เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ในการซื้อขายระหว่างประเทศทั่วโลก การแข็งค่าของเงินดอลลาร์จึงส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลกและค่าเงินของประเทศต่างๆ บทความนี้จะวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่า และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเงินเยน ทำไมทำให้เงินเย็นอ่อนค่า จะเกิดจากอัตราการว่างงานสหรัฐที่เพิ่มขึ้นและปัจจัยใดๆอีกบ้าง ไปดูกัน

5 สาเหตุของการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ

5 สาเหตุของการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ

เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินที่มีความสำคัญอย่างมากในระบบการเงินโลก การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก เราจะพามาวิเคราะห์สาเหตุสำคัญที่ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐมีการแข็งค่าขึ้น โดยจะพิจารณาทั้งปัจจัยภายในประเทศสหรัฐฯ และปัจจัยภายนอกที่มีอิทธิพล ดังนี้

นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve)

ธนาคารกลางสหรัฐมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของค่าเงินดอลลาร์ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่า เมื่อธนาคารกลางสหรัฐขึ้นดอกเบี้ย จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในสหรัฐมากขึ้น เพราะผลตอบแทนจากการลงทุนสูงขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น ทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น

สภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง

เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐมีการเติบโตที่ดี มีอัตราการจ้างงานสูง และเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้ จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลก ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าสู่สหรัฐมากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองในภูมิภาคอื่น

เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจหรือความไม่สงบทางการเมืองในภูมิภาคอื่น นักลงทุนมักจะย้ายเงินทุนมายังสหรัฐ ซึ่งถือเป็น "safe haven" หรือที่หลบภัยที่ปลอดภัยสำหรับการลงทุน ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

ความต้องการพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ เมื่อมีความต้องการพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐสูง จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตามไปด้วย

การค้าระหว่างประเทศและราคาน้ำมัน

เนื่องจากการซื้อขายน้ำมันในตลาดโลกส่วนใหญ่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้น จะทำให้มีความต้องการเงินดอลลาร์มากขึ้นเพื่อใช้ในการซื้อขาย ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

ผลกระทบของการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐต่อเศรษฐกิจโลก

ผลกระทบของการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐต่อเศรษฐกิจโลก

การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นปรากฏการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อเศรษฐกิจโลก เราจะวิเคราะห์ผลกระทบที่สำคัญของการแข็งค่าดอลลาร์ต่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เราจะพิจารณาทั้งผลดีและผลเสียที่เกิดขึ้นกับการค้าระหว่างประเทศ การลงทุน และตลาดการเงิน นอกจากนี้ เราจะศึกษาว่าประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่ได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง ไปดูกัน

ผลกระทบต่อการส่งออกของสหรัฐ

เมื่อเงินดอลลาร์แข็งค่า จะทำให้สินค้าส่งออกของสหรัฐมีราคาแพงขึ้นในสายตาของประเทศคู่ค้า อาจส่งผลให้ยอดส่งออกของสหรัฐลดลง และกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในระยะยาว

ผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนา

ประเทศกำลังพัฒนาที่มีหนี้สกุลเงินดอลลาร์จำนวนมาก จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะต้องใช้เงินในสกุลท้องถิ่นมากขึ้นเพื่อชำระหนี้ อาจนำไปสู่ปัญหาการขาดดุลงบประมาณและวิกฤตหนี้สาธารณะได้

ผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์

สินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ เช่น น้ำมัน ทองคำ มักซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ เมื่อดอลลาร์แข็งค่า ราคาสินค้าเหล่านี้ในสกุลเงินอื่นจะสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตในหลายประเทศเพิ่มขึ้น

ผลกระทบต่อการลงทุนระหว่างประเทศ

เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ เพราะผลตอบแทนจากการลงทุนในสกุลเงินท้องถิ่นอาจลดลงเมื่อแปลงกลับเป็นเงินดอลลาร์

