี้ก็ต้องจ่ายดีกว่าคะ เอาเงินไปลงทุน ช่วงนี้ด้วยจะได้กำไรอะไรหรือเปล่าก็ยังไม่ทราบเลยคะ เอามาจบๆหนี้แล้วค่อยมาคิดเรื่องการลงทุนน่าจะดีกว่าคะ ใช้หนี้บ้านจบแล้วก็สามารถลงทุนอะไรได้อย่างสบายๆใจแล้วละคะ ไม่ต้องไปกังวล เรื่องหนี้แล้ว นี่ถ้าเป็นเรา เราจะรีบๆจ่ายให้มันจบไปเลยคะ
กระปุกป้อม
ส่วนตัวนะคะ อ่านคำถามของเจ้าของกระทู้แล้ว เราคิดว่าคำตอบมันง่ายมากเลยนะ สิ่งที่คุณควรทำ คือ การปลดหนี้ เพราะเมื่อคุณไม่มีหนี้สินอะไรแล้ว คุณจะทำอะไรก็ได้ ทำได้อย่างสบายใจแน่นอน แต่มาคิดอีกที เจ้าของกระทู้อาจจะมีอะไรในใจ ถ้าคุณไม่เลือกการปลดหนี้ในทันทีแต่ยังคิดเรื่องการลงทุนอีก แสดงว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นแล้วล่ะ
Day_time
@Gerson เห้ย!!! คิดเหมือนกันเลยครับ ผมก็ว่างั้น ทำสองอย่างสิรออะไร? @จขกท. แต่อยู่ที่ว่าคุณมีเงินพร้อมจะลงเท่าไหร่นะ ถ้ามีไม่มากไม่อยากให้ลงทุนก่อน แต่ามีมากพอพร้อมรับความเสี่ยงก็ลงเลย แต่อย่าลงหมดต้องแบ่งด้วย แล้วแบ่งไปโปะหนี้ด้วย หนี้บ้านก็สำคัญนะ เป็นหนี้ใหญ่ทางไหนที่ทำให้หมดเร็วได้ก็ควรทำ เห็นคนโดนยึดบ้านมาเยอะแล้ว เพราะมัวแต่เอาเงินไปทำอย่างอื่น
เหมียวเหมียว
@สมบุกสมบัน เราก็คิดว่าแบบนั้นก็ดีนะ สบายใจมากกว่า เพราะว่าถ้าเกิดยังเป็นหนี้อยู่ โดยเฉพาะเป็นหนี้สินเชื่อบ้านเนี่ยค่อนข้างก้อนใหญ่เลยนะคะ แล้วก็ยังค้างๆค่ะๆ แล้วยังเอาเงินไปลงทุนอีกแล้วถ้าเกิดขาดทุนมากกว่าได้กำไรแบบนั้นคงเครียดมากน่าดู ปลดหนี้บ้านก่อนดีกว่าค่ะ ถ้าไม่มีหนี้แล้วเงินเหลือจะลงทุนเมื่อไหร่ก็ได้
ํํY*Y
การลงทุนเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เป็นของง่ายๆนะคะ ไม่ใช่ว่าคุณลงทุนแล้วคุณจะหวังกำไรแล้วจะได้ทันที คิดถึงความเป็นจริงด้วยนะคะ ยิ่งถ้าเป็นเศรษฐกิจแบบนี้แล้วล่ะก็ คุณอย่าหวังอะไรลมๆแล้งๆเลย ไปทำอะไรที่จับต้องได้ดีกว่า การลงทุนที่คุณอยากจะลงทุนอยู่นั้นต้องใช้ระยะเวลา ต้องใช้ความอดทนและต้องใช้เงินทุนสูงด้วย ถ้าคุณมีเงินพอประมาณก็ไม่แนะนำให้คุณลงทุนแบบนั้นนะคะ
พงษ์ไทย
หนี้ที่ต้องจ่ายค่าบ้านเหบืออีกเยอะไหมละ ถ้าไม่มากมายอะไรก็เอาไปปิดหนี้บ้านก็ได้ หรือว่าไม่ต้องหมดก็ได้ เพราะดูจากที่ถามแล้วอยากจะเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนด้วยใช่ไหม งั๊นแบ่งออกมาอย่างละครึ่งดีไหม เอาไปจ่ายบ้านครึ่งหนึ่งเอามาลงทุนครึ่งหนึ่ง แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ อย่างน้อยก็ยังมีเงินหมุนเวียนอยู่บ้างไม่ได้หมดไปเลยทีเดียว