ค่าเงินบาทไทยวันนี้ (9 สิงหาคม 2567) เปิดตลาดที่ 35.28 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดของวันก่อนหน้าที่ 35.36 บาทต่อดอลลาร์ ตามรายงานของนายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนจากธนาคารกรุงไทย การแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาท วันนี้เป็นผลมาจากหลายปัจจัย ซึ่งเราจะมาวิเคราะห์กันอย่างละเอียดกันว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง มีแนวโน้มในอนาคตอย่างไร

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการแข็งค่าเงินบาท วันนี้

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการแข็งค่าเงินบาท วันนี้

ในช่วงนี้ เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงมีความเสี่ยงและความผันผวนที่ต้องจับตามอง ดังนี้

การขายทำกำไรทองคำ

ตั้งแต่คืนที่ผ่านมา เงินบาทได้ทยอยแข็งค่าขึ้น โดยแกว่งตัวในช่วง 35.22-35.41 บาทต่อดอลลาร์ ปัจจัยสำคัญที่หนุนให้เงินบาทแข็งค่าคือการขายทำกำไรทองคำ เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลก (XAUUSD) ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทดสอบแนวต้านที่ 2,420-2,430 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การขายทำกำไรทองคำนี้ส่งผลให้มีเงินดอลลาร์ไหลเข้าประเทศไทยมากขึ้น ทำให้เงินบาทแข็งค่า

การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ

แม้ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ แต่แรงแข็งค่านี้ถูกชะลอลงบ้างเนื่องจากตลาดการเงินทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปมีการเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แข็งค่าขึ้นเพียงเล็กน้อยสู่ระดับ 103.3 จุด

ความคาดหวังต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED)

นักลงทุนในตลาดเริ่มปรับลดความคาดหวังต่อการเร่งลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ลดลงมากกว่าคาด ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจชะลอตัวลงหนักหรือเข้าสู่ภาวะถดถอย

ความสัมพันธ์ระหว่างเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐ

ความสัมพันธ์ระหว่างเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐ

เงินบาทและดอลลาร์สหรัฐมีความสัมพันธ์ที่สำคัญและซับซ้อน โดยค่าเงินบาทมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับดอลลาร์สหรัฐ นั่นคือ เมื่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า เงินบาทมักจะอ่อนค่าลง และในทางกลับกัน เมื่อดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า เงินบาทมักจะแข็งค่าขึ้น ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์นี้มีหลายประการ ได้แก่

นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED)

การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเฟดมีผลกระทบโดยตรงต่อค่าเงินดอลลาร์ และส่งผลต่อเนื่องถึงค่าเงินบาท หากเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย เงินดอลลาร์มักจะแข็งค่าขึ้น ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์

สภาวะเศรษฐกิจโลกและความเสี่ยงทางการเมือง

ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนหรือมีความเสี่ยงทางการเมืองสูง นักลงทุนมักจะหันไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและเงินบาทอ่อนค่าลง

การส่งออกและการนำเข้า

ประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก หากการส่งออกของไทยเติบโตดี จะทำให้มีเงินดอลลาร์ไหลเข้าประเทศมากขึ้น ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ในทางกลับกัน หากการนำเข้าสูงกว่าการส่งออกมาก อาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง

การลงทุนจากต่างประเทศ

เมื่อมีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมาก ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนโดยตรงหรือการลงทุนในตลาดหุ้น จะทำให้มีความต้องการเงินบาทมากขึ้น ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์

ประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ ดังนั้นเมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น จะทำให้ประเทศไทยต้องใช้เงินดอลลาร์มากขึ้นในการนำเข้า ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลง

นโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ธปท. อาจใช้มาตรการต่างๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท เช่น การเข้าแทรกแซงตลาดเงินตรา หรือการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะส่งผลต่อค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

สถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในระยะสั้น

สถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในระยะสั้น

ในช่วงนี้ เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ค่าเงินบาทในปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าทายและความผันผวนจากหลายปัจจัย ทั้งภายในและภายนอกประเทศ แม้ว่าในช่วงนี้เงินบาทจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในระยะสั้น ปัจจัยที่ควรจับตามอง ได้แก่

ความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศ

ในสัปดาห์หน้า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยคดีถอดถอนนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความผันผวนของเงินทุนจากต่างประเทศและกระทบต่อค่าเงินบาท

สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

หากความขัดแย้งในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้น อาจส่งผลให้ตลาดการเงินเข้าสู่ภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ซึ่งจะหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันเงินบาทให้อ่อนค่าลง

การเคลื่อนไหวของเงินเยนญี่ปุ่น

ควรระวังความผันผวนจากการทยอย Unwind JPY Carry Trade หรือการลดสถานะ Short JPY ของนักลงทุน ซึ่งอาจส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นและมีผลกระทบต่อค่าเงินบาท

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ

นักลงทุนกำลังรอดูตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า รวมทั้งการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันที่ 22-24 สิงหาคม เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต

ในระยะยาว แนวโน้มของค่าเงินบาทจะขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพทางการเมือง การส่งออกและการท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างประเทศ หรือนโยบายเศรษฐกิจและการเงินของรัฐบาลและธนาคารกลาง

แนวโน้มค่าเงินบาทวันนี้และกลยุทธ์การซื้อขาย

แนวโน้มค่าเงินบาทวันนี้และกลยุทธ์การซื้อขาย

จากข้อมูลล่าสุด นักวิเคราะห์คาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ (9 สิงหาคม 2567) อยู่ที่ 35.10-35.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยมีกลยุทธ์แนะนำสำหรับคู่เงินหลักดังนี้:

USD/THB (ดอลลาร์สหรัฐ/บาท) กรอบ 35.10 - 35.40 กลยุทธ์: แนะนำให้ทยอยขายที่ระดับ 35.40

EUR/THB (ยูโร/บาท) กรอบ 38.30 - 38.70 กลยุทธ์: แนะนำให้ทยอยขายที่ระดับ 38.70

JPY/THB (เยน/บาท) กรอบ 0.2380 - 0.2420 กลยุทธ์: แนะนำให้ทยอยขายที่ระดับ 0.2420

GBP/THB (ปอนด์สเตอร์ลิง/บาท) กรอบ 44.80 - 45.20

AUD/THB (ดอลลาร์ออสเตรเลีย/บาท) กรอบ 23.10 - 23.50

กลยุทธ์การซื้อขายที่แนะนำนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการที่มีธุรกรรมเกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการขายเงินตราต่างประเทศเพื่อแลกเป็นเงินบาท ทั้งนี้ ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น สถานการณ์ตลาดในขณะนั้น และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละบุคคลหรือองค์กร

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เงินบาทอ่อนค่า ผันผวนหนัก หลังอเมริกาอัตราว่างงานพุ่งสูง ที่นี่

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ชี้ค่าเงินบาท ผันผวนหนัก ทั้งปีเฉลี่ย 35-36 บาท/ดอลลาร์ ที่นี่

ในท้ายที่สุด การเข้าใจถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าเงินบาทและความสัมพันธ์ระหว่างเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐจะช่วยให้ทั้งนักลงทุน ผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไปสามารถวางแผนทางการเงินและการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ การใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสม และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงจะเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับความผันผวนของค่าเงินบาทในอนาคต

ค่าเงินบาท วันนี้ (9 สิงหาคม 2567) แข็งตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขายทำกำไรทองคำและการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยงและความผันผวนที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ ผู้ที่มีธุรกรรมเกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนควรวางแผนบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐและปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินจะช่วยให้สามารถตัดสินใจทางการเงินและการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะยาว หากใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง