คนที่ชอบใจร้อนเมื่อจะลงทุนเกิดผลเสียอย่างไร?

คนที่มีนิสัยใจร้อนในการลงทุนก็คือ เมื่อเจอหุ้นตัวไหน หรือธุรกิจตัวไหนที่น่าสนใจก็ลงทุนไปเลยโดยที่ไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อนถึงสภาพเศรษฐกิจหรือความเป็นไปได้ที่จะได้กำไรหรือขาดทุน ก็คล้ายกับนิสัยของคนที่ไม่มีความรู้นั่นแหละ และคนใจร้อนก็คิดถึงแต่ความร่ำรวยคิดถึงแต่กำไรที่จะได้ว่าจะรวยจะมีเงินเยอะให้ได้ภายในไม่กี่ปีทำให้เร่งการลงทุนมากเกินไปเป็นการกดดันตัวเองซึ่งจะนำมาซึ่งความเสียหายแน่ๆ

การลงทุนจะประสบความสำเร็จและมีคุณภาพมากกว่า ให้คิดถึงผลประโยชน์ระยะยาวเอาไว้อย่างคิดถึงแต่เป้าหมายระยะสั้นไม่อย่างนั้นกำไรที่ได้จะได้เพียงแค่ช่วงสันๆเท่านั้นแต่ในระยะยาวคุณต้องพบเจอกับการขาดทุนไปตลอดดังนั้นเลิกนิสัยใจร้อนในการลงทุนเถอะค่ะ ดูก่อนแล้วค่อยลงทุนจะก่อผลที่ดีมากกว่าค่ะ

คนใจร้อนมักตัดสินใจไวไปครับ บางทีตัดสินใจแบบไม่คิดเลยครับ อันนี้เป็นอันตรายสำหรับนักลงทุนครับ นักลงทุนต้องใจเย็นแต่ต้องไวครับ หมายความว่ายังไงเหรอครับ เขาตัดสินใจแบบใจเย็นครับคิดรอบครอบทุกด้านก่อนครับว่าลงทุนไปแล้วจะเป็นยังไงบ้างแล้วเขาค่อยลงทุนกับสิ่งนั้นครับ คนแบบนี้แหละครับที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนไม่มว่าจะลงทุนอะไรก็ตามครับ

อีกอย่างเอาแบบใกล้ๆตัวยังไม่ต้องไปไกลถึงธุรกิจนะครับ คือถ้าเป็นคนใจร้อนก็มักจะเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ทำให้คนที่เค้าทำงานด้วยเอือมระอา... หรือบางครั้งก็อาจจะทำให้เกิดการทะเลาะกับหุ้นส่วนได้ถ้าความคิดเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้นการจะปรับตัวคือปรับใจให้เย็นลงมันก็จะส่งผลดีต่อเพื่อนร่วมงานและพอใจเย็นลงแล้วการตัดสินใจก็ดีขึ้นส่งผลกับธุรกิจจะไปได้สำเร็จมากขึ้น

ไม่ได้ศึกษาข้อมูลดูสถิติอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำการลงทุนค่ะ หรือว่าตัดสินใจรวดเร็วแบบหุนหันพลันแล่น ทำให้เห็นได้ชัดเลยค่ะว่าคนที่อารมณ์ร้อนไม่ได้เกิดผลดีแค่ในเรื่องของสายสัมพันธ์ที่มีกับคนอื่นเท่านั้น แต่ยังส่งผลกับนิสัยหรือวิธีการที่จะเล่นหุ้นด้วย เพราะดูเหมือนว่าจะเป็นการตัดสินใจเร็วแต่ก็ไม่ได้ไต่ตรองทำให้เกิดการขาดทุนค่ะ

ยามที่ใจร้อนคนเราจะขาดความรอบคอบครับ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามหากตัดสินใจเร็วเกินไปไม่ได้คิดให้ดี ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อน มักจะเกิดผลเสียตามมาอย่างแน่นอน ยิ่งเป็นเรื่องการตัดสินใจทางธุรกิจหรือการลงทุนด้วยแล้วละก็นอกจากจะเสียอารมณ์ยังทำให้เสียเงินด้วย จะมากหรือน้อยมันก็คือเงิน บอกได้คำเดียวว่า "พัง" จะทำอะไรใจเย็นไว้ก่อนดีกว่าครับ

นิสัยใจร้อนไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก้ถือว่าเป็นนิสัยที่ก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีนะคะ การลงทุนก็เหมือนกันจริงอยู่ถ้ามีโอกาสต้องรีบคว้าไว้ แต่ต้องเป็นการคว้าโอกาสแบบใจเย็นคิดตริตรองให้ดีก่อน แต่ถ้าใจร้อนแบบเห็นแต่ตัวเงินก็ตาร้อนแบบนั้นไม่ดีแน่ เพราะต้องคิดถึงความเสี่ยงด้วยค่ะถึงจะดี ดังนั้นความใจร้อนไม่ดีเลยนะคะสำหรับการลงทุน

