เปิดสำนักงานทนายความทำยังไง

ผมคิดว่าก่อนจะเปิดสำนักงานควรหาประสบการณ์​ด้วยการฝึกงานที่สำนักงานอื่นก่อน ให้มีความชำนาน และประเมิน​ตัวเองว่ามีความสามารถ​ในการสู้คดี สามารถ​พลิกแพลง หรือมีไหวพริบ​ขนาดไหน มีความกล้าหาญ หรือแม้แต่ความ​สามา​รถ​รับมือ​กับ​ลูกความ​ของตัวเองได้ดีแค่ไหน ถ้ามั่นใจแล้วก็ไปสอบให้ได้ตั๋วทนายมา ก็เปิดสำนักได้แล้ว

จากประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ เริ่มต้นก่อนที่ดิฉันจะเปิดสำนักงาน ดิฉันหาประสบการณ์​ด้วยการฝึกงานที่สำนักงานของรุ่นพี่ที่รู้จักก่อน หาประสบการณ์ เรียนรู้ปัญหา และประเมินความสามารถ​ของตัวเอง ดูว่าเรามีจุดแข็งตรงไหน ละจุดอ่อนที่ต้องแก้ไขยังไง เสร็จแล้วก็นำความรู้มาเปิดสำนักงานเอง แรกๆก็หาลูกค้ายากหน่อยเพราะไม่มีใครรู้จัก แต่อดทนทำมา ตอนนี้ก็ถือว่างานเยอะพอตัวเลยค่ะ

จบนิติศาสตร์มาแต่มาขอปรึกษาเรื่องการเปิดสำนักงานทนายความของตัวเอง ผมว่ามันฟังดูแล้วแปลกๆนะครับ คนจบจบนิติศาสตร์มาแต่ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยเหรอ จะเปิดแถวไหนเหรอครับ คือผมจะได้แนะนำคนแถวนั้นได้ครับ ว่าอย่าไปหาคุณเลย เพราะอะไรนะเหรอ แค่เรื่องเปิดสำนักทนายความยังไม่มีความรู้ ผมว่าจบแล้วละครับ ชีวิตคุณงานไม่เดินแน่ครับแบบนี้

ถ้าคุณมีประสบการณ์ในการทำงานทนายความกับสำนักงานทนายความอื่นๆมาแล้วคุณก็น่าจะพอรู้ขั้นตอนและวิธีการเพื่อที่จะเปิดสำนักงานทนายความของตัวเองนั้นการเริ่มต้นเปิดธุรกิจของตัวเองต้องมีการวางแผนอย่างดี และต้องอาศัยประสบการณ์ในการทำงานมาก่อนด้วย เพื่อที่คุณจะมีตัวอย่าง และแน่นอนว่าอะไรที่เกี่ยวกับกฎหมายก็ต้องมีใบรับรองที่ชัดเจนแน่นอนดังนั้นการเปิดสำนักงานทนายความต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดนะคะ

เด็กที่จะหัดเดินก่อนคลานเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอกครับก็มีแต่จะล้มแล้วก็เจ็บตัว ดังนั้นคิดว่าต้องหาประสบการณ์จากการทำงานในสายด้านนี้ก่อนที่จะสามารถเปิดสำนักงานทนายความได้ แต่ถ้ามีประสบการณ์แล้ว กษัตริย์พม่าที่จะเปิดสำนักงานทนายความได้โดยการขอหนังสือรับรอง เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายของสำนักงานทนายด้วยครับ

มีอยู่ 2 อาชีพค่ะที่เราเห็นว่าเป็นแล้วรวยแน่ๆก็คืออาชีพหมอ แล้วก็อาชีพทนาย ซึ่งทั้งสองอาชีพมีข้อเรียกร้องอย่างหนึ่งก่อนที่เราจะทำงานด้านนี้ได้ก็คือการเรียนค่ะ แล้วต้องเรียนจบหลักสูตรทนาย ต้องมีใบประกอบวิชาชีพถึงจะสามารถเปิดสำนักงานทนายความได้ แล้วก็ต้องได้รับความไว้ใจก็มีชื่อเสียงที่ดีด้วยนะคะ ต้องว่าความจริงรู้เรื่องกฎหมายอย่างดี

ถ้าคุณต้องไปสอบและต้องขอจดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความจากสภาทนายความก่อนครับ เสร็จแล้วก็สมัครทำงานที่สำนักงานอื่นเพื่อหาประสบการณ์แล้วค่อยไปทำเรื่องใช้บ้านเป็นสำนักงาน เพราะถ้าคุณไม่มีใบอนุญาตและประสบการณ์มาก่อนการเปิดสำนักงานก็เป็นเรื่องยากนะครับ แต่ถ้ามีใบอนุญาตแต่ไม่มีประสบการณ์คุณอาจไม่มีใครจ้างเป็นทนายความด้วยนะครับ

อั้ยยะ! คุณ Kitty ชื่อฟรุ้งฟริ้งแต่แอบโหดนะค้า เจ้าของกระทู้คงกังวลเรื่องการทำกิจการมั้งคะเลยเข้ามาถามความคิดเห็นของคนอื่นๆดู เรื่องสำนักงานทนายความก็ไกลตัวเราซะเหลือเกิน คือ ที่เข้ามาเนี่ย มาอ่านเฉยๆน่ะจริงๆ จะให้แนะนำอะไรก็ไม่มีความรู้เลย คนที่มีความรู้ มีข้อมูลเค้าแนะนำกันไปละ เราเห็นด้วยนะที่ให้หาประสบการณ์ก่อนมาทำเองน่ะค่ะ

ความคิดเห็นแบบนี้ ไม่ได้มีประโยชน์กับคนที่ขอแนะนำเลย เสียเวลาพิมพ์มาซะยาวเพื่อดูแคลนคนที่ต้องการคำแนะนำ คุณมีการศึกษารึเปล่าครับ อิอิ

ผมก็เคยมีความคิดจะเปิดสำนักงานทนายเหมือนกันครับ / แต่ได้หยุดกลางคัน เนื่องจากแถวบ้านผมมีสำนักงานทนายความปิดป้ายอย่างดี เลยเข้าไปเยี่ยมชมพูดคุย ถามสารทุกข์สุกดิบ ปรากฎว่าจากที่สอบถามไม่ค่อยมีคนเข้า ส่วนใหญ่เป็นคดีมาจากบอกปากต่อปากมาทางที่รู้จักทนายส่วนตัว แต่เดินมาที่สำนักงานตรงๆเพื่อทำคดี แทบไม่มีเลย / ผมเลยเกิดความคิดว่าทำไมเราถึงจะเอาเงินมาจมกับหน้าร้าน ในเมื่อสมัยนี้ เป็นโลกดิจิตอล ยุคโซเชี่ยล ซึ่งไม่ต้อง มีหน้าร้านก็ประกอบธุรกิจได้เหมือนกัน หลังจากที่คิดได้ก็แปลงเฟสบุ๊คเป็นสำนักงานทนายความฯของเรา และไล่ตอบปัญหากฎหมายตามเฟสต่างๆ เพื่อให้เรามีตัวตนบนโลกอิเตอร์เน็ต - ซึ่งปรากฎว่าก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆพอได้อยู่นะครับ ไม่ต้องเสียเงินไปกับเปิดหน้าร้านออฟไลน์เลยสักบาท ใช้คอมที่บ้าน ปรินเตอร์เป็นเครื่องมือสำนักงาน ใช้ห้องนอนเราเป็นสำนักงาน ใช้เฟสเป็นสื่อฯที่แสดงให้คนรู้จัก ฯลฯ ลองดูครับท่าน ไว้เมื่องานเริ่มเข้าที่เข้าทาง งานเยอะๆทำไม่่ไหว ค่อยมาเปิดสำนักงานหาทนายมาช่วยเสริมก็ยังไม่สายครับ

คุณ kitty ผมเป็นทนายความเหมือนกัน ทำมาเกือบ 3 ปีละ อยากเป็นสำนักงานเหมือนกันครับ แต่ของแบบนี้น่ะ ในหลักสูตรไม่ได้มีการสอนหรอกนะครับ การทำไม่ใช่เรื่องง่าย มันมีเงื่อนไขหลายอย่าง มันจะคุ้มค่ากับการเปิดมั้ยก็ไม่รู้ งานที่ผมได้มามีแต่แบบปากต่อปากทั้งนั้น เลยคิดว่าจะใช้บ้านตัวเองไปจดทะเบียนสำนักงานกับสภาฯ น่ะ แต่มันก็ติดปัญหาอีกว่าถ้าจะรับงานธนาคารน่ะ เขาจะต้องมีสำนักงานเป็นกิจลักษณะมั้ย รึว่าใช้สำนักงานที่เป็นบ้านได้เลย บางทีถามทนายความคนอื่นก็ไม่ยอมตอบอีก กลัวเราจะไปแข่งกับเขา

คุณ Pathanin ครับ ผมอยู่เพชรบูรณ์เหมือนกัน ถ้ายังไงสามารถติดต่อกันได้นะครับ เป็นทนายความเหมือนกัน ช่วยๆ กันจะดีกว่า

ด้วยความเคารพนะครับ ขออนุญาตแนะนำว่า ท่านลองหาประสบการณ์ก่อนดีกว่าครับ เปิด สนง. ทนายความ บางทีก็เป็นดาบสองคม ท่านทำคดีชนะ ชื่อเสียงท่านก็ไปไกล แต่ถ้าท่านพลาด ชื่อเสียงท่านก็ไปไกลเช่นกัน ท่านย่อมรู้ที่สุดว่า ท่านมีข้อดี ข้อด้อย ตรงไหน และจะปรับปรุงอย่างไรบ้าง ถ้าท่านมั่นใจ ท่านก็เปิดตัวได้เลยครับ ขอให้โชคดีครับ

@เล็ก แต่ว่าทั้ง 2 อาชีพ ทั้งหมอแล้วก็ทนายความ ก็เป็นอาชีพที่เครียดมากนะครับ แล้วก็เหนื่อยมากๆด้วย ผมไม่ได้เป็น หมอแล้วก็ไม่ได้เป็นทนายนะแต่ว่าเท่าที่เห็นเท่าที่รู้มา ก็คือต้องทุ่มเททำงานใช้เวลาในการทำงานมากกว่าอาชีพอื่นๆ เราก็ต้องเก่งมากๆด้วยนะถ้าจะเรียนทางด้านนี้ ผมเคยฝันอยากจะเป็นหมอนะแต่ว่า ยอมแพ้ครับ

ทั้งสองอาชีพนี้ถือว่าเป็นอาชีพที่ช่วยเหลือคนจริงๆ เรานับถือจริงๆนะสำหรับคนที่ทำงานแบบนี้ เรียนก็เหนื่อยพอแล้ว ไม่ได้เรียนง่ายเหมือนกับชาวบ้านเขา กว่าจะจบก็ตั้งหลายปี ไม่ง่ายจริงๆ ยังไงก็อดทนแล้วก็ลองหาลู่ทางดูนะคะจขกท เราก็ไม่ได้เรียนมาทางนี้แล้วก็ไม่ได้มีความรู้อะไร แต่อยากจะเข้ามาให้กำลังใจเท่านั้นค่ะ

ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็มีความยากและง่ายไม่เหมือนกัน ที่สำคัญทุกอาชีพอาศัยประสบการณ์ทั้งนั้นค่ะ เข้ามาอ่านกระทู้นี้ในตอนนี้ไม่รู้ว่าเจ้าของกระทู้ได้เปิดสำนักงานทนายความหรือยัง เป็นยังไงบ้างคะ เห็นมีคอมเมนต์นึงที่บอกว่าใช้สื่อออนไลน์ในการติดต่อกับคนอื่นซึ่งได้ผลดีโดยที่ไม่ต้องเปิดสำนักงานจริงๆ ก็น่าสนใจเหมือนกันนะคะ

คุณช่วยธุรกิจของครอบครัวมาได้ 3 ปีแล้ว(ตอนที่มาโพสต์ไว้)มีเงินเก็บเกือบ 500,000 บาท ซึ่งคุณก็บอกเองว่ากิจการไปได้ดี ผมก็ว่าดีนะครับ ถ้าคุณมาเปิดสำนักงานทนายความ ใครจะช่วยธุรกิจของครอบครัวล่ะ หรือว่าก็เป็นคุณเองน่ะแหละ ทำควบกันไปน่าจะเหนื่อยอยู่นะ ว่าแต่ตอนนี้คุณได้เปิดสำนักงานทนายความหรือยัง เป็นไงบ้างครับ

เจ้าของกระทู้เรียนจบนิติศาสตร์หรือบริหารธุรกิจมาครับ เห็นบอกว่าคุณช่วยธุรกิจของครอบครัวมาได้ 3 ปี กิจการไปได้ดี และตอนนี้ก็มีเงินเก็บเกือบ 500,000 บาท คุณดูแลธุรกิจดีจริงๆน่ะแหละ ตอนนนี้ไปเปิดสำนักงานทนาบความหรือยังครับ ถ้าจะต้องใช้เงินทั้งหมด 500,000 บาท มันก็จะเสี่ยงไปมั้ย น่าจะมีเงินสำรองเอาไว้บ้างนะครับ