ประกันภัยก็เหมือนสินค้าที่แพงและใช้เงินส่งระยะยาว ถ้าคิดจะซื้อจริงๆ มันตอบโจทย์เราแค่ไหน ดูได้จากอะไรค่ะ
ประกันภัยสมัยนี้มีหลากหลายรูปแบบไปหมดเลยค่ะ ดูเหมือนตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเราแทบทุกอย่างเลย ออมทรัพย์ก็ดี ประกันอุบัติเหตุก็น่าสนใจ หรือเรื่องค่ารักษาพยาบาลก็ควรจะมีไว้ บางอย่างลดหย่อนภาษีได้ด้วย ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกโดยดูจากอะไรสำคัญที่สุดค่ะ ว่ามันคือกรมธรรม์ที่ดีต่อเราไม่ใช่ซื้อมาทิ้ง
เลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินอะไรดีนะ..
คุยกับที่ปรึษาทางการเงินโดยตรงและรับข้อเสนอที่เหมาะกับคุณ
รับคำปรึกษาฟรี
Thong Daeng
ผมจะเลือกแบบที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ก่อนเป็นอันดับแรก แล้วก็ดูที่ความต้องการซื้อเพื่อลดหล่อนภาษีไปด้วยครับ แต่ก็ต้องศึกษาเงื่อนไขดี ๆ เพราะไม่ใช่ทุกกรมธรรม์ที่จะลดภาษีได้ 100% โดยการลดหย่อนภาษี แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ประกันที่มีความคุ้มครอง 10 ปี ขึ้นไป และจ่ายค่าตอบแทนไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันสะสมในแต่ละช่วง ประกันแบบนี้เราจะลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ในขณะที่ ประกันชีวิตแบบบำนาญ เราจะสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของรายได้ต่อปี ครับ เราที่คุณชอบ
ปิติ
ในการทำประกันแต่ละครั้ง เราควรทำประกันเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองอย่างน้อย 5 เท่าของรายจ่ายต่อปีหักด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่มีในปัจจุบัน เช่น ถ้าเรามีทรัพย์สินรวม 1 ล้านบาท ไม่มีหนี้ และมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวรายเดือนอยู่ที่ 20,000 บาท เราควรทำประกันตามสูตรคำนวณง่าย ๆ ที่ (20,000 บาท × 12 เดือน × 5 เท่า) – สินทรัพย์ 1,000,000 บาท = 200,000 บาท ก็เพื่อเมื่อถึงคราวฉุกเฉิน เราจะได้มีทุนสำรองไว้สร้างเนื้อสร้างตัวอีกครั้งนั่นแหละครับ
Sup
อันนี้เห็นด้วยนะคะ ที่บอกว่าประกันภัยเป็นเหมือนสินค้าราคาแพงที่เราต้องใช้เงินส่งรายละเอียดยาว ประกันภัยก็มีหลายรูปแบบ หลายกรมธรรม์ แต่มันจะตอบโจทย์ชีวิตเราแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราซื้อประกันภัยตัวไหนด้วยค่ะ คือทุกคนก็รู้กันอยู่ว่าอนาคตมันไม่แน่ไม่นอน อะไรจะเกิดขึ้นก็ได้ เราก็อยากจะซื้อประกันภัยไว้ แต่ประเด็นคือเราก็ดันไม่รู้ว่าอะไรจะมีเกิดขึ้นบ้างในอนาคต เราไม่รู้ว่าเราจะโดนรถชน หรือว่า หรือติดเครดิตซะก่อนก็ไม่รู้ ดังนั้นหลายคนเลยเลือกวิธีซื้อแบบกระจายความเสี่ยงค่ะ ซื้อกับหลายที่แล้วก็หลายกรมธรรม์เอา