คนที่ใจร้อนลงทุนทำให้เพื่อนที่ทำการลงทุนด้วยกัน ได้รับผลกระทบด้วยยังไงล่ะครับ บางคนไม่ได้ทำการลงทุนเพราะมีความรู้สูง แต่ลงทุนตามเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน ถ้าเพื่อนที่ทำงานด้วยกันมีความหุนหันพลันแล่น และใจร้อนในการลงทุนเพื่อนที่ทำงานหรือการลงทุนด้วยกันก็จะได้รับผลกระทบไปด้วยน่ะครับ จะโทษใครก็ไม่ได้อยากเล่นตามเพื่อนเอง

จริงครับ ที่บางครั้งการลงทุนก็ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วไม่อย่างนั้นจะเสียโอกาส แต่การตัดสินใจเร็วกับใจร้อนมันต่างกันครับ คนตัดสินใจเร็ว เขาอาจจะเป็นคนที่วางแผนเร็ว คิดเร็ว ทบทวนเร็ว ก็เลยตัดสินใจได้เร็ว ถ้าเป็นคนใจร้อน คิดอะไรไม่ค่อยออกหรอกครับ การตัดสินใจนั้นจะมาพร้อมกับอารมณ์ด้วย ก่อนตัดสินใจต้องตั้งสติก่อนครับ

คนใจร้อน ถ้าใจร้อนเรื่องการลงทุน มีแต่จะเสียครับ การลงทุนต้องมองหลายเรื่องครับแล้วค่อยนำมาตัดสินใจ มีหลายคนที่เป็นคนใจร้อนทำอะไรแบบที่ไม่คิดแล้วท้ายที่สุดก็ต้องจบลงด้วยคำว่าขาดทุนครับ การลงทุนทุกอย่างมันมีความเสี่ยงเยอะครับ ยิ่งช่วงโควิดแบบนี้ด้วยแล้ว ต้องใจเย็นๆค่อยๆคิดว่าลงทุนไปแล้วเป็นยังไง แล้วหันไปมองรอบๆด้วยว่าเป็นยังบ้าง

การเป็นคนตัดสินอย่างรวดเร็วกับการเป็นคนใจร้อน ไม่เหมือนกันนะครับ ในฐานะนักลงทุนบางครั้งต้องรีบตัดสินใจเดี๋ยวจะไม่ทันคนอื่น แต่พวกเขาต้องมีความรอบคอบเป็นหลัก ถ้าโดยปกติเป็นคนใจร้อนต้องระวังมากครับ เพราะอาจขาดความรอบคอบเมื่อจะทำการตัดสินใจ ยิ่งเป็นเรื่องการลงทุนด้วยแล้ว หากตัดสินใจผิดพลาดจะเสียหายมากครับ

ไม่ทราบว่ามีครอบครัวยังครับ เพราะถ้าเป็นคนใจร้อนแบบนี้ ทำธุรกิจคนเดียวไม่น่าจะไปไหวนะครับ คิดและตัดสินใจแบบไม่ค่อยคิดแบบนี้น่ากลัวครับ เอาว่าถ้ามีครอบครัว ควรที่จะปรึกษาคนในครอบครัวก่อนน่าจะดีกว่าครับ ถ้าคนในครอบครัวเตือนอะไรก็อย่าไปโมโหใส่เขานะครับเพราะถ้าทำแบบนี้ครั้งหน้าเขาไม่เตือนคุณแน่นอนนะครับ

คนใจร้อนถ้าเขารีบตัดสินใจเร็วเกินไป อาจจะมีผลต่อการลงทุนได้จริงๆครับ แถวบ้านของผมมีร้านหนึ่งมาตั้งร้านอาหาร เป็นร้านปุฟเฟ่ครับ แต่ทำเลแล้วก็คนในแถวๆนั้นไม่น่าจะทานไหว เขาคิดราคาหัวละ 399 แพงมากครับ ผ่านไปไม่นานผมขับรถผ่านอีกรอบน้านนี้ปิดแล้วครับ ผลสุดท้ายตอนนี้ไปขายอาหารอย่างอื่นแล้ว ราคาก็เหลือ 30-50 บาทแล้วครับ

ถ้าเป็นคนใจร้อนอย่างเดียวเลย..น่ากลัวครับ ยิ่งเอามาใช้กับการลงทุนด้วย อาจจะเสียมากกว่าได้ แต่ถ้าเป็นคนที่ใจร้อนบ้าง และพอจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ แบบนี้ผมว่ายังพอไหวอยู่นะ เมื่อถึงเวลาลงทุนหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ คนนั้นยังสามารถวางแผนและจัดการได้อยู่ เรื่องการลงทุน ยังไงก็มีความเสี่ยง ต้องคิดให้ดีครับ