ถ้าไปทำสัญญายอมความในชั้นศาลแล้วไม่ปฏิบัติตามจะเป็นยังไง

ก็จะถูกธนาคารยึดทรัพย์ไปตามระเบียบครับ แต่อายุความของบัตรเครดิตนั้นมีอายุอยู่แค่2ปีนับแต่การผิดนัดครั้งสุดท้ายเพราะฉะนั้นถ้าทำการสู้คดไปเรื่อยๆเราก็จะหล้นพ้นสถานะการเป็นหนี้ไปโดยที่เราไม่จำเป็นต้องใช้หนี้ ครับแต่ก็จะต้องเสียค่าสู้คดีกับค่าจ้างทนายสู้คดีแทนนะครับผม

เมื่อโจทก์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอดความและศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ขั้นตอนต่อไปหากคู่ความฝ่ายใดไม่ปฎิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็จะต้องมีการบังคับคดีให้เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งปรากฏต่อมาว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา และโจทก์ก็ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนอง

ใช่เลยครับจะถูกยึดทรัพย์แน่นอนและเผลอๆจะโดนอายัดเงินเดือนด้วยถ้าเราไม่ทรัพย์ให้กับทางธนาคารทำการยึดแต่ช้าดก่อนอย่างเพิ่งตกใจไปนะครับว่าเงินเดือนที่มีทุกวันนี้ก็เดือนชนเดือนอยู่แล้วโดนอายัดไปอีกจะเอาอะไรกินธนาคารนั้นสามารถที่จะทำการอายัดเงินเดือนได้ก็จริงอยู่แต่เงินเดือนของเรานั้นจะต้องมีมากกว่า 20000 บาท ถึงจะทำการอายัดได้ แต่ถ้ามีมากกว่า 20000 บาทแล้วโดนอายัดแล้วใช้จ่ายไม่พอสามารถเอาบิลค่าใช้จ่ายหลักฐานว่าเราจำเป็นต้องใช้จ่ายหรือมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อหน้าศาลใหธนาคารยกเลิกการอายัดเงินเดือนเราได้

สัญญาประนีประนอมยอมความ ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือตัวแทนของฝ่ายนั้น นั้นแสดงว่าคูณจะต้อง๔ุกศาวพิราณาอีกครั้งถ้าคุณไม่ทำตาม ซึ่งจะทำให้คุณเวียหายหลายอย่างผมว่าทางที่ดีคุณน่าจะทำตามที่เขาบอกดีกว่าครับ เรื่องบัตรเครดิตมันมีผลต่อการใช้ชีวิตของคุณในอนาคตนะครับ โดยฌฉพาะความน่าเชื่อถือเรื่องการเงิน

ใช่แล้วครับคุณก็จะถูกยึดทรัพย์สินนั่นเอง ทางที่ดีนะครับขอแนะนำว่าถ้ายอมรับและทำตามสิ่งที่ศาลได้ตัดสินแล้ว ขอให้ออกความพยายามเพื่อที่จะทำตามสิ่งที่ศาลตัดสินนะครับ คือถ้าไม่สามารถที่จะทำได้ก็ต้องเสียเงินเพิ่มในการจ้างทนายความอยู่ดี หรือพยายามไปพูดคุยกับทางธนาคารสิครับว่ามีแนวทางที่จะช่วยได้ไหมถ้าแบบนี้ทำไม่ได้ ผมคิดว่าการพูดคุยดีที่สุดดีกว่าการนี้หายครับก็แสดงว่าเราสนใจและอยากจะใช้หนี้อยู่

ผมว่าน่าจะสู้คดีไปก่อน หรือว่าขอทำข้อตกลงใหม่กับธนาคารขอให้เราส่งเท่าที่เราส่งไหว จริงๆ ธนาคารก็น่าจะช่วยอยู่นะ เพราะยังไงธนาคารก็อยากได้เงินจากเรามากกว่าอยู่เเล้ว เเทนที่จะยึดทรัพย์ธนาคารอยากได้ดอกเบี้ยนจากเรานานๆ มากกว่าครับ เพราะเพื่อนข้างบ้านผมก็โดนหมายศาลเเบบนี้ก็ขอประนีประนอมหนี้เอา ธนาคารก็ยอมนะครับ

ให้พยายามสร้างข้อตกลงที่เป็นไปได้ บอกกับทางธนาคารว่าตอนนี้เราสามารถทำได้แค่นี้ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า เช่นโควิดแบบนี้ทุกคนได้รับผลกระทบแน่นอน ทำให้บางครั้งทำตามที่ตกลงไว้ยาก ก็เลยสามารถส่งเรื่องขอผ่อนผัน และถ้าทำได้ลองสร้างข้อตกลงใหม่ดู อาจจะถึงศาลอีกรอบ แต่นี่ก็ทำให้ธนาคารเห็นว่าเราก็พยายามอย่างเต็มที่ และไม่ได้เมินเฉยต่อสัญญาที่ได้สัญญาไว้ค่ะ

เราเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่เหมือนกันในช่วงหลังๆเราไม่สามารถที่จะผ่อนบัตรเครดิตได้ ซึ่งตอนนี้ได้รับจดหมายจากศาล ทำให้เราเครียดมากไม่รู้จะทำอย่างไรและ ไม่รู้จะไปปรึกษากับใครได้ ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลดีๆที่ช่วยให้เราเข้าใจว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อเราจะได้เตรียมตัวหาทางประนีประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ โดยที่ไม่ทำให้ตัวเราเองต้องลำบากได้

ก่อนไปทำสัญญายอมความในชั้นศาลคุณได้วางแผนไว้ก่อนมั้ยว่าจะทำข้อตกลงอย่างไรบ้าง อุตส่าห์ไปถึงที่นั่นแล้ว พอกลับมา บอกทำตามนั้นไม่ได้ อ้าว! แล้วจะให้ว่ายังไง คุณไปทำข้อตกลงเองนะเนี่ย เอาเถอะค่ะ อย่าให้ถึงกับต้องโดนยึดทรัพย์เลย พยายามหาเงินส่งคืนให้ได้ตามที่ทำข้อตกลงกับเค้าไว้ดีกว่า อีกไม่นานเรื่องก็จบแล้วล่ะค่ะ

แบบนี้ก็เท่ากับว่าเรายอมให้เขาดำเนินอะไรกับเราก็ได้เลยครับ เพราะว่าเราเป็นคนที่เป็นฝ่ายผิดสัญญา เองครับ แต่ผมว่าถ้าได้มีการพูดคุยในชั้นศาล ผมว่า เราน่าจะเลือกสิ่งที่เราทำได้มากกว่าครับ อย่างเช่นถ้าเราไม่สามารถที่จำชำระหนี้ได้ ก็ขอให้ศาล อายัดเงินเดือนเราส่วนหนึ่งก็ได้ครับ แบบนี้ผมว่าเป็นทางออกนะครับ รายได้อาจจะลดลงแต่ไม่มีปัญหาระยะยาวแน่ครับ

ดูจากคอมเม้นท์ต่าๆที่เข้ามาแล้ว ถ้าไปทำสัญญายอมความในชั้นศาลแล้วไม่ปฏิบัติตาม จะมีความวุ่นวายตามมาอีกมากนะครับ ก่อนจะไปทำสัญญายิมความต้องตรวจสอบและพิจารณาหลายอย่างมากๆ เพื่อความแน่ใจว่าจะทำตามที่ตกลงต่อหน้าศาลไว้ได้ กว่าจะมาถึงขั้นตอนที่มาทำสัญญายอมความในชั้นศาลต้องผ่านขั้นตอน อะไรมาก่อนเหรอครับ มีใครรู้บ้าง

ขนาดไปขอเจรจามาแล้วแต่ก็ไม่สามารถจ่ายได้ตามที่คุยกันเอาไว้ ตอนนี้ก็ไม่น่าจะมีทางออกอะไรเหลือให้คุณแล้วล่ะครับ นอกเสียจากคุณต้องยอมรับสภาพการเป็นหนี้ ยังไงก็พยายามหามาจ่ายให้ได้เถอะครับ คิดว่าจากที่เคยจ่ายตอนนี้อาจจะเหลือไม่มากเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะ หาวิธีตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปก่อนน่าจะดีกว่านะครับ

แบบนี้จะจะเจราขอเขาให้ปรับโครงสร้างหนี้ของเราน่าจะดีกว่านะ เพราะการปรับโครงสร้างหนี้ มันช่วยการยืดหรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพื่อช่วยให้ภาระการผ่อนชำระหนี้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง เช่น มีหนี้หนึ่งก้อนที่ใช้เวลาผ่อน 10 ปี ผ่อนมาแล้ว 7 ปี เหลืออีก 3 ปี แต่เริ่มผ่อนไม่ไหว จึงขอยืดระยะเวลาการผ่อนให้ยาวออกไป เพื่อทำให้ยอดผ่อนชำระต่อเดือนลดลง

แล้วเราไปขอศาลใหม่ไม่ได้เหรอคะ หมายถึงขอทำข้อตกลงใหม่อะค่ะ หรือว่าไปคุยกับทางเจ้าหนี้เองเลย เพราะว่าเรื่องมันจบที่ศาลไปแล้วแต่เราอยากไปขอปรับเปลี่ยนนิดหน่อย เราไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้ แต่ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไง เพราะว่าตอนที่ไปศาลกับตอนทีต้องมาทำงานหาเงินจ่ายหนี้ จริงๆอาจหาเงินไม่ทันน่ะค่ะ