เงินใครๆ ก็จำเป็นต้องใช้ แต่การใช้เงินได้ ใช้เงินเป็น กับการหาเงินได้ต่างกันมากทีเดียว บางคนหาเงินเก่งแต่ไม่มีเงินเก็บ บางคนใช้เงินได้แต่ใช้เงินไม่เป็น ไม่ว่าจะอย่างไหนจำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจ เพราะถ้าไม่มีความรู้ไม่มีความเข้าใจสุดท้ายต่อให้มีเงินก็ใช้เงินหมดอยู่ดี แล้วการใช้เงินกับการหาเงินเกี่ยวยังไงกับชีวิต? เพราะถ้าหาเงินเก่งแต่ไม่มีเงินเก็บพอเกิดปัญหาในชีวิตขึ้น ก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามากลายเป็นหนี้และสุดท้ายอาจจะใช้หนี้ไม่ได้ เราอาจจะได้ยินข่าวบ่อยๆ ที่หลายคนมีเงินหรือไม่มีเงินก็มักจะทุกข์หรือเสียใจทีหลัง จนถึงกับคิดสั้นฆ่าตัวตาย หรือบางคนหาเงินไม่เก่งแต่อยากมีเงินเก็บ และมีเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉินหรือยามแก่ชรา จะเห็นด้วยว่า เรื่องเงินสำคัญมากจึงต้องรู้วิธีใช้เงินและมีความเข้าใจเกี่ยวกับเงิน เรามาดูกันว่าการวางแผนการเงินและการบริหารเงินจะช่วยชีวิตเราได้อย่างไร?
Khakimullin Aleksandr/shutterstock.com
การวางแผนการเงิน
ถ้าพูดถึงการวางแผนหลายคนก็มักจะบอกว่าปวดหัวไม่อยากคิดแต่เรื่องการวางแผนการเงินยังไงก็ต้องคิดเพราะถ้าไม่คิดตอนนี้วันหลังหรือวันหน้าก็จะปวดหัวอย่างหนักไม่มีใครช่วยได้ การวางแผนการเงินก็เหมือนกับการที่เราจะไปที่ไหนสักที่ สมมุติว่าเราอยากจะไปเชียงใหม่ สิ่งที่เราต้องรู้แล้วเราต้องคิดก็คือ?
- เชียงใหม่อยู่ที่ไหน?
- ไปอย่างไร?
- ค่าใช้จ่าย หรืองบประมาณเท่าไหร่?
- ไปเมื่อไหร่?
- สิ่งที่ต้องเตรียมไปมีอะไรบ้าง?
- ในกระเป๋าของเราตอนนี้มีเงินอยู่เท่าไหร่ แล้วต้องหาเพิ่มไหม?
อันนี้แค่ ตัวอย่าง คำถามเหล่านี้เหล่านี้เป็นคำถามที่เราสามารถเช็คและใช้ถามตัวเองในทุกเรื่องของชีวิต ไม่ใช่แค่แผนการเงินว่าจะสร้างบ้าน ซื้อรถหรือการมีครอบครัวต้องคิดและวางแผนเพื่อจะไม่เกิดปัญหามากหรือถ้าเกิดก็ให้ปัญหาน้อยที่สุด
แล้วขั้นตอนการวางแผนการเงินทำยังไง?
