การทำบัญชีรายรับรายจ่ายตั้แต่เรียนอยู่จำเป็นมากไหม?

ความจริงมันมีเหตุผลที่อธิบายได้อย่างง่ายๆ โดยใช้สมการที่ใครๆ ก็รู้จัก ดังนี้   P = E x P/E ราคา = พื้นฐาน x อารมณ์ตลาด   แปลว่าราคาของหุ้นจะขึ้นได้ขึ้นอยู่กับ E หรือ earning per share (กำไรสุทธิต่อหุ้น) ซึ่งเป็นตัวแทนของพื้นฐาน และ P/E หรือ price per earning ratio ซึ่งเป็นตัวแทนของอารมณ์ตลาด ดังนั้น หุ้นที่มีแนวโน้มที่ E จะสูงขึ้น หรือ P/E จะสูงขึ้น ย่อมเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มที่ราคาหรือ price จะสูงขึ้นในอนาคตด้วยเช่นกัน ในด้านการลงทุน นักลงทุนควรที่จะสามารถคาดการณ์การเติบโตของ E ได้อย่างค่อนข้างจะแม่นยำ และคาดการณ์การเคลื่อนไหวของ P/E ได้อย่างคร่าวๆ ได้

การเติบโตของ E ขึ้นอยู่กับกิจการเป็นหลัก นักลงทุนสามารถคาดการณ์ได้จากหลากหลายวิธี เช่น หุ้นสนามบินดูจากจำนวนนักท่องเที่ยว หุ้นค้าปลีกดูจากการบริโภคภายในประเทศ หุ้นขุดเจาะน้ำมันดูจากราคาน้ำมัน หุ้นสื่อสารดูจากส่วนแบ่งการตลาดและค่าบริการต่อหมายเลข เป็นต้น   การเคลื่อนไหวของ P/E คาดการณ์ได้จากความนิยม โดยนักลงทุนควรจะมองออกว่าหุ้นกลุ่มไหนจะได้รับความนิยมจากตลาด ซึ่งความนิยมของตลาดมักเกิดในช่วงที่หุ้นกลุ่มนั้นมีการเติบโตอย่างร้อนแรง และอาจจะรักษาความนิยมนั้นไว้ได้เป็นทศวรรษ แต่ถ้านักลงทุนไม่มั่นใจที่จะคาดการณ์อารมณ์ของตลาดก็สามารถคาดการณ์จากพื้นฐานบริษัทเองซึ่งผมเคยแนะนำไว้ในบทความเรื่อง การประเมินมูลค่าอย่างง่ายสำหรับผู้เริ่มต้นลงทุนในหุ้น

ตอนที่ผมเรียนอยู่ก็เป็นเหมือนน้องนี่แหละครับ พ่อกับแม่บ่นตลอกเลยครับว่าทำไมใช้เงินเยอะมากครับ ซึ่งตอนแรกผมก็ไม่ยอมรับนะครับ จนมีโอกาศได้กลับบ้านครับ แล้วบังเอิญไปเจอสมุดบัญชีที่พ่อกับแม่ใช้สำหรับโอนเงินเข้าบัญชีที่ผมใช้ครับ ผมตกใจมากว่าผมใช้เงินขนาดนี่เลยเหรอ ตั้งแต่วันนั้นผมบอกตัวเองเลยครับว่า จะไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจอีก ผมตั้งใจใช้เงินที่ท่านส่งมาให้แบบคุ้มค่าที่สุดเลยครับ

พี่คะ หนูก็เรียนอยู่คะ เมื่อก่อนหนูก็ไม่ได้เคยคิดนะคะเดี่ยวกับการทำรายรับรายจ่ายคะ ตนมาเรียนที่ กทม คะ ค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากคะ หนูก็สงสัยคะว่าเอาไปทำอะไรเยอะจัง จนลองๆทำบัญชีรายรับรายจ่ายคะ ตอนนี้หนูสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้แล้วคะ การทำรายรับรายจ่าย ช่วยเราได้ดีมากๆเลยคะ ตอนนี้หนูสามารถเก็บเงินได้ด้วยในบางเดือน