เรื่องควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์

สภาพของมนุษย์เงินเดือน 20,000 บาท ที่มีค่าผ่อนรถและดอกเบี้ยรายเดือนอย่างต่ำก็ประมาณ 8,000 บาท คงดูไม่ดีเท่าไรแน่ๆ เงิน 8,000 บาทจะกลาย เป็นภาระที่ตามมา ทางที่ดีภาระหนี้ไม่ควรเกิน 35% ของรายได้ต่อเดือน เราจึงต้อง เช็คสถานะทางการเงินเบื้องต้นของตัวเองพร้อมที่จะดาวน์รถเท่าไหร่? มีเงินเดือนมากพอสำหรับผ่อนรถและใช้จ่ายในส่วนต่างๆหรือยัง? และสถานะของตัวเองเหมาะกับรถยนต์ราคาเท่าไหร่?

ถ้าเรารู้ความจำเป็นในการซื้อรถแล้ว เราก็สามารถเลือกรถได้ตรงตามความต้องการ เพื่อให้การใช้งานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ และช่วยสร้างความคุ้มค่าให้กับเงินที่เสียไปของเรา แค่นี้ก็สบายใจไปเปราะนึงแล้ว ดังนั้น คนที่มีเป้าหมายจะซื้อรถมาใช้ในระยะสั้น ซื้อมาขับเท่ๆแล้วใช้ไม่เต็มสมรรถนะ หรือไม่มีความจำเป็นที่จะซื้อเลย ขอให้ลองทบทวนดูใหม่ด้วยนะจ้ะ

ยังมีเรื่องค่าใช้จ่ายอีกหลายตัว ที่เกี่ยวกับรถยนต์ซึ่งจะตามมาทันทีที่เราตัดสินใจซื้อรถ เรียกได้ว่าเป็น “ค่าใช้จ่ายแฝง” ที่หลายคนมักจะมองข้ามกัน เช่น ค่าน้ำมัน , ค่าประกันภัยชั้นหนึ่ง , พรบ. และภาษีรถยนต์ , เช็คระยะ ถ่ายน้ำมันเครื่อง คร่าวๆแล้วก็ประมาณ 5,000 บาทต่อเดือน ครับ

เมื่อเวลาผ่านไปรถยนต์คันสวยสะดุดตาของเรานั้นมันก็จะทรุดโทรมลงตามสภาพการใช้งาน ยิ่งมีรุ่นใหม่ๆออกมาอย่างรวดเร็ว มูลค่าของรถคันเก่าก็มีแต่จะน้อยลงๆทุกที ซึ่งสิ่งนี้จะกลายมาเป็นค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็นและไม่ค่อยมีใครรู้จัก เรียกว่า ค่าเสื่อมราคา-รถยนต์ ครับ

ตัวอย่าง ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อรถนั้นจะคิดด้วยวิธี Flat Rate โดยคิดจากมูลค่าของเงินกู้ก้อนแรกเสมอ สมมุติ ซื้อรถ 750,000 บาท วางดาวน์ไปแแล้ว 250,000 บาท ต้องกู้เพิ่ม 500,000 บาท ธนาคารคิดดอกเบี้ย 5% ต่อปี ระยะเวลา 5 ปี เท่ากับว่าต้องเสียดอกเบี้ย 500,000 x 5% = 25,000 บาทต่อปี ก็ 125,000 บาท เท่ากับว่าเป็นหนี้ธนาคาร 625,000 บาท คิดเป็นรายปี ก็ต้องจ่ายหนี้ปีละ 125,000 บาท เดือนละ 10,000 กว่าบาท. ครับ