อัตราการว่างงานสหรัฐพุ่งสูงกว่าคาด เงินเยนอ่อนค่าเทียบดอลลาร์

อัตราการว่างงานสหรัฐพุ่งสูงกว่าคาด เงินเยนอ่อนค่าเทียบดอลลาร์

จากข้อมูลล่าสุด ดอลลาร์สหรัฐได้แข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเงินเยนในการซื้อขายที่ตลาดโตเกียว โดยดอลลาร์ได้ดีดตัวขึ้นแตะกรอบล่างของระดับ 146 เยนในช่วงสั้นๆ สาเหตุหลักมาจากการเปิดเผยดัชนีภาคบริการของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนกรกฎาคม ดัชนีภาคบริการของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.4 ในเดือนกรกฎาคม จากระดับ 48.8 ในเดือนมิถุนายน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 51.0 ข้อมูลนี้ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ และเป็นปัจจัยหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้ อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกาส่งผลกระทบต่อค่าเงินเยนของญี่ปุ่น โดยทำให้เงินเยนอ่อนค่าลง กลไกนี้เกิดจากการที่นักลงทุนทั่วโลกมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัว จึงเกิดความกังวลและหันไปถือครองสกุลเงินที่ปลอดภัยกว่าอย่างดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ความต้องการดอลลาร์เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น รวมถึงเงินเยน นอกจากนี้ นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของญี่ปุ่นยังเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของระบบการเงินโลกและผลกระทบที่สามารถส่งต่อจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งได้

อัตราการว่างงานที่ต่ำอาจนำไปสู่การคาดการณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐจะดำเนินนโยบายการคลังที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดภาวะเศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น รวมถึงเงินเยน

ณ เที่ยงวันตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 145.30-145.32 เยน เทียบกับ 144.14-144.24 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 143.47-143.52 เยนที่ตลาดโตเกียวเมื่อวันก่อนหน้า แสดงให้เห็นถึงการแข็งค่าขึ้นอย่างชัดเจนของเงินดอลลาร์

การแข็งค่าของเงินดอลลาร์เทียบกับเงินเยนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นในหลายด้าน ได้แก่

  • ผลดีต่อการส่งออก: สินค้าส่งออกของญี่ปุ่นจะมีราคาถูกลงในสายตาของผู้ซื้อต่างประเทศ ซึ่งอาจช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้าญี่ปุ่นในตลาดโลก
  • เพิ่มกำไรให้บริษัทญี่ปุ่น: บริษัทญี่ปุ่นที่มีรายได้จากต่างประเทศเป็นเงินดอลลาร์จะได้รับผลประโยชน์ เมื่อแปลงกลับเป็นเงินเยนจะได้จำนวนเงินมากขึ้น
  • ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น: การนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบ โดยเฉพาะพลังงานและอาหาร จะมีราคาสูงขึ้นเมื่อคิดเป็นเงินเยน ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้น
  • กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค: ราคาสินค้านำเข้าที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศญี่ปุ่น
  • ผลต่อนโยบายการเงิน: ธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจต้องพิจารณาปรับนโยบายการเงินเพื่อรับมือกับการอ่อนค่าของเงินเยน ซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ข่าวอัตราว่างงานสหรัฐพุ่ง การจ้างงานชะลอตัว ที่นี่

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เงินเยนอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 20 ปี มีปัจจัยจากอะไร ที่นี่

โดยสรุป การที่อัตราการว่างงานในสหรัฐส่งผลต่อค่าเงินเยนอ่อนตัวนั้น เป็นผลมาจากปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างนโยบายการเงิน ความเชื่อมั่นของนักลงทุน การเคลื่อนไหวของเงินทุน และปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่นๆ ระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่น การเข้าใจความสัมพันธ์นี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุน ผู้กำหนดนโยบาย และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ และการเข้าใจถึงสาเหตุและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและการเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงจะช่วยให้ประเทศและองค์กรต่างๆ สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงและใช้ประโยชน์จากโอกาสที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง