มีการเปรียบเทียบนิสัยทางการกับความขี้เกียจคิออะไรครับ?
การเปรียบเทียบพฤติกรรมหรือนิสัยทางการเงินกับความขี้เกียจนั้นมันหมายความว่าอย่างไรบ้างท แล้คนที่ได้ชื่อว่าขี้เกียจทางการเงินนั้นมีลักษณะแบบไหนส่งผลที่ดีหรือส่งผลเสียต่อชีวิตการเงินกันแน่ขอคำอธิบายหน่อยครับ?
เลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินอะไรดีนะ..
คุยกับที่ปรึษาทางการเงินโดยตรงและรับข้อเสนอที่เหมาะกับคุณ
รับคำปรึกษาฟรี
Nat
พฤติกรรมทางการเงินของคนแต่ละคนก็เหมือนกันและการจะอธิบายออกมาว่าคนนั้นคนนี้มีพฤติกรรมาทางการเงินเป้นแบบต่างๆก็ยากเหลือเกิน ดังนั้นการยกคำว่าความขี้เกียจทางการเงินก็ทำให้เห็นภาพมากขึ้นว่ามีลักษณะอย่างไร? แน่นอนว่าต้องต่างจากความขยันทางการเงินแน่ๆคือเป็นพฤติกรรมที่ตรงกันข้าม
Patt
ความขี้เกียจไม่ว่าจะทำอะไรมักเป็นภาพที่บ่งบอกถึงสิ่งที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ และผลของความขี้เกียจก็มักจะไม่ดีด้วย คำว่าความขี้เกียจมาขยายพฤติกรรมทางการเงินของคนที่ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวทางการเงินมากนัก แต่เมื่อพิจารณาความขี้เกียจทางการเงินจริงๆแล้วก็ไม่สามารถเอาเปรียบเทียบได้ร้อยเปอร์เซ็นต์กับความขี้เกียจอื่นๆที่ยกตัวอย่างให้ไปเพราะอะไร? เพราะความขี้เกียจทางการเงินนั้นสามารถก่อผลที่ดีได้ด้วยไม่เพียงแค่ผลเสียเท่านั้น
วิริยะ
เคยมั้ยครับ เวลาไม่อยากทำอะไรที่มันต่างไปจากเดิม เรามักจะพูดว่า "ไม่เอาอะ ขี้เกียจ" ก็เลยมีการเปรียบเทียบกับคนที่ไม่ค่อยชอบขยับหรือปรับเปลี่ยนอะไรเกี่ยวกับทางการเงินของตัวเองที่เป็นอยู่ มันคืออาการ "การยึดติดกับสภาพที่เป็นอยู่" ที่เรียกง่ายๆว่า "ความขี้เกีขจทางการเงินนี่แหละครับ" ผลเสียก็คือ เราเสียโอกาสที่จะมีเงินเพิ่มเพียงเพราะเราไม่อยากขยับหรือปรับเปลี่ยนบางอย่างนี่แหละ
pam
ความขี้เกียจ ที่จริงเขาเอามาเปรียบได้หลายเรื่องครับแต่ที่คุณกำลังถามอาจเป็นไปได้ครับที่เขาที่เขาเอามาเปรียบเทียบคนที่ไม่ชอบเก็บเงินอะไรแบบนี้ครับ คนแบบนี้มีจริงๆนะครับ ทำงานมาได้เงินก็หยุดทำงานไม่คิดทำงานแล้วครับพอเงินหมดก็ออกไปหาเงินใหม่ครับทำแบบนี้จนติดเป็นนิสัยครับ แบบนี้เขาเรียกคนที่ขี้เกียจวางแผนกับการดำเนินชีวิตครับ
นัท
ต้องทำนี้เลยค่ะคือ เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่แค่การประหยัดการอดออมเท่านั้นนะคะ นิสัยเดี๋ยวก่อนเป็นการที่คนนั้นผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย แทนที่เขาจะจัดการหรือทำโดยทันที การลื่นงานไปเรื่อยๆทำให้เขามีงานเพิ่มขึ้นหรือมีความยุ่งยากขึ้นนั่นเอง เรื่องนี้จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตทำให้ชีวิตของเขายุ่งยากมากขึ้น และไม่ค่อยเชื่อฟังใครเมื่อมีคนให้คำแนะนำค่ะ
