ต้องการเตรียมเงินทุนการศึกษาของบุตรไว้ล่วงหน้า คำนวณเงินที่ต้องใช้อย่างไร
แผนการศึกษาของลูกเป็นการลงทุนระยะยาว 20 - 24 ปีเลยทีเดียว เราจะวางแผนการเงินแต่ระดับชั้นอย่างไรดีค่ะ
เลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินอะไรดีนะ..
คุยกับที่ปรึษาทางการเงินโดยตรงและรับข้อเสนอที่เหมาะกับคุณ
รับคำปรึกษาฟรี
Thong Di
ดีแล้วค่ะที่คุณคิดเรื่องนี้แต่เนิ่นๆ หากมีเวลามากพอในการเตรียมเงินก้อนที่จะใช้ระดับอุดมศึกษาของบุตร (มากกว่า 15 ปี) ควรให้มีสัดส่วนหุ้นสามัญ หรือกองทุนรวมในหุ้น สูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น หากเวลานี้บุตรกำลังศึกษาอยู่ในระดับประถมฯ พ่อแม่ก็ควรจัดพอร์ตฯสำหรับเงินที่จะใช้ในระยะเวลาสั้น (1-3 ปีข้างหน้า) ให้มีความเสี่ยงต่ำที่สุดค่ะ
Maprang
ใช่ค่ะ วิธีนึงคือ ค่อยๆสะสมเงินให้ครบในแต่ละช่วงชั้น หากต้องการเตรียมความพร้อมให้กับลูก ต้องค่อยๆสะสมเงินให้ครบ จัดพอร์ตฯล่วงหน้าเท่าที่สามารถจะทำได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ควรทำมากเท่าไหร่ เพราะเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ต้องใช้และเก็บสะสมไปด้วย จึงมีความเสี่ยงที่จะเก็บเงินไม่ได้ตามที่ต้องการแต่ง่ายที่สุดค่ะ
Thuwanan
ถ้าคุณทำได้ ลองเตรียมเงินก้อนทั้งหมดตามที่คำนวณได้ นำไปฝากธนาคาร เพื่อไม่ให้เงินก้อนนี้หายไปไหน และมีสำหรับจ่ายค่าการศึกษาในแต่ละระดับชั้น วิธีนี้จะเหมาะกับคนที่มีเงินก้อนใหญ่ ที่กันเงินส่วนหนึ่งไว้เพื่อเป้าหมายนี้โดยเฉพาะ แต่เงินก้อนนั้นต้องผ่านการคำนวณมาอย่างถูกต้องแล้ว แบบนี้น่ะครับ
Chet
อยากแนะนำให้ เตรียมเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับการลงทุนเพื่อการศึกษา และเก็บสะสมเงินลงทุนไปด้วย วิธีนี้จะเป็นที่นิยมมาก เพราะผู้ปกครองหลายคนมีการเตรียมความพร้อมไว้บ้างแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นการเก็บสะสมเพื่ออนาคตระยะยาว จึงมีความยืดหยุ่น เหมาะกับหลายๆครอบครัวค่ะ
ถวิล
รู้มาค่ะว่า เงินที่ต้องใช้ในโรงเรียนอนุบาลของเอกชนอยู่ที่ 200,000-1,000,000 บาท ซึ่งระยะเวลาในการเตรียมเงินก้อนนี้มีไม่มากนัก 1-3 ปี ต้องห้ามนำไปเสี่ยงกับการลงทุนที่มีความผันผวนสูง เพื่อรักษาเงินต้นเอาไว้ สินทรัพย์ที่สามารถนำเงินไปลงทุนได้ เช่น บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ กองทุนรวมในตลาดเงิน หรือพันธบัตรระยะสั้นค่ะ
ธีรศักดิ์
หรือ โรงเรียนประถมฯของเอกชน 6 ปี อยู่ที่ 5 แสนบาท ถึง 2 ล้านบาท (ถ้าเป็นโรงเรียนนานาชาติจะสูงกว่านี้) พ่อแม่จะมีระยะเวลาในการเตรียมเงินก้อนนี้ 6-12 ปี สามารถนำเงินออมไปลงทุนจัดพอร์ตในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น อย่างเช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมในหุ้นที่มีนโยบายเน้นตั้งรับ หรือแม้แต่ LTF ก็ทำได้ เพราะผู้ปกครองจะได้ผลประโยชน์ทางภาษีด้วย กองทุนผสม เป็นต้น ได้ครับ
