ในโลกของธุรกิจ การบริหารกระแสเงินสดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) ที่มักเผชิญกับปัญหาเงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ เนื่องจากต้องรอรับชำระเงินจากลูกค้าเป็นเวลานาน วิธีการหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้คือการใช้บริการ Invoice Factoring หรือ Invoice Financing แต่คุณรู้หรือไม่ว่าสองวิธีนี้ Invoice Factoring vs Invoice Financing แตกต่างกันอย่างไร? วันนี้เรามาไขข้อสงสัยกัน

4 ข้อแตกต่างระหว่าง Invoice Factoring vs Invoice Financing

4 ข้อแตกต่างระหว่าง Invoice Factoring vs Invoice Financing

Invoice Factoring และ Invoice Financing เป็นสองวิธีที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ แต่ทั้งสองวิธีมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ วันนี้เราจะมาดู 4 ข้อแตกต่างสำคัญที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการ

กรรมสิทธิ์ในใบแจ้งหนี้

Invoice Factoring

ในกรณีของ Invoice Factoring บริษัทแฟคเตอริ่งจะซื้อใบแจ้งหนี้ของคุณ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะเป็นเจ้าของใบแจ้งหนี้นั้นอย่างสมบูรณ์ และมีสิทธิ์ในการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าของคุณโดยตรง

ตัวอย่าง ถ้าคุณมีใบแจ้งหนี้มูลค่า 100,000 บาท บริษัทแฟคเตอริ่งอาจจ่ายเงินให้คุณ 80,000 บาททันที และจะจ่ายส่วนที่เหลือให้คุณหลังจากหักค่าธรรมเนียมเมื่อได้รับชำระเงินจากลูกค้าของคุณแล้ว

Invoice Financing

สำหรับ Invoice Financing คุณยังคงเป็นเจ้าของใบแจ้งหนี้ และยังคงมีหน้าที่ในการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าของคุณเอง สถาบันการเงินจะให้เงินกู้แก่คุณโดยใช้ใบแจ้งหนี้เป็นหลักประกัน

ตัวอย่าง ถ้าคุณมีใบแจ้งหนี้มูลค่า 100,000 บาท สถาบันการเงินอาจให้คุณกู้เงิน 80,000 บาท โดยคุณต้องชำระคืนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยเมื่อได้รับชำระเงินจากลูกค้าของคุณ

ความรับผิดชอบในการเรียกเก็บเงิน

Invoice Factoring

เมื่อคุณขายใบแจ้งหนี้ให้กับบริษัทแฟคเตอริ่ง พวกเขาจะรับผิดชอบในการติดตามและเรียกเก็บเงินจากลูกค้าของคุณ นี่อาจเป็นข้อดีสำหรับธุรกิจที่ไม่มีแผนกบัญชีลูกหนี้ที่แข็งแกร่ง หรือไม่ต้องการเสียเวลากับการติดตามหนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อเสียคือลูกค้าของคุณจะรู้ว่าคุณได้ขายใบแจ้งหนี้ให้กับบุคคลที่สาม ซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจของคุณได้

Invoice Financing

ในกรณีของ Invoice Financing คุณยังคงรับผิดชอบในการติดตามและเรียกเก็บเงินจากลูกค้าของคุณเอง นี่อาจเป็นข้อดีสำหรับธุรกิจที่ต้องการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง และไม่ต้องการให้ลูกค้ารู้ว่าคุณกำลังใช้บริการทางการเงินเพิ่มเติม แต่ข้อเสียคือคุณยังคงต้องใช้ทรัพยากรและเวลาในการบริหารจัดการบัญชีลูกหนี้ของคุณเอง

ต้นทุนและค่าธรรมเนียม

Invoice Factoring

ต้นทุนของ Invoice Factoring มักจะสูงกว่า Invoice Financing เนื่องจากบริษัทแฟคเตอริ่งรับความเสี่ยงมากกว่าในการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าของคุณ ค่าธรรมเนียมอาจรวมถึงค่าธรรมเนียมการดำเนินการ, ค่าส่วนลดรายเดือน, และอาจมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ เพิ่มเติม

ตัวอย่าง บริษัทแฟคเตอริ่งอาจคิดค่าธรรมเนียม 2-4% ต่อเดือนของมูลค่าใบแจ้งหนี้ ดังนั้น สำหรับใบแจ้งหนี้มูลค่า 100,000 บาท คุณอาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 2,000-4,000 บาทต่อเดือน

