อุบัติเหตุที่เกิดภายในบ้านสามารถได้รับการคุ้มครองไหมคะ สำหรับโครงการเมืองไทยวัยเก๋า หายห่วง (เพื่อผู้สูงอายุ) เมืองไทยประกันชีวิต

ประกันสุขภาพส่วนใหญ่แล้ว จะจ่ายเบี้ยเท่ากับอายุของเราครับ แต่ ประกันส่วนใหญ่จะเพิ่มค่าเบี้ยประกันของเราทุกๆ5ปีครับ ไม่ได้เปลี่ยนปีต่อปีครับ เราต้องเข้าใจนะครับว่าทำไมเขามีการปรับเรื่องค่าเบี้ยประกัน สาเหตุมาจากเรื่องของความเสี่ยงครับ คนที่อายุมากๆย่อมมีควาเสี่ยงเข้ามาครับ โดยเฉพาะ โครงการวัยเก๋า จะเห็นความเสี่ยงที่ชัดเจนครับ

เรื่องการสำรองจ่ายมักจะเจอเวลาที่เข้ารักษาตัวของ โรงพยาบาลของรัฐครับ มักต้องจ่ายออกไปก่อนครับแล้วค่อยขอเคลมหลังจากออกโรงพยาบาลครับ ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยกังวลเรื่องการสำรองจ่ายนะครับ เพราะยังไงท้ายที่สุดแล้ว ประกันก็ต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้เราอยู่ดีครับ แต่แค่เราต้องรอเท่านั้นเองครับ ซึ่งอาจจะใช้เวลา 7-10 วันครับ ในการเคลมประกัน

อยากอธิบายเรื่องการชดชเยรายได้ครับ ประกันไม่ได้จ่านตามเงินเดือนที่เราได้ครับ แต่เขาจะจ่ายตามแผนการคุ้มครองที่เราเลือกซื้อครับ อย่าง ถ้าเป็ฯแผนการคุ้มครอง ที่1 ของ วัยเก๋าตัวนี้ คนสูงจะได้รับเงินชดเชยกรณีรักษาตัวในโรงพยาบาล จะได้รับเงินชดเชยที่วันละ500 บาทครับ ซึ่งถ้าเป็นแผนการคุ้มครองอื่นๆก็จะจ่ายเบอะกว่านี้ครับ

ใช่ครับเรื่องการแถลงการ เรื่องสุขภาพของประกันเราต้องกรอกตามความเป็นจริงนะครับ โดยเฉพาะเรื่อง ของโรคที่เราเคยได้รับการรักษามาก่อ่นที่ประซื้อประกันนะครับ เหตุผลก็เพราะว่าถ้าเราป่วยด้วยโรคเดิมแล้วเราไม่แจ้งเขาก่อน การคุ้มครองทั้งหมดที่ประกันแจ้งว่าจะคุ้มครองจะต้องถูกยกเลิกทันทีครับ นั้นแสดงว่าเราต้องจ่ายเองทั้งหมดครับ

เด่นๆเลยที่เกี่ยวกับประกันตัวนี้ เราว่าน่าจะเป็นเรื่องของการคุ้มครองการเกิดอุบัติเหตุ สำหรับผู้สูงอายุคะ เพราะถ้าเป็นประกันแบบทั่วไป จะคุ้มครองประสบอุบัติทางรถ หรือการโดยสารเป็นส่วนใหญ่คะ แต่โครงการวัยเก๋วชา ตัวนี้ให้การคุ้มครองที่มากกว่าคะ อย่างเช่น อยู่บ้านเดินเข้าห้องน้ำหกล้ม ก็สามารถเข้ารับการรักษาได้คะ

@ฟ้าใส จริงด้วยค่ะเห็นด้วย ไม่เสียหายเลยถ้าจะโทรไปถามกับบริษัทประกันเพื่อขอคำปรึกษา สอบถามเงื่อนไขของประกันตัวนี้เขาก็ยินดีที่จะบอกนะคะ ก็ยินดีที่จะแนะนำ เราเองก็ต้องเปิดใจให้กว้างแล้วก็ให้ข้อมูลกับเขาบ้าง บริษัทประกันเขาถึงจะแนะนำหรือตอบคำถามเราได้ดีกว่าถ้าเขารู้สถานการณ์ของเรา อย่างเช่นอายุของผู้เอาประกันอาชีพรายได้แล้วก็ประวัติการรักษาค่ะ เคยโทรไปถามมาแล้วเหมือนกัน

เข้าใจครับว่าต้องการทราบข้อมูลก่อน ก็ดีที่มาถามคนที่รู้เอาไว้ จะได้ไปเตรียมตัวในภายหลังได้ ถึงยังไงเรื่องพวกนี้ สักวันก็ต้องเกิดขึ้นแม้ว่าไม่มีใครอยากให้มันเกิดก็ตาม แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆอาจตกใจหรือลืมไปแล้วว่าต้องเตรียมเอกสารหรือต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ผู้รับผลประโยชน์ติดต่อกับตัวแทนประกันของผู้เอาประกันภัยเลยครับ

ก็ต้องดูก่อนอะว่าที่คุณเข้าไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาล จากอาการปวดเข่า ปวดหลัง หรือปวดเอว อันเนื่องมาจากสาเหตุอะไร เกิดอุบัติเหตุมั้ยหรือว่าเป็นอาการจากทางร่างกายหรือโรคที่คุณมีอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้เข้ารับการรักษาเพราะเกิดอุบัติเหตุ ต่อให้คุณมีประกันอุบัติเหตุ บริษัทประกันเขาไม่จ่ายค่าสินไหมหรือค่ารักษาให้หรอกค่ะ

เพิ่งอายุ 42 ปีเอง เจ้าของกระทู้มีปัญหาเรื่องสายตาและหูแล้วเหรอคะ เรื่องทำประกันชีวิตก็เรื่องนึงนะ ส่วนเรื่องการไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเราคิดว่าเจ้าของกระทู้ต้องรีบไปโดยด่วนค่ะ ตัวคุณเองเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายแล้ว จริงๆก็ดีนะคะ คุณจะได้ไปพบคุณหมอเฉพาะทางได้เลย รีบไปนะคะ

เปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันชีวิตของเราเอง ติดต่อตัวแทนแล้วเปลี่ยนได้เลยมั้ยอะคะ หรือว่าต้องทำอะไรอีก ปกติเราต้องแจ้งผู้รับผลประโยชน์คนเก่ามั้ยว่าเราเปลี่ยนผู้รับประโยชน์แล้ว จะได้ไม่มีปัญหามาทวงความเป็นผู้รับผลประโยชน์กัน มาถึงตอนนี้ เรื่องการเปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์จากกรมธรรม์ของเจ้าของกระทู้เรียบร้อยแล้วมั้ยคะ

ที่เจ้าของกระทู้ถามมาเนี่ย เป็นกรมธรรม์ของตัวเองหรือว่าของใครคะ เรื่องอายุของผู้ถือกรรมธรม์ ตัวคนที่เป็นผู้ถือกรมธรรม์ต้องระบุอายุของตัวเองไม่ใช่เหรอ ตอนที่จะซื้อกรมธรรม์น่ะ หรือถ้าเป็นคนอื่นซื้อให้ ก่อนจะซื้อต้องทำให้แน่ใจว่าจะกรอกข้อมูลส่วนตัวของคนๆนั้นถูกต้องหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาในภายหลัง

การซื้อประกันให้แฟนเป็นเรื่องที่ดีครับ แต่ต้องซื้อประกันชีวิตก่อนหรือเปล่า คุณลองไปดูรายละเอียดเรื่องความคุ้มครองให้ดีก่อนนะ ว่าคุ้มครองเรื่องอะไรบ้าง ถ้าอยากให้แฟนได้รับการรักษาที่ดี ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันต่อปีแพงหน่อย อาจต้องมีเงินสำรองไว้จ่ายค่ารักษาพยาบาลหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เป็นส่วนเกินจากที่ประกันจ่ายให้ด้วยนะครับ