กำหนดเป้าหมายทางการเงิน เป้าหมายทางการเงินอาจจะมีหลายเป้าหมาย อย่างเช่น มีเงินเพื่อซื้อรถ มีเงินสำหรับวัยเกษียณ มีเงินสำหรับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายอะไรก็ควรจะมีระยะเวลาที่ชัดเจน ระบุจำนวนเงินที่ต้องใช้สำหรับเป้าหมายนั้นๆ และมีความเหมาะสมมีความเป็นไปได้ด้วย เช่น ต้องการจะไปเที่ยวญี่ปุ่น โดยใช้เงินประมาณ 200,000 บาท ภายในเดือนตุลาคม ปี####? เมื่อมีเป้าหมายชัดเจน เราก็จะพยายามบรรลุเป้าหมายนั้นได้ง่ายขึ้น. รวบรวมข้อมูลทางการเงิน เพื่อจะให้บรรลุเป้าหมายเราจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับกระเป๋าของเราด้วย ข้อมูลทางการเงินของเรา รายรับ รายจ่าย ทรัพย์สินที่มี รวมถึงข้อมูลทางการลงทุนในอนาคต. ประเมินสถานะทางการเงิน เมื่อเราได้รวบรวมข้อมูลทางการเงินจะสามารถวิเคราะห์หรือประเมินสถานะการเงินของเราว่าเราสามารถบรรลุเป้าหมายที่จะไปเที่ยวหรือเป้าหมายในการมีเงินเกษียณตอนอายุเท่านั้นเท่านี้ได้ ข้อมูลที่เราได้รับจากการประเมิน บางครั้งจะเห็นว่ามีอุปสรรคหรือมีปัญหาอะไรบ้างข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยให้เราวางแผนในเรื่องต่างๆของชีวิตหรือแม้แต่การวางแผนที่จะลงทุนในเรื่องต่างๆได้. จัดทำแผนการเงิน เมื่อเรามีข้อมูลทางการเงินและประเมินสถานการณ์ทางการเงินแล้วเราก็สามารถที่จะจัดทำแผนการเงินของเราได้ว่าเราจะไปทิศทางไหนของเป้าหมายที่เราวางไว้ หลายคนใช้วิธีเขียนมันลงไปในกระดาษทำให้เห็นชัดเจนว่าแผนจะไปทิศทางไหน และจะบรรลุเป้าหมายอย่างไร? และอาจจะมีอุปสรรคอะไรบ้าง ? วิธีเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้น? ปฎิบัติตามแผนการเงิน เมื่อมีแผนและมีข้อมูลทั้งหมดแล้วสิ่งที่ต้องทำก็คือการลงมือทำ ปฏิบัติตามแผนที่ได้ตั้งใจไว้! ติดตามให้เป็นไปตามแผน ระยะเวลาที่ปฎิบัติตามแผนก็ต้องมีการตรวจสอบและประเมินผลที่เกิดขึ้นว่าได้ผลลัพธ์หรือเป้าหมายตามที่ตั้งใจไว้ไหม ? และทำตามกรอบระยะเวลาที่ตั้งใจไว้ไหม? เนื่องจากชีวิตของคนเราอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือ สภาพการณ์ที่เราควบคุมไม่ได้ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงจำเป็นที่ต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นไปตามแผนหรือไม่ ถ้าไม่มีอุปสรรคอะไร ถ้ามีวินัยมีความตั้งใจที่แน่วแน่ ผลลัพธ์ก็จะออกมาตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้และแผนการเงินนั้นก็จะสำเร็จ!
วิธีบริหารเงินที่ใช้ได้จริง
สถาบันการเงินและผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหลายแหล่งแนะนำให้ใช้ 5 วิธีในการบริหารเงิน
1.เก็บออม หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าการเก็บออมเป็นเรื่องของคนที่มีเงินเดือนมากๆหรือเป็นเรื่องของคนที่มีเงินเท่านั้น แต่จริงๆแล้วการเก็บออมเงินควรเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่เด็ก ยิ่งเล็กเท่าไหร่ก็ควรที่จะต้องเรียนรู้ให้เป็นนิสัย เมื่อมีวินัยในการเก็บออมเงินที่ดี เมื่อโตขึ้นเขาก็จะใช้เงินบริหารเงินได้ดีขึ้นด้วย ผู้ให้คำปรึกษาด้านการเงินหรือกูรูทั้งหลายมักจะบอกว่า ถ้าคุณอยากจะสบายตอนแก่ให้เก็บออมหรือกันเงินไว้ เป็นอันดับแรกเมื่อรายรับเข้ามาก่อนที่จะใช้ มักจะมีสูตรว่า รายรับ-เงินออม = รายจ่าย หมายความว่า เมื่อรายรับเข้ามาในกระเป๋าให้หักเงินส่วนหนึ่งหรือฝากเงินนั้นไว้ในบัญชีธนาคารทันทีจะดีกว่า เพราะอะไรน่ะหรือเพราะจะควบคุม ป้องกันไม่ล่อใจให้เราเอาเงินนั้นมาใช้เด็ดขาด แล้วเมื่อเก็บเงินออมแล้วเงินที่เหลือมีเท่าไหร่ก็เอามาบริหารอีกทีเพื่อจะใช้เป็นรายจ่าย ซื้อสิ่งของจำเป็นทั้งของกินของใช้ในแต่ละเดือน แต่ละวัน.
2.ตั้งงบประมาณหรือจะให้ละเอียดลงไปอีกก็คือการจดรายรับ-รายจ่าย บัญชีครัวเรือนหรือบัญชีส่วนตัวให้ละเอียดโดยวิธีนี้จะรู้ว่าเงินไปไหน? เก็บออมเท่าไหร่? ฟุ่มเฟือยหรือใช้อย่างคุ้มค่า? เป้าหมายก็เพื่อจะรู้ว่าตัวเองมีรายรับ-รายจ่ายเท่าไหร่และใช้น้อยกว่ารายรับของตัวเองหรือไม่.
3.วางแผนหรือกำหนดเป้าหมาย เพื่อจะซื้อรถ ผ่อนบ้านหรือเก็บออมเงินเพื่ออนาคต ทุกคนต้องมีแผน แม้แต่แม่ทัพจะทำศึกสงครามยังต้องมีแผนการรบ ทุกวันนี้ เราก็สู้รบกับชีวิตเหมือนกัน จึงต้องมีแผนเพื่อจะชนะในการรบสงครามสนามชีวิต อย่างเช่น ถ้าเราอยากซื้อรถ เราก็ต้องกำหนดยี่ห้อ ราคา และกำหนดระยะเวลา ในการที่จะมี หรือบรรลุเป้าหมายนั้น และถึงแม้ว่าเราจะมีการวางแผนไว้แล้วเราก็ควรที่จะตรวจ สอบแผนของเราอย่างสม่ำเสมอว่ามีความก้าวหน้าหรือว่าต้องปรับปรุงแผนการเงิน หรือเป้าหมายของเราได้อย่างเหมาะสม.
4.เรียนรู้ อย่ากลัวที่จะรู้และยอมรับว่าเราไม่รู้หลายเรื่อง และอย่าเป็นคนที่อยู่เฉยๆ คนเราควรพัฒนาให้สมองมีความรู้อยู่เรื่อยๆ แหล่งความรู้ในสมัยนี้มีมากมายให้ค้นหา ค้นคว้าเรื่องที่เราอยากรู้ อยากจะซื้อหนังสือเหรอ? ร้านหนังสือเยอะแยะแล้วราคาก็ไม่แพง ถ้าคุณอยากรู้เรื่องการลงทุนหาข้อมูลจาก Internet ก็หาได้ง่ายแค่คลิก หรือเข้าไปคุยเลยกับสถาบันการเงิน เจ้าหน้าที่เต็มใจให้ความรู้กับคุณอยู่แล้วว่าจะลงทุนหรือจะเก็บออมในแผนไหนยิ่งคุณรู้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำ รู้เรื่องที่คุณสนใจมากเท่าไหร่ สิ่งดีสำหรับชีวิตคุณจะมีมาแน่ๆ.
5.สมดุล สิ่งที่ต้องยอมรับกับยุคสมัยนี้ก็คือการหาเงิน เก็บเงิน การลงทุนเรื่องเหล่านี้ ก่อให้เกิดความเครียดมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่คน! ที่จะบริหารจัดการกับความคิดของตัวเองได้ เนื่องจากความไม่แน่นอนในชีวิตจะมีแน่ๆ ถึงเราทำทุกอย่างทั้ง 4 ขั้นตอนก่อนหน้านี้แล้ว ก็ต้องสมดุลด้วย ถ้าอยากเก็บเงินก็อย่าขี้เหนียวจนคนรอบข้างคนอื่นๆ เอือมระอากับความเค็ม หรือต้องดูแลสุขภาพของตัวเองด้วย หลายคนสาหัสเพราะทำแต่งานไม่มีเวลากินข้าวไม่มีเวลาพักผ่อน ไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัวหรือลงทุน 100 ฝันอยากจะได้ 1,000,000% มันก็เกินไปไหม?