Invoice Financing

โดยทั่วไป Invoice Financing มักมีต้นทุนที่ต่ำกว่า เนื่องจากสถาบันการเงินมีความเสี่ยงน้อยกว่า ค่าใช้จ่ายหลักๆ จะเป็นดอกเบี้ยเงินกู้และค่าธรรมเนียมการจัดการ

ตัวอย่าง สถาบันการเงินอาจคิดดอกเบี้ย 1-2% ต่อเดือน พร้อมค่าธรรมเนียมการจัดการครั้งเดียว 1% ของวงเงินกู้ ดังนั้น สำหรับการกู้เงิน 80,000 บาท คุณอาจต้องจ่ายดอกเบี้ย 800-1,600 บาทต่อเดือน และค่าธรรมเนียมการจัดการ 800 บาท

ความยืดหยุ่นและการควบคุม

Invoice Factoring

Invoice Factoring มักจะมีความยืดหยุ่นน้อยกว่า เนื่องจากคุณต้องขายใบแจ้งหนี้ทั้งหมดหรือส่วนใหญ่ให้กับบริษัทแฟคเตอริ่ง นอกจากนี้ คุณอาจมีอำนาจควบคุมน้อยลงในการเลือกว่าจะขายใบแจ้งหนี้ใดบ้าง

ตัวอย่าง ถ้าคุณมีลูกค้า 10 ราย คุณอาจต้องขายใบแจ้งหนี้ของลูกค้าทั้ง 10 รายให้กับบริษัทแฟคเตอริ่ง แม้ว่าคุณอาจต้องการรักษาความสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้าบางรายก็ตาม

Invoice Financing

Invoice Financing มักจะมีความยืดหยุ่นมากกว่า คุณสามารถเลือกว่าจะใช้ใบแจ้งหนี้ใดเป็นหลักประกันในการกู้ยืม และยังคงมีอำนาจควบคุมในการบริหารจัดการบัญชีลูกหนี้ของคุณเอง

ตัวอย่าง ถ้าคุณมีลูกค้า 10 ราย คุณอาจเลือกใช้ใบแจ้งหนี้ของลูกค้าเพียง 5 รายเป็นหลักประกันในการกู้ยืม โดยยังคงจัดการกับลูกค้าที่เหลือตามปกติ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สินเชื่อ Factoring คืออะไร ที่นี่

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Invoice Factoring คืออะไร ที่นี่

สินเชื่อ Invoice Factoring เหมาะสำหรับใคร

สินเชื่อ Invoice Factoring เหมาะสำหรับใคร

  • ธุรกิจที่ต้องการเงินสดอย่างรวดเร็วและไม่ต้องการรับภาระในการติดตามหนี้
  • บริษัทที่ไม่มีแผนกบัญชีลูกหนี้ที่แข็งแกร่ง
  • ธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงพอที่จะรองรับค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า
  • บริษัทที่มีประวัติเครดิตไม่ดีนัก แต่มีลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือสูง

ตัวอย่างบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ มีลูกค้าเป็นบริษัทขนาดใหญ่ แต่ยังไม่มีประวัติเครดิตที่ดีพอจะขอสินเชื่อจากธนาคาร

Invoice Financing เหมาะสำหรับใคร

Invoice Financing เหมาะสำหรับใคร

  • ธุรกิจที่ต้องการรักษาความสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้า
  • บริษัทที่มีระบบการจัดการบัญชีลูกหนี้ที่ดีอยู่แล้ว
  • ธุรกิจที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเลือกใช้ใบแจ้งหนี้เป็นหลักประกัน
  • บริษัทที่มีประวัติเครดิตที่ดีและต้องการต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่า

ตัวอย่าง บริษัทผลิตสินค้าที่มีประสบการณ์ในตลาดมานาน มีระบบการจัดการภายในที่ดี แต่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติมเพื่อขยายกำลังการผลิต

คงพอเข้าใจความแตกต่างแล้วว่า Invoice Factoring vs Invoice Financing ต่างกันยังไง ซึ่งทั้งสองนั้นเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์สำหรับธุรกิจในการบริหารกระแสเงินสด แต่มีความแตกต่างสำคัญในเรื่องของกรรมสิทธิ์ในใบแจ้งหนี้ ความรับผิดชอบในการเรียกเก็บเงิน ต้นทุนและค่าธรรมเนียม รวมถึงความยืดหยุ่นและการควบคุม การเลือกใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของธุรกิจคุณ สถานะทางการเงิน และเป้าหมายระยะยาว ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใด สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและเปรียบเทียบข้อเสนอจากผู้ให้บริการหลายๆ ราย เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสอบถามทีมผู้เชี่ยวชาญที่มาพร้อมความรู้ด้านการเงินและการลงทุนแบบฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่ MoneyDuck