แผนโอปอล 1 เอ็ทน่าประกันภัย ให้การคุ้มครองครอบคลุมในเรื่องอะไรบ้างคะ ทั้งในด้านสุขภาพ และประกันภัย

ก็ต้องกันอยู่แล้วคะ ถ้าการคุ้มครองไม่ต่างกันเขาก็เอาออกมาแค่แผนการคุ้มครองเดียวก็พอแล้วนะคะ เรื่องที่ต่างคือ วงเงินคุ้มครองคะ อย่างแผนการคุ้มครอง แผน1 ก็จะน้อยกว่า แผน 2และ3 ส่วนถ้าเลือกการคุ้มครองแผน2 วงเงินคุ้มครองก็จะน้อยกว่า แผน3แต่มากกว่าแผน1คะ ส่วนเลือกแผนที่3 การคุ้มครองวงเงินก็จะมากกว่าของ2แผนที่ว่ามาคะ

กรณีที่เสียค่ารถ โรงพยาบาล น่าจะเกิดมาจาดการขอไปรักษาตัวต่อกับโรงพยาบาลที่เราสามารถเบิกค่ารักษาได้หรือเปล่าครับ เพราะถ้าส่วนใหญ่ เพื่อนก็จะโทร 1669 อยู่แล้วใช่ไหมครับ การคุ้มครองส่วนนี้เขาให้เรา1พันบาทครับ ก็น่าสนใจอยู่นะครับ เพราะว่าถ้าเป็นเรียกรถพยาบาลก็จะต้องจ่ายเงินค่อนข้างมากนะครับดีแล้วครับที่เขาช่วยเรื่องนี้ด้วย

ถ้าต้องการคุ้มครองโรคมะเร็งด้วย อันนี้ต้องไปซื้อการคุ้มครองมะเร็งเอาครับ แต่ถ้าจะซื้อการคุ้มครองมะเร็งเพิ่มเติมก็ต้องดูเรื่องการคุ้มครองให้ดีนะครับ เพราะว่ามีหลายอย่างที่เขาคุ้มครอง บางเจ้าจ่ายเป็นเงินก้อนแล้วก็จบครับ หรือบางเจ้ามีค่ารักษาให้แล้วก็มีค่าเคมีบำบัดให้ด้วยครับ เลือกได้ตามที่ต้องการเลยครับ

เรื่องของวงเงินในการรักษา ประกันโอปอล แผนการคุัมครองทั้ง3แผย เขามีวงเงินคุ้มครองตัวหลักที่เขาจ่ายให้เราตลอดทั้งปีครับ ดังนั้นถ้าเราเข้ารีบการรักษาแล้วต้องการเคลมประกัน เขาจะคิดเราตามจริงเลยครับ ถ้าเราให้วงเงินคุ้มครองหมดไว สัญญาการคุ้มครองของเราก็จบลงครับ อาจจะต้องมีซื้อบางตัวเก็บเอาไว้อีกนะครับเพื่อคุ้มครองต่อเนื่อง

ถ้าคุ้มครองเรื่องเจ็บป่วยทั่วๆน่าจะได้นะครับแต่ถ้าเป็นโควิด-19 ถึงจะคุ้มครองแต่ผมว่าก็ไม่น่าจะพอค่ารักษาหลอกครับ ยิ่งต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนด้วยแล้วครับ ผมว่าไม่ทันได้รักษาหายหลอกครับ เราต้องกลายเป็นลูกหนี้ของธนาคารแน่นอนครับ เอาว่าถ้าเป็นโควิด เราไปใช้สิทธ 30บาทหรือว่าประกันสังคม มันน่าจะดีกว่านะครับ

ประกันสุขภาพ โอปอลตัวนนี้ถ้าอยากได้รับการคุ้มครองในเรื่อวของ อุบัติเหตุด้วย ก็ต้องซื้อเป็นตัวสัญญาเพิ่มเติมเอาครับ ถ้าซื้อซื้อในประกันสุขภาพตัวนี้เลยการคุ้มครองอาจจะได้ไม่มากนะครับ ถ้าอยากได้การคุ้มครองในเรื่องการรักษา อาจต้องมาซื้อข้างนอกเพิ่มเอานะครับ จริงยิ่งเรามีประกันอุบัติเหตุหลายๆตัว ก็ดีนะครับ

