ถ้าติด Blacklist ของเครดิตบูโร

ในระบบเครดิตบูโร จะไม่มีคำว่า "Blacklist" หรือคำว่า "ติดเครดิตบูโร" คำเหล่านี้เป็นภาษาพูดที่ใช้กันจนชินปาก เช่น โดยพวกรับจ้างทวงหนี้ที่มักชอบอ้าง หรือใช้คำนี้ หรือเจ้าหน้าที่สินเชื่อที่ปฏิเสธไม่ให้สินเชื่อเรา ในระบบการรายงานข้อมูลเครดิตคำว่า Blacklist ก็คือการที่เรามีหนี้ค้างชำระ เช่นที่เขียนว่า "สถานะบัญชี: หนี้ค้างชำระเกิน 90 วัน" เป็นต้น

ถ้าเจอแบบนี้โอกาสขอสินเชื่อ หรือบัตรเครดิตก็น่าจะเป็นศูนย์ โดยหลักการแล้ว เครดิตบูโรให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการขอ และชำระสินเชื่อของเราเท่านั้น แต่ไม่ได้ทำหน้าที่พิจารณาให้ หรือไม่ให้สินเชื่อ การให้หรือไม่ให้สินเชื่อเป็นเรื่องของดุลพินิจ และนโยบายของแต่ละสถาบันการเงิน ซึ่งก็จะแตกต่างกันออกไปสำหรับแต่ละสถาบันการเงินด้วย

Blacklist ที่จริงแล้วมันคือการที่เราไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเวลาที่กำหนด จึงทำให้ขอเงินกู้หรือสินเชื่อที่อื่นๆไม่ได้ ไม่ใช่เพราะบูโรแต่เพราะสถาบันทางการเงินเหล่านั้นเขาตรวจสอบข้อมูลของเราจึงเห็นเรื่องหนี้นี้ ซึ่งถ้าเป็นบุคคลธรรมดา ข้อมูลจะอยู่นานประมาณสามปี แล้วเราอาจของสินเชื่อได้อีก แต่วิธีที่ดีที่สุด คือ เราควรชำระหนี้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยไปยื่นเรืองขอสินเชื่อใหม่

คนเราส่วนใหญ่คุ้นเคยกับคำว่าติดแบล็คลิสต์หรือบัญชีดำ ฟังแล้วดูน่ากลัวมาก แบบว่าจะไปไหน ทำอะไร ขอความช่วยเหลือจากใครก็ไม่มีใครสนใจถึงขั้นทำอะไรไม่ได้เลย แต่ที่จริงมันก็แค่เราค้างการชำระหนี้ ถ้าไม่อยากให้คนอื่นใช้คำนี้กับเรา เราก็ต้องชำระหนี้ให้ตรงเวลาและรีบชำระหนี้ให้หมด จะได้ไปทำอย่างอื่นให้สบายใจค่ะ

จริงๆการติดแล็คลิสต์ ถ้าชื่ออยู่ในนั้นแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนะครับ ทางแก้ก็คือ พยายามใช้หนี้เก่าให้หมด เเละ สร้างประวัติการชำระเงินที่ดี เพื่อในอนาคตคุณจะไปขอสินเชื่อหรือทำธุรกรรมทางธนาคาร เค้าจะมองว่าคุณมีความสามารถในการชำระหนี้ เค้าถึงจะปล่อยเงินให้คุณกู้ แต่ถ้าคุณยังคงค้างหนี้เหมือนเดิมไม่มีระเบียบวินัยในการชำระหนี้โอกาสที่ธนาคารจะเชื่อใจ ยากครับ...

เราเองก็เป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่ค่ะ เราพยายามจ่ายให้ตรงเวลาแต่บางครั้งบางเดือนก็มีปัญหาที่ไม่สามารถจ่ายคืนได้ ทำให้ธนาคารโทรทวงหนี้ เราไม่รู้ว่าถ้าเป็นอย่างนี้ เราสามารถของสมัครบัตรเครดิตของธนาคารอื่นได้ไหม เพราะเราเองต้องการที่จะสมัครบัตรเครดิตอื่น เพื่อที่จะได้เอามาใช้จ่ายหมุนเวียนกับบัตรเครดิตที่ใช้อยู่

พึ่ง 26 เองเเต่ทำไมไปติด blacklist บูโรได้อ่ะ เราว่านะ ก่อนที่จะสมัครบัตรไรๆ ต้องคิดดีๆ ก่อนสุดท้ายถ้ามาติด blacklist เเบบนี้ลำบากมากเพราะ เราเจอมาเเล้วกับคนในครอบครัว เเม่เราอ่ะกู้เงิน กู้ไรๆ ไม่คิดชีวิตสุดท้ายติด blacklist สุดท้ายเราก็ต้องมาคอบช่วยใช้หนี้อีก ตอนนี้เลยจะซื้อบ้านซื้อรถ สมัครบัตรเครดิต ไรๆ อีกไม่ได้เลย

เมื่อเช็คเครดิตบูโรแล้วเราติดขัดไม่สามารถขอสินเชื่ออะไรได้ก็เป็นสถานะที่อึดอัดมาเลยนะคะ แต่ก็ต้องทำใจค่ะเพราะว่าเราผูกเองก็ต้องแก้เอง ยังมีหนี้อะไรตรงไหนที่ค้างคาอยู่ก็ต้องจัดการให้เรียบร้อยไม่งั้นคุณจะอยู่ในสถานะอึดอัดแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าปล่อยให้มันผ่านไปเองก็ไม่ง่ายค่ะเพราะใช้เวลานานมากๆ แต่ถ้าติดเครดิตบูโรแล้วยังจะขอสินเชื่ออีกจะยิ่งแย่นะคะ

นั้นดิ อายุ แค่ 26 ปีเอง ไปเป็นหนี้เสียซะแล้ว แบบนี้ อายุเยอะไปจะมีความรับผิดชอบอะไรไหมเนี๊ยะ ชักเป็นห่วงแล้วสิครับ เอางี้ เป็นหนี้ก็ต้องจ่าย ถ้าเป็นหนี้จากบัตร ก็ไปเข้าร่วมโครงการคลีนิคแก้หนี้ซะ แล้วค่อยจ่ายคืนเงินที่เราเป็นหนี้เขา กัดฟันใช้หนี้เขาดีกว่าที่จะต้องมาเสียประวัติ ถ้าแก่ตัวไปเดียวจะลำบากเอา