ขายของออนไลน์ต้องจ่ายภาษีระหว่างปีแบบไหนบ้าง

ครับ กรมสรรพากรกำหนดไว้ว่าคนโสดที่มีรายได้ประเภท 40(5) – 40(8) ในครึ่งปีแรกรวมกันเกิน 60,000 บาท หรือคู่สมรสรวมกันแล้วเกิน 120,000 บาท มีหน้าที่ต้องนำรายได้ 40(5) – 40(8) ที่ได้รับระหว่าง 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. ไปยื่นและเสียภาษีตามแบบ ภ.ง.ด.94 ในช่วง ก.ค. – ก.ย. ของปีเดียวกันนะครับ

จริงแล้วผู้ที่มีการวางแผนภาษีเต็มปีอยู่นั้น การวางแผนภาษีตั้งแต่ครึ่งปีไม่ได้ทำให้ภาษีโดยรวมทั้งปีลดลง แต่เป็นการบริหารค่าใช้จ่ายให้จ่ายภาษีครึ่งปีน้อยลงและรอจ่ายภาษีสิ้นปีมากขึ้น เพื่อสามารถนำเงินส่วนนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากขึ้นในช่วง 6 เดือนนี้ได้ และใครที่มียอดขายสูงกว่านี้ก็สามารถใช้สิทธิในกองทุน RMF หรือเบี้ยประกันชีวิตตั้งแต่ครึ่งปีแรก เพื่อชะลอภาษีจ่ายลงได้อีกค่ะ

ยังไงเราก็ต้องยื่นสิ้นปีอีกครั้ง เพื่อคำนวณภาษีที่แท้จริงของปีภาษีนั้นว่าเป็นจำนวนเท่าไร หากคำนวณแล้วพบว่ายังมีภาษีที่ต้องชำระเพิ่ม ก็ต้องดำเนินการชำระภายใน มี.ค. ของปีถัดจากปีภาษี แต่หากคำนวณแล้วพบว่าที่ผ่านมาภาษีหัก ณ ที่จ่าย รวมกับภาษีครึ่งปีที่ได้ชำระไปแล้วมากกว่าภาษีสิ้นปีที่คำนวณ ก็สามารถดำเนินการขอคืนภาษีส่วนต่างนั้นได้ แบบนี้ค่ะ

ใช่ค่ะ การรอคำนวณภาษีครั้งเดียวตอนสิ้นปีนั้นอาจส่งผลให้มีรายจ่ายภาษีที่สูง เช่น 20% ที่หากครึ่งปีหลังมียอดขายในจำนวนที่เท่ากับครึ่งปีแรก ก็มีโอกาสที่อัตราภาษีสิ้นปีเป็น 30% และต้องมีการเตรียมเงินไว้จ่ายภาษีสิ้นปีในจำนวนที่มากกว่าภาษีครึ่งปีถึงกว่า 1 เท่าเลย พอมีพวกเงินเดือน โบนัส มาเพิ่มยิ่งส่งผลให้ภาษี สิ้นปีนั้นเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องให้ความสำคัญไม่น้อยเลยด้วย

อีกตัวนึงที่คุณต้องศึกษาคือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับผู้ที่ยอดขายทั้งปีมีแนวโน้มเกิน 1.8 ล้านบาท จะต้องมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ และยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ.30 ภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน หากละเลยไม่จดทะเบียนภายในกำหนดมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับ 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับเลยนะค่ะ

ต้องเสียนะครับ คือปกติเราก็ต้องชำระค่าภาษีรายปีอยู่แล้ว คือเราพยายามที่จะลงทะเบียนหรือว่าเสียภาษีทุกปีนะครับ ก็อย่างน้อยเราไม่รู้ว่ามันจะเดือนเราถึงเงื่อนไขการกำหนดหรือเปล่า แต่ทางข้อมูลของสรรพากรมีข้อมูลย้อนหลังครับเขาสามารถเช็คได้และฉันไม่ได้เป็นปัญหาในภายหลังกับเรา ดังนั้นทางที่ดีไม่ว่าจะถึงหรือไม่ถึงให้แต่พยายามติดต่อและเสียภาษีทุกปีครับ

เวลาขายของออนไลน์แนะนำให้คุณเก็บบิล เก็บหลักฐานทุกอย่าง ไว้เพื่อนำมาใช้ประกอบการยื่นภาษี และต้องทำบัญชีรายรับรายจ่ายด้วยค่ะ ส่วนภาษีที่เรียกเก็บนั้น ถ้าคุณมีเรายได้สุทธิตั้งแต่ 150,000 บาท/ปีขึ้นไป ก็จะต้องจ่ายภาษีเค้าจะคิดเรทหมือนกับพนักงานออฟฟิศเลยค่ะ เเต่ถ้ารายได้ไม่ถึง 3,000 ครั้ง/ปี หรือยอดเงินรวมไม่ถึง 2,000,000 บาท ก็ไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะโดนภาษีอีเพย์เมนต์ค่ะ

อันที่จริงทุกคนที่มีรายจะต้องยื่นแบบการเสียภาษีที่กรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องถูกบังคับให้เสียภาษีทันทีนะคะ เพราะว่าการเสียภาษีจะขึ้นอยู่กับว่าคุณมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่จะต้องจ่ายหรือไม่ คุณไม่ต้องกังวล เพียงคุณเข้าพบเจ้าหน้าที่สรรพากรพร้อมเอกสารหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ขอเท่านั้น วิธีนี่จะช่วยให้คุณปลอดภัยที่จะไม่โดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังได้ค่ะ

ดีนะครับที่คุณสนใจเรื่องการเสียภาษีด้วย ถึงแม้การขายของออนไลน์จะเป็นเพียงอาชีพเสริมของคุณเท่านั้นก็ยังให้ความสำคัญโดยนำไปคำนวณภาษีด้วย ประกอบอาชีพอย่างซื่อสัตย์และพร้อมทำตามกฎหมายอย่างนี้ คุณต้องค้าขายดีแน่ๆครับ พ่อค้าแม่ค้าที่มีรายได้ดี มีลูกค้าประจำมากๆก็เพราะเค้ามีความซื่อสัตย์และความจริงใจนี่แหละครับ

เราขอเข้ามาถามเพิ่มเติมนะคะ ถ้าอย่างเราที่เป็นแม่ค้าออนไลน์ขายของบนเฟสบุ๊คแบบทั่วๆไปไม่ได้ขายดีอะไรมากแบบนี้จะต้องเสียภาษีรูปแบบไหนเหรอคะ? ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยค่ะ แล้วขายของออนไลน์ลักษณะไหนคะถึงจะมีการเสียภาษีแบบจริงจัง ใครทราบก็ขอความกรุณาเข้ามาตอบหน่อยนะคะ อยากรู้ขริงๆเพราะก็พึ่งจะเริ่มขายของออนไลน์เมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