เรื่องการลงชื่อผูรับผลประโยชน์จากเงินกรมธรรม์ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะครับ เมื่อก่อนผมคิดว่า ใส่ชื่อคนที่บ้านน่ะแหละ คนในครอบครัวน่ะ ใครก็ได้ แต่ถ้าผู้รับผลประโยชน์เป็นลูกของผู้ถือกรมธรรม์เอง ต้องคิดเยอะกว่านั้นมากจริงๆ ยิ่งลูกอายุยังน้อย ยิ่งต้องคิดว่าจะทำยังไงให้ลูกได้ใช้เงินจากประกันชีวิตของเรา ไม่ใช่คนอื่นเอาไปใช้

แค่ใบเสร็จรับเงินหาย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ เจ้าของกระทู้ไปขอจากที่โรงพยาบาลใหม่ได้เลย ขอแล้วรีบไปดำเนินการขอรับเงินคืน หมายถึงรับเงินค่ารักษาพยาบาลคืนจากบริษัทประกันที่คุณไปทำไว้น่ะครับ แต่ตอนนี้คงเดินเรื่อง ยื่นเอกสารเสร็จแล้วมั้ง ปล่อยไว้นานๆก็ไม่ดีนะเรื่องเงินๆทองๆเนี่ย จัดการให้จบเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีครับ

ยังไม่ทันได้ซื้อเลยแต่คิดถึงเรื่องการยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิตซะแล้ว ทำไมล่ะครับ ค่าเบี้ยประกันชีวิตที่เจ้าของกระทู้อยากซื้อมันแพงเลยกังวลเรื่องการชำระเงินเหรอครับ ถ้ามันแพงมากจริงๆ ลองดูตัวอื่นก่อนแล้วค่อยตัดสินใจซื้อก็ได้ ถ้าซื้อประกันชีวิตแล้วก็อยากให้คุณได้ใช้มันจริงๆ คือต้องส่งค่าเบี้ยประกันให้ครบตามสัญญาน่ะครับ

ก็ต้องดูก่อนอะว่าที่คุณเข้าไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาล จากอาการปวดเข่า ปวดหลัง หรือปวดเอว อันเนื่องมาจากสาเหตุอะไร เกิดอุบัติเหตุมั้ยหรือว่าเป็นอาการจากทางร่างกายหรือโรคที่คุณมีอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้เข้ารับการรักษาเพราะเกิดอุบัติเหตุ ต่อให้คุณมีประกันอุบัติเหตุ บริษัทประกันเขาไม่จ่ายค่าสินไหมหรือค่ารักษาให้หรอกค่ะ

เปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันชีวิตของเราเอง ติดต่อตัวแทนแล้วเปลี่ยนได้เลยมั้ยอะคะ หรือว่าต้องทำอะไรอีก ปกติเราต้องแจ้งผู้รับผลประโยชน์คนเก่ามั้ยว่าเราเปลี่ยนผู้รับประโยชน์แล้ว จะได้ไม่มีปัญหามาทวงความเป็นผู้รับผลประโยชน์กัน มาถึงตอนนี้ เรื่องการเปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์จากกรมธรรม์ของเจ้าของกระทู้เรียบร้อยแล้วมั้ยคะ

ประสบอุบัติเหตุจนต้องทำศัลยกรรมหน้า คงเป็นอุบัติเหตุที่หนักมาก คุณหมอบอกว่าต้องทำศัลยกรรมเลยเหรอครับ ตอนนี้ลูกของเจ้าของกระทู้เป็นยังไงบ้าง สุขภาพโดยรวมน่ะครับ แล้วในที่สุดต้องทำศัลยกรรมหน้าจริงๆมั้ยครับลูกของคุณน่ะ ยังไงขอให้ดูแลสุขภาพให้ดีกันทั้งครอบครัวนะครับ หวังว่าจะเบิกเงินจากประกันของลูกคุณได้นะครับ