มีสิทธิประโยชน์อะไรบ้างที่เราจะได้รับจาก ประกัน 5 โรคร้าย "ไม่เคลม..มีคืน"ของซิกน่าประกันภัย

@เฟริ มันก็ต้องแล้วแต่ความต้องการของแต่ละคนนะครับผมว่า ก็ถ้าคนนั้นอยากจะได้เงินก้อนเงินออมก็ทำประกันชีวิตระยะสั้นที่จะได้เงินคืนสิ้นสุดสัญญาเป็นก้อนใหญ่ แต่คนที่ทำประกัน 5 โรคร้ายไม่เคลมมีเงินคืนเนี่ย คือคนที่ต้องการความคุ้มครองเรื่องสุขภาพโรคร้ายค่ารักษาพยาบาลมันก็คนละอย่างกันนะครับ ซึ่งผมว่าก็ดีกว่าจ่ายเบี้ยทิ้ง ก็คือไม่ป่วยไม่ได้เคลมก็ได้เงินคืนด้วย

@tiny ที่ผมเองทำประกันตัวนี้จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ เสี่ยงเหมือนกันนะ คือคนในครอบครัวก็ไม่ได้มีประวัติการเจ็บป่วยเป็นโรคร้าย แต่ก็เห็นด้วยอย่างที่คุณบอกเดี๋ยวนี้พฤติกรรมการใช้ชีวิตอาหารการกินหรืออากาศก็มีผลต่อสุขภาพ ก็เลยทำประกันตัวนี้ไปก่อนถ้าไม่ป่วยก็ได้เงินคืนก็คิดแบบนี้ครับตอนที่สมัคร ก็สมัครไม่ยากนะครับ

@Emily ยินดีค่ะ มีอะไรดีๆ รู้อะไรดีๆ มีประโยชน์ก็บอกต่อกันไปนะคะ ถ้าคุณได้ประโยชน์ดิฉันก็ดีใจมากค่ะ ดิฉันไปอ่านข้อมูลมาค่ะ ในเว็บไซต์ Money duck นี้นี่แหละ ไม่ใช่ที่ไหนไกลเลย มีประกันมาแนะนำเยอะอยู่นะ แบบที่เหมาะกับคนแต่ละวัย ยังไงลองเข้าไปหาอ่านดูสิคะ อันนี้แนะนำเพิ่มค่ะ เผื่ออยากรู้เรื่องอื่นๆกันอีกอ่านะ

@กล้วยน้ำว้า ขอขำด้วยคนนะครับคือไม่ได้ขำที่ว่าเขาไม่รู้เงื่อนไขนะอันนั้นก็น่าขำอยู่ก็จริง แต่ว่ามันจะทันไหมล่ะครับที่มาถามหาเอาเงื่อนไขความคุ้มครองตอนที่เข้าโรงพยาบาลไปแล้ว สรุปผมว่าตอนนี้คงได้จ่ายเงินเองแล้วล่ะมั้งถ้าเกิดว่าคุณไม่ได้ทำประกันอุบัติเหตุไว้เพราะว่าประกันตัวนี้น่าจะไม่ได้คุ้มครองนั่นแหละ อย่าหาทำ

@เฟริ ใช้นะคะไม่ได้มีเงินคืนให้ทุกปีสำหรับประกันโรคร้าย ไม่เคลม มีเงินคืน ตัวนี้จะคืนเงินให้ทุกๆ 2 ปีเมื่อไม่ได้มีการเคลมประกัน จริงๆไม่จำเป็นว่าต้องเหมาะกับคนที่มีความเสี่ยงเป็นโรคร้ายก็ได้นะ คนที่กังวลกลัวว่าถ้าเป็นขึ้นมาจะไม่มีเงินรักษาแบบไม่ได้เสี่ยงมากก็ทำได้เพราะอย่างน้อยทุก 2 ปีถ้าไม่ได้เคลมก็ได้เงินคืนก็คุ้มนะคะ

@สาวน้อยประแป้ง จขกทเขาลงไปคนนึงแล้วนะครับ ว่าคนอื่นๆไม่ต้องงงตามเขาก็ได้ มันก็ไม่แปลกหรอกครับบางคนอาจจะไม่ได้สนใจชื่อของแบบแผนประกันมากก็เลยไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลยจริงๆว่าความคุ้มครองเป็นยังไง แต่ตอนนี้คงจะรู้ไปแล้วล่ะครับ แบบแผนประกันนี้ก็เหมาะกับคนที่ไม่เสี่ยงโรคร้ายเหมือนกันนะ ยังไงก็ไม่ถือว่าจ่ายเบี้ยทิ้งอ่ะ

เพิ่งอายุ 42 ปีเอง เจ้าของกระทู้มีปัญหาเรื่องสายตาและหูแล้วเหรอคะ เรื่องทำประกันชีวิตก็เรื่องนึงนะ ส่วนเรื่องการไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเราคิดว่าเจ้าของกระทู้ต้องรีบไปโดยด่วนค่ะ ตัวคุณเองเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายแล้ว จริงๆก็ดีนะคะ คุณจะได้ไปพบคุณหมอเฉพาะทางได้เลย รีบไปนะคะ

ถ้าประกันสุขภาพนั้นให้ความคุ้มครองเรื่องค่ากายภาพบำบัดด้วย ค่าเบี้ยประกันคงจะแพงมากเลยนะครับ เพราะการทำกายภาพบำบัดต้องใช้เวลาและทำอย่างต่อเนื่องด้วย ไม่รู้ว่าประกันสุขภาพที่เจ้าของกระทู้ถามมาให้ความคุ้มครองเรื่องค่ากายภาพบำบัดด้วยหรือเปล่านะครับ คุ้มครองก็ดี แต่ถ้าไม่ต้องใช้สิทธิ์นั้นจะดีกว่ามากนะครับ

ต้อมเทีบเรื่องการคุ้มครองกับเจ้าอื่นในบ้านของเราดูครับว่ามันคล้ายกันไหม เพราะจะบอกว่าดีหรือไม่ดี ก็ไม่กล้าฟันธงลงไปหรอกครับ บางครั้งประกันนะดีครับ แต่พอเราจะเคลมก็จะไปมีปัญหากับคนที่รับเคลมมากกว่าครับ ไม่ค่อยอยากให้เราเคลมเท่าไร ยิ่งเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณีด้วยแล้ว ประกันมักจะเรื่องมาก ถามเยอะมาก

ก็ต้องดูก่อนอะว่าที่คุณเข้าไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาล จากอาการปวดเข่า ปวดหลัง หรือปวดเอว อันเนื่องมาจากสาเหตุอะไร เกิดอุบัติเหตุมั้ยหรือว่าเป็นอาการจากทางร่างกายหรือโรคที่คุณมีอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้เข้ารับการรักษาเพราะเกิดอุบัติเหตุ ต่อให้คุณมีประกันอุบัติเหตุ บริษัทประกันเขาไม่จ่ายค่าสินไหมหรือค่ารักษาให้หรอกค่ะ

เข้าใจครับว่าต้องการทราบข้อมูลก่อน ก็ดีที่มาถามคนที่รู้เอาไว้ จะได้ไปเตรียมตัวในภายหลังได้ ถึงยังไงเรื่องพวกนี้ สักวันก็ต้องเกิดขึ้นแม้ว่าไม่มีใครอยากให้มันเกิดก็ตาม แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆอาจตกใจหรือลืมไปแล้วว่าต้องเตรียมเอกสารหรือต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ผู้รับผลประโยชน์ติดต่อกับตัวแทนประกันของผู้เอาประกันภัยเลยครับ

เรื่องการลงชื่อผูรับผลประโยชน์จากเงินกรมธรรม์ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะครับ เมื่อก่อนผมคิดว่า ใส่ชื่อคนที่บ้านน่ะแหละ คนในครอบครัวน่ะ ใครก็ได้ แต่ถ้าผู้รับผลประโยชน์เป็นลูกของผู้ถือกรมธรรม์เอง ต้องคิดเยอะกว่านั้นมากจริงๆ ยิ่งลูกอายุยังน้อย ยิ่งต้องคิดว่าจะทำยังไงให้ลูกได้ใช้เงินจากประกันชีวิตของเรา ไม่ใช่คนอื่นเอาไปใช้