ในยุคที่ผู้คนต่างมองหาช่องทางเพื่อสร้างรายได้ให้ตัวเองมากขึ้น การลงทุนจึงถือเป็นหนึ่งในโซลูชั่นที่สามารถเริ่มได้ตั้งแต่วัยเรียน วัยทำงาน หรือแม้แต่วัยเกษียณที่ต้องการมีเงินใช้หลังไม่ทำงานซึ่งหนึ่งในรูปแบบการลงทุนที่ฮิตกันมากก็ต้องยกให้กลุ่มหุ้น (Stock) เนื่องจากสามารถสร้างอัตราค่าตอบแทนได้ค่อนข้างดี หากลงทุนถูกจุด แต่สำหรับมือใหม่ หรือผู้เริ่มลงทุนปัญหาที่เกิดขึ้นคือการไม่เข้าใจว่าศัพท์แต่ละคำนั้นหมายถึงอะไร

MoneyDuck เลยได้รวบรวม 40 ศัพท์หุ้นยอดฮิตเอาใจนักลงทุนมือใหม่ให้เข้าใจเรื่องหุ้น (Stock) ให้มากขึ้น พร้อมการแยกประเภทคำศัพท์ให้ง่ายต่อการเข้าใจไม่ตกลงเทรนด์

ทำความรู้จักประเภทของศัพท์หุ้น

https://img.moneyduck.com/article_attachment/1664425508-Untitled.png

เริ่มกันที่การทำความรู้จักกับประเภทของคำศัพท์หุ้นซึ่งเราได้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจต่อผู้ลงทุน

  1. คำศัพท์ทั่วไป จะเป็นคำศัพท์ที่มีความจำเป็นต่อการเทรดซึ่งจะเป็นศัพท์ทางการที่ได้มาจากโปรแกรมต่าง ๆ ในบทความการวิเคราะห์ หรือการลงทุน รวมถึงสื่อต่าง ๆ
  2. คำศัพท์ฮิต ติดปาก จะเป็นศัพท์ที่เหล่าเทรดเดอร์ หรือนักลงทุนต่างนิยมนำมาพูดคุยกันในห้องแลกเปลี่ยน หรือผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย อาทิ Facebook, Line, Pantip, Tiktok, Youtube เป็นต้น

รวมศัพท์หุ้นน่ารู้ เหมาะกับมือใหม่

https://img.moneyduck.com/article_attachment/1664425503-Untitled%20%286%29.png

ถัดมาจะเป็นการรวบรวม 40 คำศัพท์หุ้นน่ารู้เกี่ยวกับมือใหม่ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้

