ผู้ที่จะสมัครประกันเอไอเอ ตลอดชีพ ชำระเบี้ยประกันภัย 20 ปี (ไม่มีเงินปันผล) จะต้องมีอายุเท่าไหร่ขึ้นไป

@เมษา ผมก็เคยสงสัยเหมือนเจ้าของกระทู้นะครับ พอมาอ่านคอมเม้นท์ของคุณทำให้ผมเห็นภาพชัดเจนว่าควรเลือกซื้อประกันแบบไหนดี คำตอบก็คือ ซื้อแยกต่างหากจะได้รับความคุ้มครองดีกว่า..ใช่มั้ยครับ ถ้าอย่างนั้นสัญญาเพิ่มเติมที่ผมควรซื้อจะเป็นอะไรดี เป็นพวกเงินชดเชยรายได้เมื่อต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจะดีมั้ยครับ?

ผมว่านะการซื้อประกันเอไอเอ ตลอดชีพ ชำระเบี้ยประกันภัย 20 ปี (ไม่มีเงินปันผล) เป็นเพียงการซื้อประกันหลักเพื่อที่เราจะได้ซื้อสัญญาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพได้น่ะครับ ทีนี้ก็แล้วแต่ความต้องการของผู้เอาประกันภัยละว่าอยากได้รับความคุ้มครองเรื่องอะไรบ้าง คุณก็ซื้อสัญญาเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นได้เลย

บริษัทประกันเอไอเอเขาเปลี่ยนแล้วครับ ซื้อประกันชีวิตไม่ต้องตรวจสุขภาพละ แต่จะมีถามเรื่องสุขภาพในอดีตบ้าง เคยเจ็บป่วยหนักหรือได้รับการผ่าตัดอะไรมาก่อนมั้ย ประมาณนั้นน่ะครับ แต่ถ้าจะซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติมคงมีการสอบถามอย่างละเอียดหน่อย เป็นธรรมดาครับเพราะไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาภายหลัง ดีแล้วครับที่สนใจทำประกัน

เขาขอตอบสั้นๆเลยนะ ตอบแบบตรงคำถามไปก่อนเลยนะคะ ก็คือประกัน AIA ตลอดชีพ ชำระเบี้ย 20 ปี ไม่มีเงินปันผล แบบแผนนี้ที่จขกทถามถึง ตอบสั้นๆเลยก็คือ ให้ความคุ้มครองชีวิตอย่างเดียวเลยค่ะ ความต้องการของคนที่จะซื้อประกันนี้ก็คือ อยากสร้างมรดกให้กับครอบครัว หรือมีเงินชดเชยให้ครอบครัวเมื่อคุณเสียชีวิต ไม่มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีใดๆทั้งสิ้น

น่าจะตอบโจทย์นะครับ เพราะประกันที่คุณถามถึงมันคุ้มครองแค่ชีวิตอย่างเดียว แล้วไม่มีเงินปันผลให้ด้วย เน้นสร้างมรดกหรือเงินชดเชยให้ครอบครัวเมื่อเราเสียชีวิตครับ แต่ถ้าอยากซื้อความคุ้มครองสุขภาพเพิ่มเป็นสัญญาเพิ่มเติมอันนี้ก็ได้อยู่ ถ้าเป็นประกันอันนี้ตัวเดียวคุ้มครองแค่ชีวิตนะครับ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นผมอยากให้คุณเลือกซื้อประกันชีวิตที่มีเงินปันผลหรือไม่ก็เงินคืนให้ดีกว่า

ถ้าพ่อกับแม่ มีประกันชีวิต ผลประโยชน์ก็จะตกอยู่ที่ลูกๆนั่นแหละครับ ตัวจขกท. เองก็จะได้รับเงินชดเชย ถ้าเกิดเรื่องร้ายร้ายคือพ่อแม่เสียชีวิต อย่างประกันของ AIA ตัวนี้ ผลประโยชน์ของประกันก็คือชัดเจนในคำว่าสำหรับคนในครอบครัว ตัวผู้เอาประกันเองจะไม่ค่อยได้อะไรหรอก เพราะประกันชีวิตที่ผู้เอาประกันเองจะได้ผลประโยชน์ก็น่าจะเป็นแบบมีเงินปันผล แล้วแต่ว่าชอบผลประโยชน์แบบไหน

ต้อมเทีบเรื่องการคุ้มครองกับเจ้าอื่นในบ้านของเราดูครับว่ามันคล้ายกันไหม เพราะจะบอกว่าดีหรือไม่ดี ก็ไม่กล้าฟันธงลงไปหรอกครับ บางครั้งประกันนะดีครับ แต่พอเราจะเคลมก็จะไปมีปัญหากับคนที่รับเคลมมากกว่าครับ ไม่ค่อยอยากให้เราเคลมเท่าไร ยิ่งเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณีด้วยแล้ว ประกันมักจะเรื่องมาก ถามเยอะมาก

ถ้าประกันสุขภาพนั้นให้ความคุ้มครองเรื่องค่ากายภาพบำบัดด้วย ค่าเบี้ยประกันคงจะแพงมากเลยนะครับ เพราะการทำกายภาพบำบัดต้องใช้เวลาและทำอย่างต่อเนื่องด้วย ไม่รู้ว่าประกันสุขภาพที่เจ้าของกระทู้ถามมาให้ความคุ้มครองเรื่องค่ากายภาพบำบัดด้วยหรือเปล่านะครับ คุ้มครองก็ดี แต่ถ้าไม่ต้องใช้สิทธิ์นั้นจะดีกว่ามากนะครับ

เข้าใจครับว่าต้องการทราบข้อมูลก่อน ก็ดีที่มาถามคนที่รู้เอาไว้ จะได้ไปเตรียมตัวในภายหลังได้ ถึงยังไงเรื่องพวกนี้ สักวันก็ต้องเกิดขึ้นแม้ว่าไม่มีใครอยากให้มันเกิดก็ตาม แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆอาจตกใจหรือลืมไปแล้วว่าต้องเตรียมเอกสารหรือต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ผู้รับผลประโยชน์ติดต่อกับตัวแทนประกันของผู้เอาประกันภัยเลยครับ

จากคำถามของเจ้าของกระทู้ที่ถามมาว่า "พระภิกษุสงฆ์สามารถที่จะสมัครใช้บริการ สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพวงเงินแน่นอน เมืองไทยประกันชีวิต ได้ไหม?" ถ้าพระภิกษุสงฆ์สามารถทำประกันชีวิตได้ การทำสัญญาเพิ่มเติมก็ไม่น่าจะมีปัญหานะครับ พระภิกษุก็เจ็บป่วยได้เหมือนกัน ว่าแต่ปกติ มีหน่วยงานที่ช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้พระภิกษุสงฆ์ั้มั้ยครับ

แล้วเจ้าของกระทู้ไปทำประกันสุขภาพได้มั้ยคะเนี่ย เท่าที่อ่านจากโพสต์ของคุณ การผ่าตัดครั้งนั้นสิ่งที่เจอเป็นเนื้องอกธรรมดา เราว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรมากนะคะ ยิ่งการผ่าตัดครั้งนั้นมันนานมาแล้วยิ่งไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ลองคุยกับตัวแทนประกันของคุณก่อนค่ะ เห็นถามเรื่องประกันสุขภาพมา เดาว่าคุณมีประกันชีวิตอยู่แล้วใช่มั้ย

ประสบอุบัติเหตุจนต้องทำศัลยกรรมหน้า คงเป็นอุบัติเหตุที่หนักมาก คุณหมอบอกว่าต้องทำศัลยกรรมเลยเหรอครับ ตอนนี้ลูกของเจ้าของกระทู้เป็นยังไงบ้าง สุขภาพโดยรวมน่ะครับ แล้วในที่สุดต้องทำศัลยกรรมหน้าจริงๆมั้ยครับลูกของคุณน่ะ ยังไงขอให้ดูแลสุขภาพให้ดีกันทั้งครอบครัวนะครับ หวังว่าจะเบิกเงินจากประกันของลูกคุณได้นะครับ