เชื่อว่าหลายคนคงเคยอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการเงินก้อนใหญ่ ไม่ว่าจะเพื่อซื้อบ้าน ลงทุนทำธุรกิจ หรือแม้แต่จ่ายค่าเทอมลูก แต่เงินเก็บที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอ นี่แหละครับที่ทำให้เราต้องพึ่งพาสินเชื่อจากสถาบันการเงินแต่การจะได้สินเชื่อมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะครับ ธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ มักจะต้องการอะไรสักอย่างเป็น "หลักประกัน" เพื่อสร้างความมั่นใจว่าพวกเขาจะได้เงินคืนแน่นอน แม้ว่าผู้กู้จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ก็ตาม วันนี้เรามาคุยกันเรื่องการค้ำประกันสินเชื่อกันนะ ถ้าใครกำลังคิดจะขอสินเชื่อ แต่ยังไม่รู้ว่าใช้อะไรค้ำสินเชื่อได้บ้าง บทความนี้มีคำตอบครับ

การค้ำประกัน คืออะไร

การค้ำประกัน คืออะไร

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า "การค้ำประกัน" คืออะไร การค้ำประกันก็คือการที่เรานำสิ่งของมีค่าหรือบุคคลมาเป็นหลักประกันว่าเราจะชำระหนี้คืนธนาคารตามกำหนดนั่นเอง ซึ่งถ้าเกิดเราไม่สามารถชำระหนี้ได้ ธนาคารก็มีสิทธิ์ยึดสิ่งของที่เราใช้ค้ำประกันไว้ หรือเรียกเก็บเงินจากผู้ค้ำประกันแทนเราได้

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน กับ มีหลักประกัน ที่นี่

10 ทรัพย์ใกล้ตัว ใช้อะไรค้ำสินเชื่อได้บ้าง

10 ทรัพย์ใกล้ตัว ใช้อะไรค้ำสินเชื่อได้บ้าง

ไม่ว่าคุณจะต้องการเงินก้อนเพื่อซื้อบ้าน ลงทุนธุรกิจ หรือใช้จ่ายฉุกเฉิน การมีหลักประกันที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อ และอาจได้เงื่อนไขที่ดีกว่าด้วย ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับหลักประกันประเภทต่างๆ ที่สามารถใช้ค้ำสินเชื่อได้ พร้อมข้อควรพิจารณาในการเลือกใช้ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมที่สุด

อสังหาริมทรัพย์

อสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันยอดนิยมที่ธนาคารมักจะรับพิจารณา เพราะมีมูลค่าสูงและมีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา ตัวอย่างของอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกันได้ เช่น บ้านพร้อมที่ดิน ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม ที่ดินเปล่า อาคารพาณิชย์

โดยทั่วไปแล้ว ธนาคารจะประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เรานำมาค้ำประกัน และให้วงเงินสินเชื่อประมาณ 70-80% ของราคาประเมิน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีบ้านราคาประเมิน 5 ล้านบาท เราอาจจะได้วงเงินสินเชื่อประมาณ 3.5-4 ล้านบาท

ข้อดีของการใช้อสังหาริมทรัพย์ค้ำประกันคือ เราสามารถขอวงเงินสินเชื่อสูงได้ และอัตราดอกเบี้ยมักจะต่ำกว่าการใช้หลักประกันประเภทอื่น แต่ข้อเสียคือ ถ้าเราไม่สามารถชำระหนี้ได้ เราอาจจะเสียที่อยู่อาศัยไป

รถยนต์

รถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งหลักประกันที่ธนาคารยอมรับ โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีอายุไม่เกิน 5-7 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร วงเงินสินเชื่อที่ได้จะขึ้นอยู่กับราคาตลาดของรถ ซึ่งมักจะอยู่ที่ประมาณ 70-80% ของราคาประเมิน

ข้อดีของการใช้รถยนต์ค้ำประกันคือ กระบวนการขอสินเชื่อค่อนข้างรวดเร็ว และเราไม่จำเป็นต้องโอนกรรมสิทธิ์รถให้กับธนาคาร เราสามารถใช้รถได้ตามปกติ แต่ข้อเสียคือ วงเงินสินเชื่อที่ได้อาจจะไม่สูงมากนัก และอัตราดอกเบี้ยมักจะสูงกว่าการใช้อสังหาริมทรัพย์ค้ำประกัน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สินเชื่อ รถแลกเงิน ที่ไหนดี 2566 อนุมัติง่าย ที่นี่