20 คำศัพท์หุ้นทั่วไป

  1. Dividend Yield: อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล โดยการนำอัตราเงินปันผลที่บริษัทฯ ประกาศจ่ายมาคูณ 100 แล้วหารด้วยราคาหุ้นซึ่งพบว่า ยิ่งมีค่าสูงก็ยิ่งดีเพราะจะทำให้ได้รับเงินปันผลมาก
  2. Circuit Breaker: การหยุดซื้อขายเป็นการชั่วคราวซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อตลาดหุ้นมีการปรับตัวลงมากผิดปกติ โดยจะหยุดพักการซื้อขายของตลาดหุ้นเป็นเวลา 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง
  3. Blue Chip: หุ้นที่มีพื้นฐานธุรกิจดี มีความมั่นคงทางการเงิน ผลประกอบการดำเนินงานดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูงและที่สำคัญ คือ มี Market Capitalization ขนาดใหญ่ และอยู่ในดัชนี SET 50 Index
  4. Ceiling / Floor: ราคาเสนอซื้อและเสนอขายสูงสุุดต่ำสุดของหลักทรัพย์ในแต่ละวันที่สามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นสูงสุด (Ceiling) หรือลดลงต่ำสุด (Floor) ได้ไม่เกิน 30% ของราคาปิดในวันก่อนหน้า ยกเว้น
    1. การซื้อขายหุ้น IPO วันแรก : ราคาซื้อขายสูงสุดหรือต่ำสุดสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ไม่เกิน 3 เท่าของราคาเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 0.01 บาท
    2. การประกาศขึ้นเครื่องหมาย (XD, XR หรือ XA) วันแรก : ราคาซื้อขายสูงสุดหรือต่ำสุดจะคำนวณจากราคาที่หักสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากหุ้นนั้นๆ ไม่ใช่ ราคาปิดของวันก่อนหน้า
  5. ATO (At the Open): คำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ ณ ราคาเปิดตลาดโดยสามารถส่งคำสั่งซื้อขายในช่วงเวลาก่อนเปิดตลาด (Pre Open) ทั้งภาคเช้าและภาคบ่าย
  6. P/E Ratio: อัตราส่วนทางการเงินที่เทียบระหว่าง Price/Earning per share (ราคาหารด้วยกำไรสุทธิต่อหุ้น) ซึ่งเป็นตัวบอกว่า หากเราซื้อหุ้นราคาเท่านี้ ตอนนี้ เราจะได้ทุนคืนในอีกกี่ปี หากบริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรได้เท่าเดิมทุกปี
  7. Yield: อัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่ได้ใช้เพียงได้แค่หุ้นแต่ยังรวมถึงการลงทุนอื่น ๆ ที่กล่าวถึงอัตราผลตอบแทนที่เราได้รับจากการลงทุนในช่วงระยะเวลาหนึ่งหารด้วยเงินลงทุนทั้งหมดซึ่งค่าที่ได้จะเป็นหน่วยเปอร์เซ็นต์ %Yield ออกมา
  8. Capital Gain: กำไรจากการขายหลักทรัพย์ที่ได้มาจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าเกิดเป็นกำไรส่วนเกินของทุนซึ่งกำไรที่ได้จาก Capital Gain จะถูกเรียกเก็บภาษีที่ถูกกำหนดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  9. SET Index: ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งจะสะท้อนความเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมดซึ่งตัวเลขที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือลดลงในแต่ละวันเป็นเหมือนตัวชี้วัดให้นักลงทุนเห็นภาพรวมของตลาดหุ้นในวันนั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไร
  10. Bid: ราคาเสนอซื้อซึ่งจะหมายถึงฝั่งที่ยังไม่มีหุ้น หรือมีอยู่แล้วแต่ต้องการซื้อเพิ่มในราคาที่ตนเองอยากได้ หรือราคา offer ในขณะนั้น
  11. Offer: ราคาเสนอขายซึ่งผู้ลงทุนต้องมีหุ้นตัวที่ต้องการขายอยู่ในพอร์ตจึงจะสามารถตั้งราคา Offer ได้ซึ่งอาจจะตั้งขายเท่ากับราคาหุ้น ณ ขณะนั้น หรือราคาตามที่คาดหวังไว้
  12. Shortsell: การทำกำไรในช่วงที่คิดว่าหุ้นนั้นปรับตัวลงของราคาหุ้น หรือหลักทรัพย์อื่น ๆ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ขั้นสูงจึงเหมาะสำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุนที่มีประสบการณ์เท่านั้น
  13. Turnover: ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งซึ่งอาจจะรายงานปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นจำนวนหุ้น หรือจำนวนเงินก็ได้ ****
  14. Broker: นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ อาทิ BLS, AIRA, ASL, BYD, AWS, CAF, CNS, HGF, IVG, KS, LHS, MTSGF, PHILLIP, SCBS, TISCO, THANACHART, YUANTA เป็นต้น
  15. Closing Price: ราคาปิด โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำการคำนวณราคาปิดของหลักทรัพย์โดยใช้วิธีผสมผสานระหว่างการสุ่มเลือกเวลา และวิธี Call Market คือการเลือกราคาที่ทำให้เกิดการซื้อขายปริมาณที่สุด หากมากกว่า 1 ราคา ให้ใช้ราคาที่ใกล้เคียงกับราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายก่อนหน้านั้นมากที่สุด หรือราคาที่ใกล้เคียงกับราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายก่อนหน้านั้น มากกว่า 1 ราคา ให้ใช้ราคาที่สูงกว่าเป็นราคาปิด
  16. EPS (Earning per Share): กำไรต่อหุ้น หรืออัตราส่วนทางการเงินที่ใช้วิเคราะห์งบการเงินของบริษัทที่แสดงในงบกำไรขาดทุน (Income Statement) โดยจะบอกถึงผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับเป็นจำนวนเงินกี่บาทจากการถือ 1 หุ้นของบริษัท
  17. MAI Index: ดัชนีราคาหุ้นที่คำนวณด้วยหุ้นสามัญจดทะเบียนทุกหลักทรัพย์ซึ่งจะต่างจาก SET ตรงที่บริษัทฯ ที่เข้ามาจดทะเบียนส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่ไม่ใหญ่มาก
  18. Growth Stock: หุ้นเติบโตซึ่งเป็นหุ้นของบริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรสูงในปัจจุบันและคาดว่าจะสามารถหากำไรได้สูงต่อไปในอนาคต ซึ่งจะมีผลทำให้มูลค่าหุ้นนี้ในตลาดเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราที่สูงกว่าหุ้นของบริษัทอื่นๆ
  19. IPO Initial Public Offering: กิจการที่เข้าจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรกด้วยการเสนอขายหุ้น IPO แก่ประชาชนทั่วไปโดยวิธีการกระจายหุ้นในรูปแบบต่าง ๆ เช่น CHIC, CIVIL, BBGI, GlORY, JP
  20. Return On Equity (ROE): อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้นซึ่งคำนวณจาก Net Income/Equity โดยค่า ROE ยิ่งสูงยิ่งดี นักลงทุนมืออาชีพส่วนใหฯญ่จะมองหาหุ้นที่มีค่า ROE สูงกว่าร้อยละ 12 - 15 อย่างต่อเนื่องหลายๆ ปี

20 คำศัพท์หุ้นฮิต ติดปาก

ต่อมาจะเป็น 20 คำศัพท์หุ้นที่เทรดเดอร์ (Trader) หรือนักลงทุนต่างนิยมใช้พูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนระหว่างกัน และกัน ได้แก่

  1. ติดดอย: การซื้อหุ้นในราคาหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปราคาหุ้นยิ่งลดลง
  2. หลุดดอย: ราคาหุ้นที่เคยซื้อไว้ขึ้นมาเลยราคาทุน
  3. ไม้: เป็นการนับครั้งในการซื้อหุ้น
  4. ขึ้นรถ: การซื้อหุ้นทันในช่วงราคาที่หุ้นกำลังจะขึ้น
  5. ตกรถ: ราคาหุ้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ซื้อไม่ทัน
  6. ขายหมู: หลังจากที่ขายหุ้นไปแล้วพบว่าราคาหุ้นกลับสูงขึ้นกว่าเดิม
  7. ซื้อควาย: หลังจากที่ซื้อหุ้นไปแล้วพบว่าราคาตกลงกว่าเดิม
  8. หรั่ง: จะเป็นการเรียกนักลงทุนต่างชาติ หรือ NVDR นักลงทุนที่มีบทบาทมาก ๆ ในตลาดหุ้น
  9. เม่า: ใช้เรียกแทนนักลงทุนรายย่อย
  10. ลิ่ง: ราคาหุ้นขึ้นไปถึงราคา Ceiling (ราคาสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์)
  11. ฟลอร์: ราคาหุ้นลงไปถึงราคา Floor (ราคาต่ำสุดในตลาดหลักทรัพย์)
  12. เด้ง: หุ้นที่มีราคาเติบโต 100% ขึ้นไป
  13. ปอด: จะใช้แทนพอร์ตหุ้นของเรา เช่น วันนี้ปอดแดงมาก หรือปอดพังมาก
  14. ติดคุก: จะเป็นหุ้นที่ติด Cash Balance เนื่องจากมีการซื้อ-ขายที่ผิดปกติในตลาดหลักทรัพย์
  15. ถัว: เป็นการซื้อหุ้นเฉลี่ยต้นทุนโดยเฉพาะในช่วงที่วิกฤตจากราคาหุ้นในพอร์ตลดลง
  16. เจ้า: จะใช้เรียกนักลงทุนรายใหญ่ที่ซื้อขายหุ้นแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงราคามาก ๆ
  17. ทนรวย: สภาวะที่เราต้องถือหุ้นที่ขาดทุนไว้เป็นเวลา ๆ นานเพื่อรอราคากลับมาที่ต้นทุน หรือสูงกว่า
  18. วงใน: ข้อมูล Insider ที่ยังไม่ได้ถูกเผยแพร่ต้อสาธารณะซึ่งคนที่รู้จะเป็นคนวงในที่อยู่ในอุตสาหกรรม หรือบริษัทนั้น ๆ รวมถึงกลุ่มเครือญาติ
  19. กระสุน: เงินในพอร์ตหุ้นที่เหลืออยู่
  20. ปลั๊กหลุด : การหยุดการซื้อ - ขายหุ้นทั้งตลาดพร้อมกันชั่วขณะ

ทั้ง 40 คำศัพท์หุ้นที่เราได้คัดมาจะช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องการลงทุนมากขึ้น แต่อย่าลืมว่าเรื่องการลงทุนเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยทั้งความรู้และประสบการณ์ ดังนั้น การเพิ่มเติมสิ่งที่มีอยู่ให้เพิ่มขึ้นจะช่วยให้คุณมองเห็นภาพตลาดการลงทุนได้ดีกว่าซึ่งในปัจจุบันเรามีแหล่งความรู้ให้ศึกษามากมายทั้งในหนังสือและสื่อออนไลน์ต่าง ๆ หรือจะเลือกปรึกษาเรื่องการลงทุนกับ**ผู้เชี่ยวชาญอย่าง MoneyDuck! **ก็จะยิ่งช่วยประหยัดเวลา ได้ข้อมูลที่กระชับและตรงประเด็นตามความต้องการจนพร้อมลงทุน