บัตรกรุงไทย
บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “KTC”) ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต ตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อบุคคล (Personal Loan) ธุรกิจบริการรับชำระค่าสาธารณูปโภค ผู้ให้บริการชำระเงินภายใต้การกำกับ โดยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2539 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่ 50 ล้านบาท และได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ภายใต้ชื่อ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2545 ต่อมาในวันที่ 9 กันยายน 2545 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทได้มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 950 ล้านบาท โดยให้บริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (“ธนาคาร”) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 44 ล้านหุ้น และขายให้กับประชาชนทั่วไปจำนวน 51 ล้านหุ้น ทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนรวม 1,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 100 ล้านหุ้น และในวันที่ 28 ตุลาคม 2545 บริษัทได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
กลยุทธ์ของบริษัทตั้งอยู่บนฐานลูกค้า (Membership) ที่ได้สร้างขึ้น โดยมีบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อบุคคลเป็นผลิตภัณฑ์หลักในการสร้างฐานสมาชิกและสร้างผลกำไรให้บริษัท นอกจากนั้นยังมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ มาเพิ่มเติมต่อยอดให้บริษัทสามารถสร้างสรรค์งานที่เข้าถึงความต้องการของสมาชิกเพื่อสนับสนุนให้บริษัทรักษาฐานสมาชิกให้ยั่งยืน สำหรับปี 2561 บริษัทมีจำนวนบัญชีรวมประมาณ 3.3 ล้านบัญชี แบ่งเป็น บัตรเครดิต 2,387,659 บัตร และ KTC CASH 951,882 บัญชี
5
Pasut
อัตราดอกเบี้ยก็ขึ้นอยู่กับจำนวนวงเงินที่เรากู้ค่ะถ้ายิ่งเรากู้มากดอกเบี้ยก็จะน้อยลงซึ่งดอกเบี้ยที่น้อยที่สุดก็จะอยู่ที่ 21% ต่อปีแต่ตอนนี้ต้องมียอดเงินกู้ตั้งแต่ 300,000 บาทขึ้นไปค่ะซึ่งกรณีนี้เป็นกรณีเลือกระยะเวลาแบ่งชำระที่ธนาคารกำหนดให้คือ 6,12และ15 เดือน แต่ถ้ากรณีที่เราเลือกระยะเวลาแบ่งชำระเองดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 22% ต่อปีในอัตราเงินกู้เท่ากันค่ะ
มะนาว
กู้เยอะๆสิคะถึงจะได้รับดอกถูก แต่ก็อยู่ที่จำนวนการเลือกระยะเวลาการผ่อนชำระด้วยนะคะ จะได้อัตราดอกเบี้ย 22 เปอร์เซ็นต์ต่อปีก็เมื่อเลือกผ่อนชำระระยะสั้นค่ะ ถ้าเลือกผ่อนระยะยาวจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ 23 เปอร์เซ็นต์ต่อปี คนที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ในส่วนนี้ได้ก็จำเป็นต้องมีเงินที่ได้รับการอนุมัติให้กู้มากกว่า 3แสน บาทขึ้นไป
แมว
จริงๆแล้วทำบัตรกดเงินสดออกมาแนะนำเราให้ ใช้บริการกู้เงินเยอะๆก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ยเยอะไปด้วย แต่ต้องดูดีๆนะคะ ยิ่งเรากู้เงินมากเท่าไหร่อัตราดอกเบี้ยที่เราจะต้องจ่ายถึงแม้ว่าจะน้อย แต่เราก็ต้องผ่อนชำระนานไปด้วยนั่นเอง ถ้าไม่จําเป็นจริงๆก็แนะนำเลยค่ะว่าอย่าไปเสียดอกเบี้ยให้กับเขา ด้วยการกู้เงินออกมาใช้ดีกว่า
Milk_ky
ก็อยากจะกู้เยอะๆอยู่นั่นแหละ แต่ถ้าใครรายได้น้อยจะได้วงเงินกู้เยอะมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ งั้นดอกเบี้ยจะสูงหรือจะต่ำนอกจากขึ้นอยู่กับวงเงินกู้ที่เราได้แล้วก็ขึ้นอยู่กับเงินเดือนหรือรายได้ของเราด้วยนะ ว่าแต่ว่าถ้าจะได้วงเงินกู้ 3 แสนขึ้นไปเนี่ยต้องมีรายได้กี่บาทต่อเดือนคะ ที่คุณ @มะนาว ยกตัวอย่างขึ้นมาพอจะรู้ไหมคะ?
Tanin41
ผมเข้าใจว่า ปกติเวลาขออนุมัติวงเงินบัตรกดเงินสดเขาดูที่รายได้ของผู้สมัครว่าได้เดือนละเท่าไหร่ก็จะประเมินให้ตามเท่าที่จะอนุมัติได้ เห็นเจ้าของกระทู้บอกว่าถ้าขอวงเงินบัตรกดเงินสดพร้อมใช้ KTC PROUD เยอะจะจ่ายดอกเบี้ยถูกกว่าวงเงินน้อยๆ ผมเลยงงๆน่ะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคนที่ขอวงเงินน้อยก็จ่ายดอกเบี้ยแพงสิครับ