การเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์

จริงครับหลายคนชอบทำประกันราคาแพงๆเพื่อหวังทุนประกันเยอะๆแต่ทราบไหมครับว่าบริษัทประกันภัยนั้นไม่ได้จ่ายเงินชดเชยให้คุณตามจำนวนสูงสุดของทุนประกันภัยรถยนต์ที่คุณได้ทำเอาไว้นะครับ แต่จะจ่ายเท่ากับค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้นครับ เพราะฉะนั้นการทำประกันภัยรถยนต์ด้วยทุนประกันที่สูงกว่ามูลค่าทรัพย์สินนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด

ค่าสินไหมทดแทนที่ทางบริษัทประกันภัยรถยนต์จะต้องจ่ายให้กับผู้ที่เอาประกันภัยรถยนต์ เมื่อรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยนั้นเกิดความเสียหายโดยสิ้นเชิง เช่นในกรณีรถยนต์สูญหาย เกิดการไฟไหม้ หรืออุบัติเหตุต่างๆ ที่ทำให้ตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยนั้นเสียหายเกินกว่า 70% ของความเสียหายที่เกิดขึ้นตามเงื่อนไข

แนะนำว่าให้เลือกแผนความคุ้มครองตามแบบพฤติกรรมของเราค่ะ เช่น ถ้าคุณขับรถมานาน มีประสบการณ์มากพอและไม่เคยขับรถไปเฉี่ยวชนใครบ่อยๆ คุณก็เลือกแผนที่ถูกๆได้ ไม่จำเป็นต้องเลือกแบบคุ้มครองแพงๆ แต่ถ้าคุณเป็นคนมีพฤติกรรมที่ชอบทำอะไรเสี่ยงบ่อยๆเช่น ชอบดื่มแล้วไปขับ หรือชอบขับรถเร็ว คุณก็เลือกที่คุ้มครองเยอะๆหน่อยก็ดีค่ะ แล้วแต่กำลังของคุณด้วยนะคะ

เราว่าไม่จำเป็นจะต้องประกันอุบัติเหตุที่แพงนะคะ เราว่าเอาตามความเหมาะสม โดยที่เราจะต้องรู้ตัวเองก่อนว่า การขับรถเป็นอย่างไรบ้าง บางคนขับอย่างระมัดระวังบางครั้งทำประกันไปไม่เคยเครมประกันเลย เราว่าการทำประกันก็ดีเพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรได้บ้าง แต่การซื้อประกันเราก็สามารถเลือกความคุ้มครองได้โดยไม่จำเป็นต้องซื้อแพงไป

@จขกท. ประกันรถยนต์มีหลายประเภทครับ ถ้าคุณคิดอยากจะประหยัดไม่อยากจ่ายเบี้ยแพงๆก็ลองเลือกประกันรถยนต์ชั้น 2 ชั้น 3 ลงมาก็ได้ ไม่จำเป็นเสมอไปว่ารถยนต์ของคุณจะต้องทำประกันชั้น 1 เท่านั้น เข้าใจดีครับเศรษฐกิจช่วงนี้อะไรหลายๆอย่างก็ต้องปรับตัวแล้วก็ลดค่าใช้จ่ายลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วเราจะรอดผ่านวิกฤตไปด้วยกันนะครับ

ถ้าจ่ายไหวนะครับ การทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 มันดีอยู่แล้วอะครับ แต่ถ้าเจ้าของกระทู้หรือบางคนรู้สึกว่าการจ่ายประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 มันแพงเกินไป มันไม่จำเป็นต้องชั้น 1 ก็เปลี่ยนเป็นชั้นอื่นได้ครับ ความคุ้มครองก็จะแตกต่างกันบ้าง ไม่ว่าจะทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนก็ตาม ผู้ขับต้องใช้ความระมัดระวังขณะขับขี่ทุกครั้งครับ

@k.chang ใช่เลยค่ะ ถ้าใครไม่ลำบากช่วงนี้ก็คงจะไม่ค่อยรู้นะคะ ว่าทุกๆค่าใช้จ่ายที่จะต้องปรับเปลี่ยนทั้งหมดเลย ประกันรถยนต์ก็เป็นค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งที่เป็นค่าใช้จ่ายรายปีที่ค่อนข้างจะแพงไม่ใช่น้อย ถ้าปรับเปลี่ยนได้มาเป็นประกันรถยนต์ชั้น 2 หรือประกันรถยนต์ชั้น 3 ก็จะเบาตัวขึ้นมาหน่อย ก็เลยเห็นด้วยกับคุณค่ะที่ไม่จำเป็นต้องเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 เสมอไป