รถยนต์ที่จะซื้อต้องตอบสนองความต้องการจริงเช่น ถ้าอยู่ในเมืองใหญ่ๆรถยนต์คันใหญ่ๆก็คงไม่เหมาะเท่าไรหรือต้องเดินทางไกลๆเอารถยนต์คันเล็กๆมาก็ไม่ตอบโจทย์แล้วรถยนต์เอามาใช้กี่คนคนในครอบครัวมีเท่าไร นั่งหมดไหม หรือนั่งสะดวกไหม อันนี้ก็สามารถเอามาเป็นสิ่งหนึ่งที่จะเลือกรถยนต์ให้เหมะกับตัวคุณได้ ไท้ทีใครตอบได้นอกจากคุณว่าอะไรเหมาะสม

จริงแล้วหลายคนมารู้ทีหลังว่าไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ก็ได้ ดังนั้นก่อนซื้อต้อง ต้องมาพิจารณาถึงเป้าหมายในการซื้อรถอย่างชัดเจน การรู้เป้าหมายในการซื้อรถคันแรก จะทำให้เรา “รู้ตัว” ว่าความจำเป็นในการซื้อรถนั้นมีมากน้อยขนาดไหน! การทำงานของเรามีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์ไหม ? มีตัวเลือกอื่นในการเดินทางที่ดีกว่ารถยนต์ หรือไม่ ? การใช้รถยนต์ ทำให้เรามีโอกาสที่ดีขึ้นหรือไม่ ?

เพราะว่าเรื่องที่ควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์เลยก็คือเราสามารถผ่อนรถยนต์ได้จริงๆไหม ถ้าเราไม่ได้ซื้อรถยนต์ด้วยเงินสด ถ้าเก็บเงินสดซื้อได้ก็ดีค่ะ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆก็ต้องดูว่าเราสามารถผ่อนรถยนต์ไหวไหม มีเงินดาวน์ก้อนแรกเท่าไหร่ จะเอารถยนต์แบบไหนแต่คิดว่าผู้ชายการดูแลรถยนต์ไม่น่าจะมีปัญหา ถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆมีงบก็ซื้อรถยนต์คันใหม่เลยค่ะ

ควรรู้เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ตามมาในกรณีที่มีรถยนต์เป็นของตัวเองนะครับ ไม่ใช่แค่เรื่องของสินเชื่อหรือเงินที่ต้องจ่ายไปสำหรับค่าซื้อรถเท่านั้น แต่สำหรับค่าจิปาถะที่ต้องจ่ายและค่าสิ้นเปลืองที่ต้องจ่ายไปกับรถต้องคำนวณด้วยนะครับว่ารับไหวไหม เพราะไม่อย่างนั้นแล้วก็ต้องเป็นหนี้เป็นสินกับค่าที่ต้องสิ้นเปลืองไปกับส่วนของรถยนต์อีกต่างหาก

เจ้าของกระทู้บอกว่าจะต้องซื้อรถยนต์และถามว่ามีอะไรที่ต้องรู้เกี่ยวกับรถยนต์อีกมั้ย? ถ้ายังไม่รู้ข้อมูลอย่างดีเกี่ยวกับการซื้อรถแล้วทำไมคุณถึงตัดสินใจว่าจะซื้อรถแล้วล่ะคะ เสี่ยงนะเนี่ย แต่ก็ยังดีที่เข้ามาหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อน คุณคงได้อ่านและเอาไปประกอบการตัดสินใจเรียบร้อยแล้วล่ะ วางแผนการใช้รถและค่าใช้จ่ายในการใช้รถดีๆนะคะ

จะมีค่าที่น่ากลัวที่สุดคือค่าซ้อมบำรุงค่ะ แต่ก็มีทางออกค่ะ ถ้าเราพยายามค่อยดูแลรถยนต์ของเราอยู่สม่ำเสมอ มันก็จะไม่เสียเยอะจนต้องจ่ายแพงค่ะ เช็คตามระยะ มีอะไรเสียก็เปลี่ยนแค่นี้ค่ะ และอีกค่าหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือค่าประกันรถยนต์ ต้องมีนะค่ะ แต่ถ้าซื้อรถใหม่ก็ยังไม่ต้องกังวลมากเรื่องสภาพรถยนต์ แต่ควรคิดเรื่องการผ่อนดีๆนะค่ะ