เมื่อรู้และบริหารเงินได้ดี มีรากฐานของการเก็บออมที่ดี หลายคนจึงอยากมีมากขึ้นก็อาจจะอยากมองหาแหล่งลงทุนเพื่อจะมีบ้าน มีรถ มีเงินเก็บที่มากขึ้นซึ่งมันก็คือการลงทุนให้ได้เงินมา แล้วเพื่อจะลงทุนต้องทำยังไงหรือต้องมีความรู้อะไรบ้างเรามาดูกัน?
การหาความรู้เกี่ยวกับการลงทุน
เพื่อจะลงทุนในอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะลงทุนในด้านตลาดหลักทรัพย์ การลงทุนเพื่อการศึกษา การลงทุนลงแรงจะทำนั่นทำนี่ ก็ต้องมีความรู้ และการหาความรู้เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำอันดับแรกก่อนการลงทุน ทำไมเรื่องนี้สำคัญ? เพราะกันความเสี่ยง!! หรือจะพูดอีกอย่างก็คือทำให้เราไปถึงเป้าหมายในการลงทุนหรือบรรลุเป้าหมายที่เราได้วางแผนเอาไว้โดยไม่เจ็บตัวหรือถ้าเจ็บก็เจ็บน้อยหน่อย เช่น ถ้าเราอยากจะลงทุนในด้านตลาดหลักทรัพย์ อยากเล่นหุ้นแต่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ หรือก็รู้นะแค่งูๆปลาๆก็เหมือนกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟเพราะคิดว่าคนอื่นเขารุ่ง รวยได้รวยเอา อยากเอาบ้าง ก็แห่…ลงทุนเล่นหุ้นตามชาวบ้านเขา โดยที่สมองไม่มีคลังความรู้ในเรื่องหุ้นเลยสักนิด สุดท้าย! ก็ตายกับตาย หรือไม่ได้ตายก็หมดเนื้อหมดตัว หรืออยากจะเอาเงินไปลงทุนในการเปิดร้านอาหาร แต่ตัวเองไม่มีความรู้เรื่องอาหารเลย ไม่มีความรู้เรื่องบริหารจัดการอะไรสักอย่าง นับวัน…รอไปเลยว่าเจ๊งกับเจ๊ง การเรียนรู้ด้านการลงทุนในทุกวันนี้มีหลายแหล่ง อย่างเช่น ถ้าเราอยากจะเรียนรู้เรื่องหุ้น Internet ก็มีข้อมูลมากมายก่ายกองจนเรียนไม่หวาดไม่ไหว หรือเราจะเดินเข้าไปหาที่สถาบันการเงินเพื่อสอบถามทันทีก็ยังได้ เมื่อมีความรู้เรื่องการลงทุนแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะกระโจนลงไปลงทุนทันที ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี?
