แม้โลกจะเคยเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะผ่านพ้นวิกฤตการณ์เหล่านี้ไปอย่างง่ายดายและในปี 2022 ก็เริ่มมีสัญญาณฟองสบู่กลับมาอีกครั้งทำให้นักลงทุน หน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงประชาชนเริ่มมีความกังวลซึ่งเหตุการณ์วิกฤตการณ์ ฟองสบู่แตก คืออะไร ทำไมทั่วโลกถึงเสี่ยงและใครจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง พร้อมแนวทางการรับมือ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วิกฤติเศรษฐกิจ ที่นี่

ฟองสบู่แตก คืออะไร

https://img.moneyduck.com/article_attachment/1661826066-Untitled%20%284%29.png

ธรรมชาติของสบู่ (Soap) จะเป็นของเหลวที่ไม่สามารถลอยขึ้นบนอากาศได้ แต่เมื่อเริ่มมีอากาศอาศัยอยู่มากก็จะดันฟองนั้นลอยสูงขึ้น แต่เมื่อไปได้ระดับหนึ่งฟองสบู่ก็จะแตกและสิ่งที่เหลือคือความว่างเปล่า (Empty) ซึ่งเปรียบกับวิกฤติฟองสบู่ คือ ภาวะที่ทรัพย์สิน ยกตัวอย่างกลุ่มอสังหาฯ หรือหน่วยลงทุนต่าง ๆ เพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาความเป็นจริงจนเกิดอุปสงค์เทียมในการเกร็งกำไรที่ทำราคาสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ และขยายตัวเหมือนฟองสบู่และเมื่อราคาเริ่มลด (จากนักลงทุนเลิกคาดหวัง หรือรัฐบาลเริ่มออกนโยบายเพื่อดึงราคาสู่ภาวะปกติ) ภาวะฟองสบู่ก็จะหดตัวอย่างรวดเร็วทำให้เกิดฟองสบู่แตกและเกิดปัญหาหนี้สินตามมามากมาย

ทำไมทั่วโลกถึงเสี่ยง ฟองสบู่แตก

สำหรับสาเหตุหลัก ๆที่ทำให้ทั่วโลกเสี่ยงเนื่องจากฟองสบู่ในตลาดการเงินโลกเริ่มมีการสะสมมาอย่างยาวนานตลอดช่วงเวลาของการใช้มาตรการ QE กระตุ้นเศรษฐกิจทำให้สภาพคล่องล้นเกิดการไหลเข้าสู่ตลาดการเงินมากกว่าภาคการผลิตและภาคเศรษฐกิจจริงมาต่อเนื่องยาวนาน

และตลาดการเงินก็ยังไม่มีปรับฐานครั้งใหญ่ยกเว้นในปี พ.ศ. 2563 อันเป็นผลกระทบจากการล็อกดาวน์ (Lockdown) นอกจากนี้ยังมีหนี้สาธารณะของประเทศที่พัฒนาแล้ว ตลอดจนการเข้ามาเกร็งกำไรในกลุ่มตลาดคริปโตเคอร์เรนซี (Cyptocurrency) และสินทรัพย์ดิจิทัลที่ก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินโลกอย่างรุนแรงส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่าอาจจะเกิดฟองสบู่แตกในปี 2565 - 2566 แม้จะมีการออกมาตรการลด QE แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการหยุดยั้งวิกฤตครั้งนี้

ใครจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง

สิ่งที่เห็นได้ชัดจากเหตุการณ์คนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ กลุ่มนักลงทุนที่หวังเกร็งกำไรเนื่องจากมองว่าเป็นช่วงกอบโกยผลประโยชน์จากช่วงที่ราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้น โดยไม่มีความรู้มากพอซึ่งจะส่งผลเสียเมื่อกลุ่มนักลงทุนอีกฝั่งเลิกคาดหวังและเลิกลงทุนทำให้สินทรัพย์ที่ซื้อมาราคาแพงกว่าปกติและไม่สามารถขายออกได้

รวมถึงปัจจัยนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามากว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมากเป็นประวัติการณ์โดยเฉพาะ นักลงทุนชาวจีน ซึ่งหากเกิดการลงทุนถอนกลับของจะส่งผลให้ไทยเกิดฟองสบู่แตกเร็วขึ้น

โดยหากเกิดภาวะฟองสบู่เป็นเวลานาน ๆ ร่วมกับปัจจัยเงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จะส่งผลให้เงินเฟ้อสูง เศรษฐกิจชะลอตัวทำให้เกิดอัตราการว่างงานที่สูงและยังเกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม หากรัฐบาลยังปล่อยไว้ไม่มีการดำเนินการ หรือออกมาตการใด ๆ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจทำให้เศรษฐกิจล้มทั้งระบบและผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักสุด คือ กลุ่มผู้ว่างงานและกลุ่มคนจนที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้น

แนวทางการรับมือหากเกิดฟองสบู่

ต่อมาเป็นแนวทางในการเตรียมพร้อมและรับมือกับวิกฤตฟองสบู่แตกซึ่งเหมาะสำหรับประชาชนทั่วไป ดังนี้

  1. เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือไม่มีความเสี่ยง เช่น พันธบัตรรัฐบาล
  2. ควรหารายได้สำรองไว้อีกช่องทางเนื่องจากอาจมีการเลิกจ้างงาน ยกเลิกการสั่งซื้อ หยุดการผลิต หรือหยุดการซื้อขายชั่วขณะ
  3. ติดตามและอัปเดตข่าวสารทั้งการลงทุนและเศรษฐกิจเพื่อทราบทิศทางการเคลื่อนไหวและพิจารณาอย่างรอบคอบอย่าตัดสินใจขายทันที เช่น ในกลุ่มหุ้นที่เป็นการลงทุนระยะยาว
  4. ลดภาระหนี้ ผ่านการมองหาช่องทางปรับเปลี่ยนหนี้ให้ลดลง เช่น การเปลี่ยนที่อยู่อาศัยจากบ้านเดี่ยวหลังใหญ่เป็นกลุ่มคอนโดที่อยู่ใกล้การคมนาคมและสิ่งอำนวยความสะดวกเนื่องจากมีแนวโน้มในการปล่อยขายได้ง่ายกว่ากลุ่มบ้านจัดสรร
  5. กระจายความเสี่ยง โดยไม่ควรเก็บเงินไว้ที่เดียวผ่านการกระจายการลงทุน เช่น การซื้อกลุ่มคอนโดมิเนียม(ทำเลทอง)เก็บไว้เพราะหลังจากผ่านช่วงซบเซาในระยะการฟื้นตัวคอนโดฯ จะกลับมามีความต้องการสูงเนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยซึ่งเป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่มนุษย์ต้องการ
  6. ควรมีเงินสดสำรอง ไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเพื่อป้องกันหากธนาคาร หรือช่องทางการลงทุนต่าง ๆ ไม่สามารถเบิก หรือถอนเงินมาใช้ได้ชั่วคราว

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วิธีปลดหนี้นอกระบบ ที่นี่

https://img.moneyduck.com/article_attachment/1661826061-Untitled%20%285%29.png

ทั้งหมดที่กล่าวมาคงจะทราบกันไปแล้วว่า “ฟองสบู่ คืออะไร” ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวหากมีการเตรียมความพร้อมในการรับมือตั้งแต่เนิ่น ๆ ผ่านแผนการลงทุนที่ถูกต้องซึ่งหากไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้องลงทุนอย่างไรสามารถปรึกษา MoneyDuck Thailand ที่จะช่วยให้คุณผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัยและมีเงินสำรองพอใช้อย่างแน่นอน