“ช้อปดีมีคืน” โครงการจากรัฐบาลเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเสียภาษีได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้นจากการจับจ่ายใช้สอยสำหรับค่าสินค้าหรือค่าบริการต่าง ๆ ภายในประเทศ

ซึ่งในแต่ละปีโครงการช้อปดีมีคืน ก็จะมีเงื่อนไขการใช้สิทธิโครงการแตกต่างกันออกไป โดยในปี 2566 นี้ จะมีเงื่อนไขอะไรที่เราควรรู้ ใช้ลดหย่อนภาษีได้เท่าไรและต้องใช้หลักฐานอะไรในการยื่นใช้สิทธิบ้าง MoneyDuck มีข้อมูลมาฝากกัน

วันเริ่มโครงการ ช้อปดีมีคืน 2566

https://img.moneyduck.com/article_attachment/1673942158-asian-woman-working-through-paperwork.jpg

สามารถเริ่มต้นใช้สิทธิโครงการช้อปดีมีคืนได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2566 รวมระยะเวลา 46 วัน และนำไปใช้ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในช่วงต้นปี 2566 ตั้งแต่เดือนมกราคม - มีนาคม 2566

เงื่อนไขโครงการ ช้อปดีมีคืน 2566

ปี 2566 มีการเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีที่มากขึ้น จากเดิมวงเงิน 30,000 บาทต่อคน เพิ่มเป็น 40,000 บาทต่อคน โดยแบ่งเป็น

  • ไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าทั่วไปที่ใช้ใบกำกับภาษีแบบกระดาษหรือใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และใบเสร็จรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt)
  • ไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าและบริการ ที่มีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และใบเสร็จรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt)

สินค้าและบริการที่ “เข้าร่วม” โครงการช้อปดีมีคืน 2566

ต้องเป็นสินค้าและบริการจากร้านค้าที่ผู้ประกอบการทำการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ได้แก่

  • ร้านค้าทั่วไปที่มีการออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบ
  • สินค้าและบริการจากห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และ ร้านสะดวกซื้อ
  • สินค้ากลุ่มหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรม การพัฒนาชุมชนแล้ว
  • บริการเติมน้ำมัน
  • หนังสือ สื่อสิ่งพิมพ์ และ E-Book

สินค้าและบริการที่ “ไม่เข้าร่วม” โครงการช้อปดีมีคืน 2566

  • สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบหรือบุหรี่
  • ค่าซื้อรถยนต์ จักรยานยนต์หรือเรือ
  • ค่าบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ค่าที่พักโรงแรมหรือค่าไกด์นำเที่ยว
  • ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปาหรือค่าไฟฟ้า
  • ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ ค่าอินเทอร์เน็ตหรือค่าบริการที่มีข้อตกลงให้บริการระยะยาว
  • ค่านิตยสารและหนังสือพิมพ์ รวมถึงในหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารแบบอิเล็กทรอนิกส์
  • ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย
  • ค่ารักษาพยาบาลหรือค่าทำศัลยกรรม

หลักฐานที่ใช้ยื่นลดหย่อนภาษีโครงการ ช้อปดีมีคืน 2566

  • สินค้าและบริการทั่วไป ต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบหรือใบเสร็จรับเงิน ที่ระบุข้อมูลผู้ขายและข้อมูลผู้ซื้อ รายการที่ซื้อ จำนวนเงินรวมถึงวันที่ทำรายการ
  • สินค้า OTOP ต้องมีการประทับตรายางหรือเครื่องหมายการค้าที่ระบุว่าสินค้านั้นเป็นสินค้า OTOP ไว้บนใบเสร็จและจำนวนเงิน โดยใช้ใบกำกับภาษีได้ทั้งแบบกระดาษและอิเล็กทรอนิกส์

ความแตกต่างของ ช้อปดีมีคืน กับ คนละครึ่ง

  • มาตรการคนละครึ่ง เหมาะกับผู้ที่มักซื้อสินค้า จากร้านค้าขนาดเล็ก เช่น ตลาด ร้านโชห่วย หาบเร่ แผงลอย (ต้องเป็นร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ) แต่มาตรการช้อปดีมีคืน จะสามารถซื้อสินค้าและบริการได้จากร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่สามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้เท่านั้น ซึ่งจะเป็นห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อ เป็นส่วนใหญ่
  • หากคำนวนเงินที่ได้รับคืนจากรัฐ มาตรการช้อปดีมีคืน รัฐสามารถจ่ายให้ได้สูงสุด 10,500 บาท ในขณะที่คนละครึ่ง รัฐจ่ายให้สูงสุด 150 บาทต่อวัน และ 3,000 บาทตลอดมาตรการ
  • มาตรการคนละครึ่ง เปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้กับทุกคน ขอเพียงแค่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในขณะที่ช้อปดีมีคืนต้องเป็นผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น จึงจะใช้สิทธิ์ได้
  • มาตรการคนละครึ่ง จะต้องใช้จ่ายผ่านแอพเป๋าตังเท่านั้น

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษี ที่นี่

จะขึ้นปีใหม่ 2566 แล้ว นอกจากการเตรียมตัวเสียภาษี เราก็อยากให้ทุกท่านได้นำข้อมูลเกี่ยวกับโครงการดี ๆ ที่จะช่วยคืนความสุขให้ประชาชน คนเสียภาษีแบบเรา ๆ ได้นำไปปรับใช้และช่วยในการวางแผนในการชอปปิง เลือกสรรของขวัญให้ตัวเองและคนที่เรารักกันได้อย่างมีความสุข ไปพร้อมกับความคุ้มค่าในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ที่สำคัญแนะนำว่าอย่าลืมเก็บเอกสารต่าง ๆ ไว้ให้ครบถ้วน เพื่อความสะดวกรวดเร็วและถูกต้องในการยื่นขอใช้สิทธิด้วยนะคะ หากใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก Moneyduck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง