บางคนบอกว่าประกันเอไอเอ ไลฟ์ โพรเทคเตอร์ 80 (ไม่มีเงินปันผล) ให้เงินคืนด้วย ตกลงมีเงินคืนหรือเปล่าแล้วมันคือเงินอะไร

ดีครับที่เจ้าของกระทู้คิดถึงอนาคตจึงวางแผนจะทำประกันชีวิต เรื่องทำประกันชีวิตเนี่ยผมเห็นด้วยนะ แต่ว่าประกันเอไอเอ ไลฟ์ โพรเทคเตอร์ 80 (ไม่มีเงินปันผล) ต้องส่งค่าเบี้ยประกันภัยนานมากนะครับ ถึงจะได้เงินคืนมาบ้างระหว่างทางก่อนครบกำหนดสัญญา แต่ผมว่าคุณลองดูประกันชีวิตฉบับอื่นที่มีเงินปันผลน่าจะเหมาะกับคุณมากกว่านะครับ

ไม่ใช่แค่ประกันเอไอเอ ไลฟ์ โพรเทคเตอร์ 80 (ไม่มีเงินปันผล) เท่านั้นนะครับที่เมื่อคุณซื้อประกันฉบับนี้ก็สามารถซื้อประกันเพิ่มเติมที่เป็นการจ่ายเงินชดเชยขณะที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้ ประกันชีวิตอื่นๆสามารถซื้อประกันเพิ่มเติมได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ควรดูเรื่องระยะเวลาในการจ่ายและค่าเบี้ยประกันที่เราต้องจ่ายด้วยครับ

อ่านจากกระทู้แล้วรู้สึกว่าเจ้าของกระทู้สนใจประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองระยะยาวๆนะคะ ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่ได้มีแค่ประกันเอไอเอ ไลฟ์ โพรเทคเตอร์ 80 (ไม่มีเงินปันผล) หรอกค่ะที่ให้ความคุ้มครองแบบยาวๆ ฉบับอื่นก็มีค่อยๆลองหาดูนะคะ ไม่ต่้องจ่ายค่าเบี้ยประกันนานๆเหมือนกับตัวนี้ด้วย บางฉบับจ่ายแค่ 20 ปีก็คุ้มครองยาวมากกก

@พงษ์ศักดิ์ แหม!เปรียบเทียบซะเห็นภาพเลยนะคะ ประกันเอไอเอ ไลฟ์ โพรเทคเตอร์ 80 (ไม่มีเงินปันผล) เป็นประกันที่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันนานมากๆจริงๆน่ะแหละ เราก็ไม่ไหวเหมือนกัน เจ้าของกระทู้เขาใจกล้าจริงๆ จะทำประกันชีวิตฉบับแรกก็สนใจประกันที่มีสัญญาระยะยาวมากซะแล้ว แต่หลังจากที่ได้อ่านหลายๆคอมเม้นท์ไม่รู้จะเปลี่ยนใจหรือเปล่านะ

บางคนชอบประกันชีวิตแบบที่มีเงินปันผล บางคนชอบประกันชีวิตแบบที่ไม่มีเงินปันผล ความแตกต่างของประกันชีวิตทั้งสองแบบนี้คงไม่ใช่แค่เรื่องเงินปันผลใช่มั้ยครับ มันมีความแตกต่างเรื่องอะไรอีกบ้าง พอจะมีใครทราบและบอกผมให้เข้าใจได้มั้ยครับ ส่วนประกันที่เจ้าของกระทู้ถามมาผมชอบว่าดีทั้งสองแบบเลยครับ คนอื่นว่ายังไง..

ทำไมเจ้าของกระทู้ไม่อยากถามหัวหน้าที่ทำงานเกี่ยวกับประกันเอไอเอ ไลฟ์ โพรเทคเตอร์ 80 (ไม่มีเงินปันผล) ล่ะครับ อาชีพเสริมของเขาคือการขายประกันเหรอ กลัวเขาขายประกันนี้ให้เหรอครับ ผมถามดูเฉยๆนะ คุณบอกว่าเขาเป็นคนแนะนำ เขาน่าจะรู้ข้อมูลและรายละเอียดของประกันฉบับนี้อยู่แล้ว ถ้าคุณถามเขาเลยจะได้คำตอบทันทีนะครับ

เพิ่งอายุ 42 ปีเอง เจ้าของกระทู้มีปัญหาเรื่องสายตาและหูแล้วเหรอคะ เรื่องทำประกันชีวิตก็เรื่องนึงนะ ส่วนเรื่องการไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเราคิดว่าเจ้าของกระทู้ต้องรีบไปโดยด่วนค่ะ ตัวคุณเองเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายแล้ว จริงๆก็ดีนะคะ คุณจะได้ไปพบคุณหมอเฉพาะทางได้เลย รีบไปนะคะ

แค่ใบเสร็จรับเงินหาย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ เจ้าของกระทู้ไปขอจากที่โรงพยาบาลใหม่ได้เลย ขอแล้วรีบไปดำเนินการขอรับเงินคืน หมายถึงรับเงินค่ารักษาพยาบาลคืนจากบริษัทประกันที่คุณไปทำไว้น่ะครับ แต่ตอนนี้คงเดินเรื่อง ยื่นเอกสารเสร็จแล้วมั้ง ปล่อยไว้นานๆก็ไม่ดีนะเรื่องเงินๆทองๆเนี่ย จัดการให้จบเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีครับ

ที่เจ้าของกระทู้ถามมาเนี่ย เป็นกรมธรรม์ของตัวเองหรือว่าของใครคะ เรื่องอายุของผู้ถือกรรมธรม์ ตัวคนที่เป็นผู้ถือกรมธรรม์ต้องระบุอายุของตัวเองไม่ใช่เหรอ ตอนที่จะซื้อกรมธรรม์น่ะ หรือถ้าเป็นคนอื่นซื้อให้ ก่อนจะซื้อต้องทำให้แน่ใจว่าจะกรอกข้อมูลส่วนตัวของคนๆนั้นถูกต้องหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาในภายหลัง

ก็ต้องดูก่อนอะว่าที่คุณเข้าไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาล จากอาการปวดเข่า ปวดหลัง หรือปวดเอว อันเนื่องมาจากสาเหตุอะไร เกิดอุบัติเหตุมั้ยหรือว่าเป็นอาการจากทางร่างกายหรือโรคที่คุณมีอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้เข้ารับการรักษาเพราะเกิดอุบัติเหตุ ต่อให้คุณมีประกันอุบัติเหตุ บริษัทประกันเขาไม่จ่ายค่าสินไหมหรือค่ารักษาให้หรอกค่ะ

ถ้าประกันสุขภาพนั้นให้ความคุ้มครองเรื่องค่ากายภาพบำบัดด้วย ค่าเบี้ยประกันคงจะแพงมากเลยนะครับ เพราะการทำกายภาพบำบัดต้องใช้เวลาและทำอย่างต่อเนื่องด้วย ไม่รู้ว่าประกันสุขภาพที่เจ้าของกระทู้ถามมาให้ความคุ้มครองเรื่องค่ากายภาพบำบัดด้วยหรือเปล่านะครับ คุ้มครองก็ดี แต่ถ้าไม่ต้องใช้สิทธิ์นั้นจะดีกว่ามากนะครับ

เรื่องการลงชื่อผูรับผลประโยชน์จากเงินกรมธรรม์ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะครับ เมื่อก่อนผมคิดว่า ใส่ชื่อคนที่บ้านน่ะแหละ คนในครอบครัวน่ะ ใครก็ได้ แต่ถ้าผู้รับผลประโยชน์เป็นลูกของผู้ถือกรมธรรม์เอง ต้องคิดเยอะกว่านั้นมากจริงๆ ยิ่งลูกอายุยังน้อย ยิ่งต้องคิดว่าจะทำยังไงให้ลูกได้ใช้เงินจากประกันชีวิตของเรา ไม่ใช่คนอื่นเอาไปใช้