เงินฝาก

เงินฝากในบัญชีธนาคารก็สามารถใช้เป็นหลักประกันได้เช่นกัน โดยเฉพาะบัญชีเงินฝากประจำหรือบัญชีออมทรัพย์ที่มียอดเงินคงเหลือสูง วงเงินสินเชื่อที่ได้มักจะใกล้เคียงกับยอดเงินฝากของเรา บางธนาคารอาจให้วงเงินสูงถึง 100% ของยอดเงินฝาก

ข้อดีของการใช้เงินฝากค้ำประกันคือ เราสามารถได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก เพราะความเสี่ยงของธนาคารแทบจะเป็นศูนย์ และกระบวนการขอสินเชื่อก็รวดเร็ว แต่ข้อเสียคือ เราจะไม่สามารถใช้เงินฝากนั้นได้จนกว่าจะชำระหนี้หมด

พันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้

หลักทรัพย์ประเภทพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้ของบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือสูงก็สามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันได้ โดยทั่วไปแล้ว ธนาคารจะให้วงเงินสินเชื่อประมาณ 70-90% ของมูลค่าตลาดของหลักทรัพย์

ข้อดีคือ อัตราดอกเบี้ยมักจะค่อนข้างต่ำ และเราไม่ต้องขายหลักทรัพย์ทิ้ง แต่ข้อเสียคือ มูลค่าของหลักทรัพย์อาจจะผันผวนตามสภาวะตลาด ซึ่งอาจส่งผลต่อวงเงินสินเชื่อของเราได้

กรมธรรม์ประกันชีวิต

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่ากรมธรรม์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ก็สามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันได้เช่นกัน โดยทั่วไปแล้ว ธนาคารจะให้วงเงินสินเชื่อประมาณ 70-90% ของมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์

ข้อดีคือ เราไม่ต้องยกเลิกกรมธรรม์ และยังคงได้รับความคุ้มครองตามปกติ แต่ข้อเสียคือ วงเงินสินเชื่อที่ได้อาจจะไม่สูงมากนัก ขึ้นอยู่กับมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์ของเรา

บุคคลค้ำประกัน

นอกจากสิ่งของมีค่าแล้ว เราก็สามารถใช้บุคคลมาค้ำประกันได้เช่นกัน โดยผู้ค้ำประกันจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายได้ประจำและมีความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งอาจจะเป็นญาติ เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงานก็ได้

ข้อดีของการใช้บุคคลค้ำประกันคือ เราไม่ต้องมีทรัพย์สินมีค่าก็สามารถขอสินเชื่อได้ แต่ข้อเสียคือ อัตราดอกเบี้ยมักจะสูงกว่าการใช้ทรัพย์สินค้ำประกัน และถ้าเราไม่สามารถชำระหนี้ได้ ผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดชอบแทนเรา ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ได้

เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ในโรงงาน

สำหรับผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจ เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ในโรงงานก็สามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันได้เช่นกัน โดยเฉพาะเครื่องจักรที่มีมูลค่าสูงและยังอยู่ในสภาพดี ธนาคารจะส่งผู้เชี่ยวชาญมาประเมินมูลค่าและสภาพของเครื่องจักร และให้วงเงินสินเชื่อประมาณ 50-70% ของราคาประเมิน

ข้อดีคือ เราสามารถใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ โดยไม่ต้องหยุดการผลิต แต่ข้อเสียคือ กระบวนการประเมินอาจจะใช้เวลานาน และธนาคารอาจจะต้องการหลักฐานทางการเงินของธุรกิจเพิ่มเติม

สิทธิการเช่า

สำหรับผู้ที่ไม่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นของตัวเอง แต่มีสิทธิการเช่าระยะยาว เช่น สิทธิการเช่าที่ดิน อาคาร หรือพื้นที่ในห้างสรรพสินค้า ก็สามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันได้ โดยทั่วไปแล้ว ธนาคารจะพิจารณาจากระยะเวลาการเช่าที่เหลือ และมูลค่าทางเศรษฐกิจของสิทธิการเช่านั้น

ข้อดีคือ เราสามารถใช้ประโยชน์จากสิทธิการเช่าที่มีอยู่ แต่ข้อเสียคือ วงเงินสินเชื่อที่ได้อาจจะไม่สูงมากนัก และธนาคารอาจจะต้องการเอกสารเพิ่มเติมจากเจ้าของที่ดินหรืออาคาร

สินค้าคงคลัง

สำหรับธุรกิจที่มีสินค้าคงคลังมูลค่าสูง เช่น ร้านทอง โชว์รูมรถยนต์ หรือคลังสินค้า ก็สามารถนำสินค้าคงคลังมาใช้เป็นหลักประกันได้ โดยธนาคารจะพิจารณาจากมูลค่าของสินค้า ความสามารถในการขาย และการบริหารจัดการสินค้าคงคลังของธุรกิจ

ข้อดีคือ เราสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ แต่ข้อเสียคือ ธนาคารอาจจะต้องการระบบการจัดการสินค้าคงคลังที่ดีและการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ

ลูกหนี้การค้า

สำหรับธุรกิจที่มีลูกหนี้การค้าจำนวนมาก เช่น ธุรกิจค้าส่งหรือผู้ผลิตสินค้า ก็สามารถนำลูกหนี้การค้ามาใช้เป็นหลักประกันได้ โดยธนาคารจะพิจารณาจากคุณภาพของลูกหนี้ ประวัติการชำระเงิน และความสามารถในการเรียกเก็บหนี้ของธุรกิจ

ข้อดีคือ เราสามารถเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจได้โดยไม่ต้องรอให้ลูกค้าชำระเงิน แต่ข้อเสียคือ ธนาคารอาจจะต้องการระบบการจัดการลูกหนี้ที่ดีและการรายงานสถานะลูกหนี้อย่างสม่ำเสมอ

ข้อควรพิจารณา ใช้อะไรค้ำประกันดี

ข้อควรพิจารณา ใช้อะไรค้ำประกันดี

เอาล่ะครับ เราได้รู้จักกับหลักประกันประเภทต่างๆ ที่สามารถใช้ค้ำสินเชื่อได้แล้ว แต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกใช้หลักประกันชนิดไหน มีข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมดังนี้

ประเมินความต้องการและความสามารถในการชำระหนี้ของตัวเอง

ก่อนอื่นเลย เราต้องถามตัวเองก่อนว่าเราต้องการเงินกู้เท่าไหร่ และเรามีความสามารถในการผ่อนชำระคืนได้เดือนละเท่าไหร่ อย่าลืมว่าการกู้เงินไม่ใช่การได้เงินฟรี เราต้องคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ดังนั้นควรกู้เท่าที่จำเป็นและมั่นใจว่าเราสามารถผ่อนได้จริงๆ

พิจารณามูลค่าของหลักประกัน

หลักประกันที่มีมูลค่าสูงกว่าจะทำให้เราได้วงเงินสินเชื่อที่สูงกว่า และอาจได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าด้วย แต่ก็ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจจะสูญเสียหลักประกันนั้นหากเราไม่สามารถชำระหนี้ได้

เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายๆ ธนาคาร

แต่ละธนาคารอาจมีนโยบายการรับหลักประกันและเงื่อนไขสินเชื่อที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรสอบถามและเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายๆ ธนาคารก่อนตัดสินใจ

อ่านเงื่อนไขในสัญญาให้ละเอียด

ก่อนลงนามในสัญญา ควรอ่านเงื่อนไขทั้งหมดให้ละเอียด โดยเฉพาะในส่วนของดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และเงื่อนไขการผิดนัดชำระหนี้ หากไม่เข้าใจตรงไหนให้สอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารให้ชัดเจน

คำนึงถึงผลกระทบในระยะยาว

การนำทรัพย์สินมาค้ำประกันอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ทรัพย์สินนั้นในอนาคต เช่น หากเรานำบ้านมาค้ำประกัน เราอาจจะไม่สามารถนำบ้านไปขายหรือจำนองซ้ำได้จนกว่าจะชำระหนี้หมด ฐานรายได้ (สลิปเงินเดือน หรืองบการเงินสำหรับเจ้าของธุรกิจ) และเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในหลักประกัน

วางแผนการชำระหนี้

เมื่อได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้ว ควรวางแผนการชำระหนี้อย่างรอบคอบ เช่น การตั้งเตือนวันครบกำหนดชำระ การจัดสรรเงินสำหรับผ่อนชำระในแต่ละเดือน และการเตรียมเงินสำรองไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน

ติดตามสถานะหนี้อย่างสม่ำเสมอ

ควรติดตามสถานะหนี้ของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด และเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

หาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคล

การมีความรู้เกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคลจะช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการหนี้สินและการเงินของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นควรหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านบทความ ฟังพอดแคสต์ หรือเข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับการเงิน

สุดท้ายนี้ การตัดสินใจเลือกใช้อะไรค้ำสินเชื่อนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตทางการเงินของเราในระยะยาว ดังนั้นควรพิจารณาอย่างรอบคอบและไม่รีบร้อนตัดสินใจ หากมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจ อย่าลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหรือเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมนะครับ

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจว่าใช้อะไรค้ำสินเชื่อได้บ้าง และใช้หลักประกันในการขอสินเชื่อมากขึ้นนะครับ และสามารถตัดสินใจเลือกใช้หลักประกันที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของตัวเองได้อย่างชาญฉลาด ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการขอสินเชื่อและมีสุขภาพทางการเงินที่ดี หากใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง