ธนาคารออมสินเปิดตัวบริการ "สินเชื่อมีที่ มีเงิน" เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนทั่วไปในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำ โดยใช้ที่ดินเป็นหลักประกัน ซึ่งเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างหน่วยงานภาครัฐในการจัดตั้งบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด เพื่อให้บริการนี้โดยเฉพาะ วันนี้เราะพามาดูกันว่าสินเชื่อมีที่ มีเงิน มีความน่าสนใจยังไง มีคุณสมบัติผู้กู้ยังไง ไปดูกัน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สินเชื่อธุรกิจ SME แลกเงิน คืออะไร ที่นี่

สินเชื่อมีที่ มีเงิน คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร

สินเชื่อมีที่ มีเงิน คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร

บริการนี้ครอบคลุมทั้งการรับจำนอง การขายฝาก และการรีไฟแนนซ์ เริ่มต้นจากพื้นที่นำร่องในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 5 จังหวัด และมีแผนขยายไปยังหัวเมืองสำคัญทั่วประเทศภายในกลางปี 2566 โดยใช้สาขาของธนาคารออมสินเป็นจุดให้บริการหลัก วัตถุประสงค์หลักคือการช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กิจการ สนับสนุนการลงทุน และช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากการรีไฟแนนซ์หนี้เดิม

การที่ธนาคารออมสินร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ จัดตั้งบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ขึ้นมาโดยเฉพาะ สะท้อนถึงความเข้าใจในความซับซ้อนของปัญหาหนี้สินและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยมาตรการดั้งเดิมเพียงอย่างเดียว การมีหน่วยงานที่มุ่งเน้นการให้บริการนี้โดยตรง ทำให้สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น การไม่ตรวจสอบเครดิตบูโรและไม่ต้องแสดงหลักฐานรายได้ เป็นการยอมรับว่าในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ผู้ประกอบการหลายรายอาจมีประวัติเครดิตที่ไม่ดีหรือรายได้ที่ไม่แน่นอน แต่ยังมีสินทรัพย์มีมูลค่าอย่างที่ดิน การเปิดโอกาสให้ใช้ที่ดินเป็นหลักประกันโดยไม่มีเงื่อนไขอื่นมากนัก จึงเป็นการช่วยเหลือที่ตรงจุด

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินเชื่อ มีที่ มีเงิน ที่นี่

สินเชื่อมีที่ มีเงิน มีจุดเด่นยังไง

สินเชื่อมีที่ มีเงิน มีจุดเด่นยังไง

สินเชื่อนี้มีข้อเด่นคือ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นต่ำเพียง 6.99% ต่อปีในปีแรก และไม่เกิน MLR+2.85% ต่อปีในปีถัดไป นอกจากนี้ ยังมีระยะเวลาปลอดชำระเงินต้น 1 ปีแรก ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเวลาในการนำเงินไปใช้ก่อนเริ่มผ่อนชำระ

คุณสมบัติผู้กู้สินเชื่อมีที่ มีเงิน

คุณสมบัติผู้กู้สินเชื่อมีที่ มีเงิน

คุณสมบัติของผู้กู้ เปิดกว้างทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเครดิตบูโร ไม่ต้องแสดงหลักฐานรายได้ และไม่ต้องมีบุคคลค้ำประกัน ซึ่งเป็นการลดอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ที่อาจมีปัญหาด้านเครดิตหรือไม่มีบุคคลค้ำประกัน

วงเงินกู้สินเชื่อมีที่ มีเงิน

วงเงินกู้สินเชื่อมีที่ มีเงิน

วงเงินกู้สำหรับบุคคลธรรมดาสูงถึง 10 ล้านบาท และสำหรับนิติบุคคลสูงถึง 50 ล้านบาท โดยให้กู้สูงสุด 70% ของราคาประเมินที่ดินราชการ ซึ่งครอบคลุมทั้งที่ดินเปล่า ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และห้องชุด ทั่วประเทศ (ยกเว้นห้องชุดที่รับเฉพาะในกรุงเทพฯ)

การริเริ่มโครงการนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐในการแก้ปัญหาหนี้สินและลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน โดยเฉพาะการช่วยเหลือภาคธุรกิจ SMEs ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจไทย ในปี 2566 บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการได้ประมาณ 4,000-5,000 ราย สรุปคือ "สินเชื่อมีที่ มีเงิน" เป็นนวัตกรรมทางการเงินที่น่าจับตามอง เพราะไม่เพียงแต่ช่วยเหลือผู้เดือดร้อนในระยะสั้น แต่ยังมีศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานรากในระยะยาวอีกด้วย

นอกเหนือจากการช่วยเหลือด้านการเงิน โครงการ "สินเชื่อมีที่ มีเงิน" ยังแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของสถาบันการเงินภาครัฐในการตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของประชาชน โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวนสูงจากปัจจัยต่างๆ เช่น การระบาดของโรคโควิด-19 และความขัดแย้งระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ การขยายบริการไปทั่วประเทศยังแสดงให้เห็นว่าโครงการนี้ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะธุรกิจในเมืองใหญ่ แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคด้วย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการกระจายความเจริญและลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองและชนบท

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ การให้วงเงินกู้สูงถึง 70% ของราคาประเมินที่ดินราชการ ซึ่งสูงกว่าที่หลายสถาบันการเงินเสนอ แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการปลดล็อกมูลค่าที่ดินที่อาจถูก "จมอยู่" โดยไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การนำมูลค่านี้มาเป็นเงินทุนหมุนเวียนหรือการลงทุน จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมาก

ท้ายที่สุด โครงการ "สินเชื่อมีที่ มีเงิน" ไม่ได้เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเฉพาะการช่วยให้ธุรกิจ SMEs ซึ่งเป็นแหล่งจ้างงานสำคัญ สามารถยืนหยัดผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ ความสำเร็จของโครงการนี้จะไม่เพียงวัดจากยอดสินเชื่อที่ปล่อย แต่ยังดูจากจำนวนธุรกิจที่สามารถรอดพ้นวิกฤต และกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม หากสนใจสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสอบถามทีมผู้เชี่ยวชาญที่มาพร้อมความรู้ด้านการเงินและการลงทุนแบบฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่ MoneyDuck