Maladee
ค่าเล่าเรียนในระดับมัธยมฯ ภาคเอกชน 6 ปี อยู่ที่ 1 ล้านบาท ถึง 2.5 ล้านบาท ระยะเวลาในการเตรียมตัวสำหรับพ่อแม่มือใหม่จะมีมากขึ้น คือ 13-17 ปี ทำให้นำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวน แต่ได้รับผลตอบแทนมากขึ้นได้ เช่น กองทุนรวมในหุ้น 65% ตราสารหนี้ 25% เงินสด 10% ซึ่งจะมีความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นเพิ่มมากขึ้นจ้า
Pu Taksin
การวางแผนการเงินเพื่อให้บุตรมีเงินเพียงพอที่จะใช้ในการศึกษาแต่ละระดับชั้น เราคงต้องมาดูว่ามีความพร้อมแค่ไหน มีทรัพย์สิน และรายรับที่จะใช้เป็นทุนการศึกษาบุตรมากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับค่าเทอมที่จะต้องจ่ายในอนาคต จากผลการสำรวจพบว่า เมื่อคำนวณค่าเทอมตามระดับการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทต่อการมีบุตร 1 คน จะพบว่ามีค่าใช้จ่ายโดยประมาณที่ราว 6 ล้านบาท
สมชัย
ต้องคิดก่อนว่าจะส่งลูกเรียนที่ไหน โรงเรียนรัฐหรือว่าเอกชน อันนี้ก็สำคัญนะครับเพราะค่าเทอมเเตกต่างกันอย่างมากครับ ผมส่งตัวเองเรียนตั้งเเต่ ม.ต้น จนถึงปริญญา เลยรู้ว่าจริงๆ เเล้วนักเรียนจ่ายค่าอะไรบ้างมากกว่าที่พ่อเเม่รู้ หรือน้อยกว่าที่พ่อเเม่บางคนรู้ 5555 พ่อแม่ไม่สามารถรู้ทุกค่าใช้จ่ายได้หรอก เเต่ลองคิดคร่าวๆ ก็ต้องลองเอาค่าเทอม+ค่าชุดนักเรียน+ค่าขนม รายปีครับ จะได้รู้ว่าควรเตรียมเงินยังไง
ศุภรารัตน์
จะใช้วิธีเตรียมเงินเป็นก้อนตั้งแต่แรกไม่ได้หรอกค่ะ นอกจากว่าคนนั้นจะมีเงินมากจริงที่เก็บในบัญชีการศึกษาลูกเลยสิบยี่สิบล้านก็ว่าไป แต่เราบุคคลธรรมดา เราต้องหาเงิน เพื่อที่จะดูแลครอบครัวและเอาเงินที่เราหาได้มาจ่ายค่าเรียนให้ลูก ดังนั้นให้คิดจากรายได้ที่พ่อแม่ได้รับแต่ละเดือน และเอามาคำนวนว่าจะแบ่งให้ลูกสำหรับค่าเรียน ค่าไปโรงเรียน เท่าไหร่ ต่อเดือน และกันเงินนั้นไว้สำหรับลูกเลย ลูกอาจจะใช้ไม่หมดในตอนนี้ แต่อนาคตเข้าจะได้ใช่แน่ และใช้เยอะขึ้นเรื่อยๆตามอายุ
สุวรรณี
โอ้โห พวกคุณคิดจะวางแผนการศึกษาให้ลูกขนาดนี้เลยเหรอ ถ้าเราทำอย่างที่คุณบอกเราคงเครียดแน่ๆ เอาเป็นว่าต้นทุนชีวิตแต่ละคนไม่เท่ากันเนอะ เราเองเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมีลูก 2 คน เราพยายามใช้ชีวิตเรียบง่าย เพราะต้องหาเลี้ยงลูกตามลำพังหาเช้ากินค่ำ เราให้ลูกเรียนโรงเรียนของรัฐใกล้บ้านจนจบมัธยมปลาย แล้วก็ต่อมหาลัยของรัฐ จโดยที่ลูกขอทุนของมหาลัย จนในที่สุดลูกก็เรียนจบ และได้ทำงานแล้ว
ไวไว..ไวโอลิน🎻🎻
คิดวางแผนเรื่องการศึกษาให้ลูกเป็นเรื่องที่ดีและถูกต้องแล้วค่ะ หลายคอมเม้นท์ก็แนะนำดีมาก คงปฏิเสธไม่ได้ว่าแต่ละคนสามารถทำได้ไม่เท่ากัน ความพยายามอย่างเต็มที่ที่สุดต่างหากที่สำคัญ ถ้าเป็นคนที่มีเงินทุนอยู่บ้างจะเอาไปทำโน่นทำนี่ก็ไม่มีปัญหา แต่คนที่ทำงานประจำหรืองานอิสระก็เป็นอีกแบบนึง หาวิธีที่เหมาะกับตัวเองนะคะ