Korn71
นิสัยทางการเงินกับความขี้เกียจ ดูเผินๆไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันได้นะครับ แต่พอได้อ่านจากคอมเม้นท์ของหลายๆคนก็พอจะเข้าใจว่ามันคืออะไร ผมว่าแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนนะ ขยับตัวมากอาจจะได้เงินเพิ่มหรืออาจจะเสียเงินก็ได้ ขยับตัวน้อยก็ไม่ได้เงินแต่ก็ไม่เสียเงินที่มีอยู่ไปนะครับ อย่างว่าแหละขึ้นอยู่กับว่าใครจะมองอย่างไร
จรินทร์
ตอนแรกก็กำลังนั้ง งงกับ สิ่งที่คุณถามนะคะ เลยต้อง ดูเม้นเพื่อนๆก่อน เอาว่าตอนนี้เข้าใจแล้ว เขาเอาคำนี้มาเปรียบเทียบให้เราได้เห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น อย่างถ้าคนมีเงินเยอะๆแล้วไม่อยากไปลงทุนอะไรเลย แบบนี้สักวันเงินที่มีก็ต้องหมดไป แบบนี้เขาเรียกว่าคนที่ขี้เกียจทางการเงิน ส่วนถ้าขยันเขาก็หาช่องทางเพื่อให้เงินของเขาไม่หมด
รำพัด
ถ้อยคำหรือคำจำกัดความที่นำมาใช้บ่งบอกถึงพฤติกรรมแต่ละอย่างของคนเรานั้นมีหลากหลายนะคะ ในเชิงธุรกิจก็มีคำแบบนั้นด้วย แล้วเราจะเป็นคนขยันหรือคนขี้เกียจในเชิงธุรกิจดีล่ะ น่าจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย และขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วย ดีค่ะที่มีกระทู้มาโพสต์สอบถามและมีคอมเม้นท์ต่างๆเข้ามาให้ความรู้ใหม่ๆกัน อ่านกันเพลินเลย
จีระกา
แบบของเราน่าจะเข้าอยู่ในกลุ่มของคนที่มีนิสัยทางด้านการเงินที่ไม่ได้เรื่องเลยอย่างแน่นอนเลยคะ เราทำงานประจำมีเงินเดินทุกเดือน แต่ก็ไม่เคยที่จะมีเงินเก็บเลย เก็บเงินได้เยอะสุดในชีวิตตอนที่ตั้งเป้าว่าจะหารถยนต์สักคัน แต่พอได้มาแล้วก็ไม่มีเป้าหมายในการออมเงินอีกเลย คิดๆไปแล้วเราคิดว่าต้องเปลี่ยนนิสันใหม่แล้วละ
ศรันย์
คำว่าขี้เกียจ ก็บอกตรงๆแล้วพี่ว่าเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไร ดังนั้นถ้าขี้เกียจเรื่องของการเงินก็ไม่ชอบหาเงินไม่ชอบทำงาน แล้วคิดว่ามันจะส่งผลดียังไง มันไม่ได้ส่งผลดีอะไรเลยครับ แถมยังสร้างปัญหาให้กับคนรอบๆข้างของเขาด้วย ยังไงถ้าพี่เจอคนแบบนี้พี่ก็ช่วยบอกเขาให้เข้าใจกับสิ่งที่เขากำลังเป็นด้วยนะครับ ว่าอนาคตเขาต้องลำบากแน่นอน
;pimpat:
ความขี้เกียจที่ว่า มันอาจเป็นเพราะความกลัวในการลงทุนหรือเปล่าคะ ยิ่งช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี จะให้เอาเงินมาลงทุนทำโน่นทำนี่มันก็เสี่ยงมิใช่น้อยนะคะ สำหรับคนที่มีหัวทางด้านธุรกิจอยู๋เป็นทุนเดิม การตัดสินใจลงทุนอาจจะง่ายหน่อย คือ ดูแล้วรู้ได้เร็วว่าควรลงทุนกับเรื่องนั้นหรือไม่ ก่อนจ่ายเงินต้องพิจารณากันให้ดีค่ะ