การวางแผนเงินทุนสำรองที่อาจจะต้องใช้ยามฉุกเฉิน
เงินทุนสำรอง เป็นเงินที่มีไว้ใช้ยามฉุกเฉิน อย่างเช่น อาจจะตกงาน เกิดอุบัติเหตุทำงานไม่ได้ คนในครอบครัวเจ็บป่วย แต่เงินทุนสำรองที่จะต้องใช้ยามฉุกเฉินจะต้องมีจำนวนเท่าไหร่ ก็พอจะบอกได้คร่าวๆ เพราะคำว่าพอหรือครอบคลุมแต่ละคนแต่ละครอบครัวไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่อาจจะต้องกันเงินไว้อย่างน้อย 3 - 6 เดือน ของรายรับ-รายจ่ายที่เคยใช้แต่ละเดือนอยู่แล้ว สมมุติว่า รายจ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 10,000 ก็ต้องมีเงินสดสำรองอย่างน้อย 30,000-60,000 ซึ่งเงินจำนวนนี้แต่ละคนความพอและสบายใจไม่เท่ากัน เงินสำรองหลายคนฝากไว้ในรูปเงินสดกับธนาคารเผื่อว่า เมื่อจำเป็นก็เอาออกมาใช้ได้ทันที หรืออยู่ในรูปสินทรัพย์ที่เปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันทีเช่น ทอง
การวางแผนสภาพคล่องทางการลงทุน
การลงทุนมีความเสี่ยง! เราได้ยินได้ฟังคำเตือนนี้บ่อยครั้ง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริง ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง!! ตั้งแต่เรื่องหุ้นไปจนเรื่องความรัก เรื่องจุกจิกอื่นๆในชีวิต บางคนกลัวที่จะขาดทุนก็เลยลงทุนนิดๆหน่อยๆหรือที่เขาเรียกว่ากั๊ก บางคนไม่กลัวที่จะขาดทุนเพราะมีทุนเยอะแต่กลัวที่มากกว่าคือกลัวเจ็บและผิดหวัง แต่ไม่ว่ายังไง ชีวิตก็มีความเสี่ยงอยู่แล้วไม่ว่าจะลงทุนจริงๆในด้านการเงิน หรืออยู่เฉยๆเพราะหายใจทิ้งไปวันๆก็เสี่ยง และถ้าเงินอีกส่วนหนึ่งเอาไปลงทุน ไม่มีใครรับประกันว่าเราจะได้กำไร 100% หรือจะได้ทุนคืนกลับคืนมาไหม? เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกสมัยปัจจุบัน ดังนั้นสมมุติว่าเงินที่ลงทุนไปหายเกลี้ยง เราจะยังอยู่อีกได้ไหมก็ขึ้นอยู่กับเงินสำรองที่กันเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินนี่แหละ หรือจะเกิดเหตุไม่คาดฝันด้วยสาเหตุอะไรก็สุดจะแล้วแต่ อกเราไม่ระเบิดเพราะความเครียดอับจนหนทางเพราะพึ่งใครไม่ได้โดยเฉพาะปัญหาด้านการเงิน สินทรัพย์หรือเงินออมที่สามารถเบิกจ่ายได้โดยไม่ติดขัดก็เป็นสิ่งที่ต้องคิดให้รอบคอบและวางแผนให้มีพอ.
การตั้งเป้าหมายในการลงทุน
ทุกการลงทุนควรมีเป้าหมาย ถ้าไม่มีเป้าหมายก็เหมือนกับการที่ต้องวิ่งไปเรื่อยๆไม่มีเส้นชัย วิ่งๆไปแล้วก็เหนื่อยตายพอดี ดังนั้นเมื่อจะลงทุนอะไรสักอย่าง คุณอยากให้ผลลัพธ์ออกมายังไง ? เช่น ลงทุนในการศึกษา เราก็ต้องตั้งเป้าว่าจะเรียน 1ปี หรือ 4ปีแล้วก็จบมีความรู้เรื่องนั้นๆในสิ่งที่เรียน ถ้ารู้เป้าหมายก็ไม่ต้องเปลืองทั้งแรง กำลังและเงิน หรือเราอาจได้ยินมาจากผู้เชี่ยวชาญว่า การตั้งเป้าหมายในการลงทุนมีทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว รู้กำหนดเวลา รู้เป้าหมายและรู้ว่าจะใช้ทุนเท่าไหร่ อยากได้กำไรเท่าไหร่? ก็เลือกให้เหมาะกับรูปแบบชีวิตของเรา ยุคข้าวยากน้ำมันแพง จะตัวคนเดียวหรือเลี้ยงดูทั้งครอบครัวยังไงก็ต้องใช้เงินและมีเงิน ดังนั้นเมื่อทำทุกอย่างและทุกขั้นตอนที่กล่าวไปแล้วตั้งแต่ต้น ถ้านึกอยากจะลงทุนก็ทำสิ่งที่ตัวเองถนัด มีความรู้และชอบ ผลลัพธ์มันก็น่าจะออกมาสมเหตุสมผลกันใช่ไหม?
นพคุณ
ต้องดูความพร้อมของตัวเองก่อนครับ ว่ารายรับรายจ่ายเราเป็นยังงัย มีเงินออมบ้างไหม? ถ้าอยากจะลงทุนต้องเริ่มออมเงินให้ได้ก่อนจนกว่าจะมีเงินก้อนถึงจะลงทุนได้ และต้องคิดว่าอยากจะลงทุนไปกับอะไร ต้องเลือกว่าการลงทุนไหนที่เหมาะกับตัวเราที่สุด ขึ้นอยู่กับว่าเรารับความเสี่ยงได้มากแค่ไหนด้วย การหาข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญครับ
นฤมล
จริงค่ะ ถ้าอยากลงทุนก็ต้องมีเงินทุน เงินทุนต้องเป็นเงินเย็นด้วย คือเงินเก็บนั่นแหละ เขาถึงมีคำแนะนำให้ว่าให้วางแผนการเงินก่อนการลงทุนไง ถ้าเรามีการวางแผนเงินที่ดี ชีวิตเราก็จะไม่ยุ่งยาก คนเราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนไม่อย่างนั้นก็เหมือนตัวอบ่างเปรียบเทียบคือ ยังไม่รู้ว่าจะเดินทางไปไหน แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าจะเดินทางโดยวิธีใดน่ะค่ะ
สายไทย
เมื่อเรามีเงินอยู่ในมือ เพื่อที่จะทำให้เงินนั้นก็เคยอยู่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ใครๆก็คิดถึงการลงทุน เอกการลงทุนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องศึกษาค้นคว้าเป็นอย่างดีเพื่อที่จะได้รับผลกำไรจริงๆ และเพื่อที่จะไม่ขาดทุน บทความนี้อธิบายได้ดีมากถึงวิธีที่เราจะลงทุนอย่างที่เกิดผลที่ดีต่อตัวเรา และวิธีที่จะช่วยให้เราสามารถช่วยตัวเองให้มีทักษะเพิ่มมากขึ้นในการลงทุน
Chanon
นี่แค่อ่านเรื่องการวางแผนทางการเงินเท่านั้น ผมยังเวียนหัวเลยครับ เรื่องเงินๆทองๆทำไมมันถึงวุ่นวายซับซ้อนอย่างนี้นะ กว่าจะหามาได้แต่ละบาทก็เหนื่อยแล้ว เวลาใช้ก็ต้องระมัดระวังเพราะเดี๋ยวจะไม่พอสิ้นเดือน แล้วยังต้องวางแผนการออมต่างๆอีกด้วย แค่คิดผมก็เหนื่อยแล้วครับ แต่ก็เอาเถอะมันต้องทำเพื่ออนาคต..ลองดูครับ
มุ้งมิ้ง
เราว่านะเดี๋ยวนี้โลกมันไปเร็วจะมามัวเก็บเงินเยอะๆก่อนค่อยลงทุนคงไม่ทันเพื่อนแน่ แล้วเดี๋ยวนี้มีการลงทุนหลายช่องทางมากๆที่ไม่ต้องลงทุนเยอะมีความเสี่ยงน้อยให้เราได้แบ่งเงินรายเดือนไปลงทุนได้ด้วย ลองหาข้อมูลกันดูนะคะ ถ้ามัวจะรอลงทุนที่เสี่ยงเยอะลงทุนเงินก้อนใหญ่ก็ไม่ทันกินหรอกค่ะ หรือพูดง่ายๆไม่ทันคนรวยๆหรอกค่ะ
ษาถร
สรุปง่ายๆเลยบทความนี้กำลังเน้นที่เรื่องอขงการวางแผนทางการเงินใช่ไหม จริงๆแล้ว การที่เราจะลงทุนอะไรสักอย่างแน่นอนการวางแผนเรื่องการลงทุนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าเราทุนไม่พอก็ไม่สมควรลงทุนอะไรที่ใหญ่เกินตัวของเรา เพราะว่าเวลาล้มมันจะเจ็บมากกว่าคนที่มีทุนสูงๆนะ ต้องดูที่เงินทุนของเราให้ดีๆว่าเหมาะกับอะไรกันแน่
เบ้น
ต้องมีเป้าหมายในการลงทุนครับ เราต้องรู้ว่าเราอยากจะได้รับผลกำไรแบบไหนระยะสั้นหรือระยะยาว ต้องศึกษาดูว่าเพื่อจะได้รับผลตอบแทนดังกล่าวเราจะเลือกใช้กองทุนแบบไหนหรือว่าเป็นการลงทุนแบบที่มีความแน่นอนหรือยังการฝากเงินประจํา หรือว่าการซื้อกองทุนรวมก็ได้รับผลตอบแทนดีเหมือนกัน แต่ไม่ว่าเราจะเลือกการลงทุนแบบไหน ต้องตั้งเป้าหมายของการลงทุนก่อนครับ
กัน
การวางแผนการลงทุน ต้องดูวิธีการตั้งงบประมาณในการใช้จ่าย มองเป้าหมายในแต่ละครั้งที่เราจำเป็นต้องการที่จะลงมือทำค่ะ ถ้าเราไม่สามารถที่จะมองภาพรวมและตั้งงบประมาณได้ จะทำให้เงินของเราบานปลาย ไม่สามารถควบคุมการใช้เงินได้ นี่เป็นเรื่องพื้นฐานที่จะช่วยให้เราสามารถที่จะวางแผนการเงินอย่างที่ประสบความสำเร็จ ต้องฝึกครับ
มุกดา
เป้าหมายมีไว้ให้พุ่งชนคะ ต้องแยกให้ออกนะคะ ระหว่าเป้าหมายกับความฝัน สองอย่างนี้ไม่เหมือนกันนะคะ เราชอบนะคะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ส่วนใหญ่แล้วคนเรามักกลัวเรื่องการลงทุนคะ กลัวว่าถ้าไม่ประสบความสำเร็จเงินที่มีก็จะหมดไปด้วย แต่ความกลัวแบบนี้เราว่ามันสามารถแก้ไขได้นะคะ เพียงแค่เราอย่าใจร้อนในการลงทุน ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน
ช้าง
ก่อนที่เราจะทำการลงทุนอะไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการคิดวางแผนเกี่ยวกับการเงินไว้ก่อนนะครับ ซึ่งถ้าใครคิดว่าจำเป็นต้องมีเงินเดือนแล้วค่อยเก็บออมเงินในส่วนของการลงทุนไว้แล้วเราก็ จริงๆแล้วไม่ใช่นะครับสามารถเก็บของได้ตั้งแต่ตอนนี้ที่เริ่มคิดได้แล้ว เพราะเงินสำหรับลงทุน่ กับเงินสำหรับการเก็บออมก็จะเป็นเงินคนละสวนกัน
คงเพ็ง
เห็นด้วยเลยนะครับที่บอกว่า การวางแผน เรื่อการเงิน ต้องมีเรื่องการลงทุนเข้ามาด้วยครับ แต่ ตอนนี้บอกตามตรงเลยนะครับ ว่าไม่สามารถทำได้เลยครับ ในเรื่องของการวางแผนการลงทุน เป็นอะไรที่ยากมากจริงๆครับ ในช่วงนี้ โควิด-19 เข้ามารอบที่3 นี้ทำให้ทุกอย่างจบลงจริงๆเลยนะครับ วางแผนแล้ว ตั้งใจที่จะทำนั้นทำนี้ พอเจอแบบนี้ จบเลยครับ ไปต่อไม่เป็นเลยจริงๆ