ระยะเวลาสัญญา 10 ปีขึ้นไป ระหว่าง กองทุนหุ้น LTF กับ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ อันไหนดีกว่ากันค่ะ

ผมวิเคราะห์ว่า เงินก้อนเมื่อครบกำหนด 10 ปี จากประกันอาจอยู่ที่ 480,000 บาท แต่มูลค่าเงินลงทุนจากการขายคืนกองทุน KDLTF อยู่ที่ 914,352 บาท ซึ่งสูงกว่าทางเลือกประกันชีวิตถึงเกือบ 1 เท่าตัว แต่แน่นอนว่ามูลค่าเงินหรือผลตอบแทนที่สูงย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน ดังนั้น โดยทั่วไป KDLTF จึงเหมาะกับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูงครับ

สำหรับประกันชีวิต หากจ่ายเบี้ยและถือกรมธรรม์โดยไม่ใช้สิทธิเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบสัญญา ผลประโยชน์ที่ได้รับจะยังคงเป็นไปตามที่ระบุไว้ในสัญญา แต่สำหรับผลตอบแทนจากกองทุน LTF จะมีความไม่แน่นอนเป็นไปได้ทั้ง กำไรสูง-กำไรน้อย-ขาดทุนน้อย-ขาดทุนสูง สลับกันไป ซึ่งความเสี่ยงจากการขาดทุนนี้เป็นวัตถุดิบหลักที่ต้องนำไปแลกกับโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการลงทุนค่ะ

สำหรับประกันชีวิต เงินคืนจะถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าตาม % ของทุนประกัน แต่เงินปันผลที่ได้จากกองทุน KDLTF รวมกันในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจะอยู่ที่ 263,494 บาท (พ.ศ. 2551-2560) ซึ่งแม้ว่าจะสูงกว่าเงินคืนจากประกันถึง 1.7 เท่า แต่ในบางปีก็อาจมีความเสี่ยงที่จะได้เงินปันผลในจำนวนที่น้อยหรืออาจไม่ได้เลยก็ได้ เช่น ช่วงเวลาดังกล่าวจะมีอยู่ 4 ปี ที่จำนวนเงินปันผลที่ได้รับ​ต่ำกว่าปีก่อนหน้าก็ได้

หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น สำหรับประกันชีวิตจะมีวงเงินความคุ้มครองแต่ละปีตาม % ของทุนประกัน จะมีเงินก้อนหนึ่งที่รู้จำนวนล่วงหน้าให้กับครอบครัวและสามารถประเมินได้ว่าเพียงพอกับการดำรงชีวิตของครอบครัวเพียงใด ในขณะที่เงินที่ได้จากกองทุนจะมีจำนวนไม่แน่นอน หากเจอช่วงที่กองทุนขาดทุน เงินที่ได้จากกองทุนอาจไม่เพียงพอได้ เหตุร้ายที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นครอบครัวจะเดือดร้อนได้ค่ะ

ถ้าคุณจิตใจอ่อนไหว ไม่ชอบลุ้นกำไรขาดทุน หรือเป็นคนชอบอะไรที่รู้แน่นอน ทางเลือกที่โดนใจน่าจะเป็น ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ที่มีเงินคืนระหว่างทางและเงินก้อนครบสัญญาในจำนวนที่แน่นอนตามสัญญา แต่หากเป็นคนชอบท้าทาย ใจถึงกล้าลงทุน พอครบกำหนดขาดทุนบ้างก็ไม่เป็นไร รอให้กำไรค่อยขายได้ ทางเลือกที่โดนใจน่าจะเป็น กองทุน LTF ที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง แม้ความเสี่ยงสูงก็ตามครับ

ดิฉันเป็นพวกเป้าหมายการเก็บเงินนั้น ถ้ามีความสำคัญมาก เมื่อถึงกำหนดเงินจะขาดหรือเวลาจะเลื่อนไม่ได้เลยค่ะ ทางเลือกที่โดนใจน่าจะเป็น ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ แต่พี่สาวหากถึงเวลาเงินขาดหายจากการขาดทุนไปบ้าง ก็สามารถรอหรือใช้เงินแค่เท่าที่มีก็ได้ เขาก็เลือกกองทุน LTF ค่ะ​

เราเองก็กำลังชั่งใจอยู่เหมือนกันค่ะเพราะว่าอยากจะเริ่มวางแผนอนาคตไว้ตั้งแต่ตอนนี้ไม่อยากจะมีปัญหา ตอนที่อายุมากกว่านี้เรื่องการเงิน ก็คิดอยู่ว่าจะทำประกันชีวิตหรือว่าลงทุนกับกองทุนหุ้น ltf ดี แต่พอเห็นแบบนี้แล้ว เราคิดว่าสไตล์การใช้ชีวิตของเราน่าจะเหมาะกับประกันภัยมากกว่า เพราะยังไงประกันภัยแบบสะสมทรัพย์เราก็รู้ได้แน่นอนว่าเราจะได้เงินคืนเมื่อครบกำหนดสัญญาเท่าไหร่ ไม่อยากรอลุ้นทีหลังค่ะ

ขึ้นอยู่กับความคิดที่จะยอมรับได้ถึงผลได้ผลเสียมากกว่านะคะ เพราะใครที่ถือกองทุนรวม ltf อยู่ ก็มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนมากกว่าประกันสุขภาพแน่นอน ซึ่งความเสี่ยงนี่แหละที่จะทำให้เรารู้ว่าอันไหนที่จะได้รับผลตอบแทนมากกว่าหรือน้อยกว่า ทางที่ดีถ้าไม่อยากเสี่ยงก็แนะนำเบี้ยประกันสุขภาพดีกว่าค่ะเพราะว่าแน่นอนกว่า

เราว่ากองทุนหุ้น LTF กับประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ มีดีกันไปคนละอย่างนะคะ คุณอยากได้ผลตอบแทนแบบไหนล่ะ การเลือกลงทุนกับกองทุนใดหรือทำประกันชีวิตฉบับไหนควรเลือกให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของตัวคุณเอง แต่ถ้าคุณมีเงินเก็บเพียงพอหรือมีการวางแผนการเงินที่ดีสามารถจ่ายได้ทั้งการลงทุน LTF กับประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ทำสองอย่างเลยก็ดีค่ะ

ถ้าคิดจะวางอนาคตไว้กับกองทุนหุ้น LTF หรือไม่ว่าจะกองทุนไหนๆก็ไม่ควรค่ะ เพราะว่าหุ้นเป็นการบริหารเงินที่แบบมีความเสี่ยงสูงมาก ไม่ต้องคิดเป็น 10 ปีหรอกค่ะ แค่ปีหน้าเราก็ผวากันแล้วว่าจะเป็นยังไง เพราะเศรษฐกิจตอนนี้ไม่แน่นอนเอามากๆ แต่ถ้าเราทำประกันสะสมทรัทย์ ซึ่งประกันไม่มีความเสี่ยงใดๆเลยทั้งสิน ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นแบบไหนก็ตามก็ไม่มีผลกับเงินประกันของเรา เพราะเป็นสัญญาที่เราทำและจะได้รับเงินคืนแน่นอนตามสัญญา ถึงอาจจะไม่ได้มากเท่ากองทุน แต่ได้เงินคืนแน่นอน และได้การคุ้มครองด้วย แนะนำประกันดีกว่าค่ะ

@ประวิตร กองทุนนี้มีรองรับทุกความเสี่ยงเลยใช่ไหมคะเนี่ยแต่ยามอ่านข้อมูลอาจจะ comment ได้ดูเหมือนกับว่าถ้าจะเอาเงินไปลงทุนเงินก้อนเนี่ยถ้าใครที่ยังเล่นไม่เก่งก็มาลงกับกองทุนดีกว่าหรือถ้ายังไม่มั่นใจไม่ชอบความเสี่ยงก็ลงทุนกับกองทุนต่างๆดูก็ไม่เสียหายอะไรเป็นการฝึกภายในตัวด้วยแต่สนใจที่ว่ากองทุนความเสี่ยงต่ำไม่มีเงินปันผลด้วยหรอคะ แล้วให้เงินปันผลเยอะไหมคะกี่เปอร์เซ็นต์ต่อปี