วันนี้เรามาพูดคุยกันถึงสถานการณ์ล่าสุดในตลาดแรงงานของสหรัฐอเมริกากัน ข่าวใหญ่ที่กำลังเป็นที่สนใจคือ อัตราการว่างงานสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ในเดือนกรกฎาคม พร้อมกับการจ้างงานที่ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด นี่เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เคยแข็งแกร่งมาตลอดอาจกำลังเริ่มส่อแววถดถอยแล้ว มาดูตัวเลขกันหน่อยดีกว่า Bureau of Labor Statistics รายงานว่าในเดือนกรกฎาคม มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าเดือนมิถุนายนที่เพิ่มขึ้น 206,000 ตำแหน่งอย่างมาก และยังต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้มากด้วย พวกเขาคิดว่าอัตราการว่างงานน่าจะคงที่อยู่ที่ 4.1% เหมือนเดือนมิถุนายน แต่กลับเพิ่มขึ้นมาเป็น 4.3%

อัตราว่างงานสหรัฐพุ่งสูง ส่งผลอะไรบ้าง

อัตราว่างงานสหรัฐพุ่งสูง ส่งผลอะไรบ้าง

ต้องบอกว่าทำให้นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเป็นกังวลว่า Federal Reserve หรือ Fed อาจจะรอนานเกินไปในการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญในการควบคุมเงินเฟ้อ ก่อนหน้านี้ประธาน Fed อย่าง Jay Powell บอกว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน แต่ตอนนี้หลายคนมองว่าอาจจะสายไปแล้ว เพราะตลาดแรงงานกำลังเย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว

แต่ก็ยังมีข่าวดีอยู่บ้าง ไม่ได้แย่ไปเสียทุกอย่าง อย่างแรกเลย การเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงานส่วนใหญ่มาจากการเลิกจ้างชั่วคราว และสภาพอากาศก็มีส่วนทำให้คนที่มีงานทำอยู่แล้วไม่ได้ไปทำงานในเดือนนี้ด้วย

นอกจากนี้ ค่าแรงยังคงเพิ่มขึ้นเร็วกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับคนทำงาน และมีคนกลับเข้ามาหางานทำมากขึ้นด้วย เห็นได้จากอัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น

แต่ถ้ามองในภาพรวม การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในบางอุตสาหกรรมเท่านั้น เช่น สาธารณสุข ก่อสร้าง และขนส่ง ส่วนอุตสาหกรรมการผลิตแทบไม่มีการจ้างงานเพิ่มเลย และภาคบริการทางธุรกิจก็มีการจ้างงานลดลงด้วยซ้ำ

Guy Berger ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจของ Burning Glass Institute บอกว่า "เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตลาดแรงงานยังดูดีอยู่ แต่ตอนนี้สถานการณ์ดูไม่ค่อยมั่นคงแล้ว" แม้เขาจะยังไม่มองว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเร็วๆ นี้ แต่ก็บอกว่าไม่ต้องมีอะไรมากมายเลย การชะลอตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 5 ปัจจัยที่ต้องจับตา ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่นี่

FED รับมือยังไงกับภาวะการจ้างงานชะลอตัว

FED รับมือยังไงกับภาวะการจ้างงานชะลอตัว

Fed เชื่อว่าพวกเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมลดลง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายรายเดือนของทั้งผู้บริโภคและธุรกิจลดลงด้วย นั่นจะช่วยกระตุ้นความต้องการและการจ้างงานในภาพรวมของเศรษฐกิจ ตอนนี้บริษัทส่วนใหญ่ยังพยายามรักษาพนักงานเดิมไว้ อัตราการเลิกจ้างลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แต่อัตราการจ้างงานใหม่ก็ลดลงต่ำสุดตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาด COVID-19 เลยทีเดียว

สรุปง่ายๆ ก็คือ ถ้าคุณมีงานทำอยู่แล้ว โอกาสที่จะตกงานค่อนข้างต่ำ แต่ถ้าคุณกำลังหางานใหม่อยู่ล่ะก็ อาจจะยากหน่อยในช่วงนี้ Fed เชื่อว่าพวกเขาสามารถสร้าง "พื้น" ให้กับตลาดแรงงาน ไม่ให้แย่ลงไปกว่านี้ได้ แต่ก็มีบางคนที่เห็นต่าง อย่างเช่น Bill Dudley อดีตประธานธนาคารกลางนิวยอร์ก ที่เขียนบทความว่า "ในอดีต ตลาดแรงงานที่แย่ลงมักจะสร้างวงจรที่ส่งผลกระทบต่อเนื่อง เมื่อหางานยากขึ้น ครัวเรือนก็จะลดการใช้จ่าย เศรษฐกิจอ่อนแอลง ธุรกิจลดการลงทุน นำไปสู่การเลิกจ้างและการใช้จ่ายที่ลดลงอีก"

นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณที่น่ากังวลอีกอย่างคือ การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในบางอาชีพเท่านั้น เช่น สาธารณสุข และหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะในระดับรัฐและท้องถิ่น

คนไทยเตรียมรับมือยังไง ในภาวะตลาดว่างงานพุ่ง

คนไทยเตรียมรับมือยังไง ในภาวะตลาดว่างงานพุ่ง

สำหรับคนที่มีงานทำอยู่แล้ว ก็ควรพยายามรักษางานไว้ให้ดี พัฒนาทักษะของตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้เป็นที่ต้องการของบริษัท ส่วนคนที่กำลังหางาน อาจต้องเตรียมใจว่าอาจจะยากขึ้นหน่อยในช่วงนี้ แต่ก็ไม่ต้องท้อ ลองมองหาโอกาสในอุตสาหกรรมที่ยังมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น เช่น สาธารณสุข หรือพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่เป็นที่ต้องการในตลาด

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สิ่งที่ควรทำและต้องรู้เพื่อรับมือเมื่อตกงานกระทันหัน ที่นี่

สุดท้ายนี้ เราต้องจับตาดูว่า Fed จะตัดสินใจอย่างไรต่อไปกับอัตราว่างงานสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้น การลดอัตราดอกเบี้ยอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานได้ แต่ก็ต้องระวังไม่ให้เงินเฟ้อกลับมาสูงอีกด้วย ยังไงก็ตาม เศรษฐกิจมีการขึ้นลงเป็นธรรมดา เราต้องปรับตัวและเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เข้าใจสถานการณ์ตลาดแรงงานสหรัฐฯ มากขึ้น ถ้ามีข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติม ก็ถามกันมาได้เลย หากใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง