สำหรับหลายๆท่านที่ในวันนี้มีสวัสดิการกันอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการข้าราชการ สวัสดิการรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ อาจคิดว่าไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรเลยที่จะต้องซื้อสวัสดิการอะไรมาเพิ่มเติมให้สิ้นเปลืองเงินในกระเป๋า เพราะรู้สึกว่าได้รับการดูแลจากหน่วยงานที่มีความมั่นคงกันอยู่แล้ว จึงมองว่าการซื้อสวัสดิการเพิ่มเป็นเรื่องเกินความจำเป็นไป แต่อยากให้คิดสักนิดค่ะว่ากับโลกที่ไม่มีความแน่นอนในทุกวันนี้ การไปผูกติดกับสวัสดิการที่มีอยู่โดยที่ไม่ได้สร้างเอง และหวังว่าเขาจะดูแลเราได้ไปตลอดชีวิต คงเป็นเรื่องทีชะล่าใจจนเกินไปแล้วล่ะที่จะคิดเช่นนั้น เพราะอะไร? ในวันนี้เราจะได้ไปค้นหาเหตุผลด้วยกันค่ะว่าทำไมถึงบอกได้ว่าเป็นเรื่องชะล่าใจเกินไป? และทำไมเราไม่ควรเอาอนาคตไปผูกติดกับสวัสดิการที่ไม่ได้สร้างขึ้นมาเองกันอีกต่อไป กับ “5 เหตุผลที่เราควรมีประกัน แม้จะมีสวัสดิการแล้ว” จะมีเหตุผลอะไรกันบ้างนั้น เราไปติดตามพร้อมๆกันได้เลยค่ะ
สวัสดิการของเราที่ผูกติดอยู่กับโต๊ะ
แน่นอนค่ะว่าหากในวันนี้เรายังคงทำงานให้กับหน่วยงานได้อยู่ปกติ เราก็ยังคงจะได้รับการดูแลจากสวัสดิการที่เขามีให้ แต่หากวันใดวันหนึ่งที่เราไม่สามารถทำงานให้กับหน่วยงานได้แล้วล่ะ อย่างเช่น ลาออก หรือเกิดเหตุสุดวิสัยอื่นๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น อาจจะเป็นเพราะสุขภาพที่มีการเจ็บป่วยเรื้อรัง อุบัติเหตุที่ส่งผลทื่ทำให้ไม่สามารถไปปฏิบัติงานให้กับเขาได้แล้ว สิ่งเหล่านี้นั้นจะทำให้เรายังคงได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องตลอดไปจากเขาอยู่ไหม? แน่นอนว่าคงไม่เป็นเช่นนั้นแน่ แล้วถึงวันนั้นเราก็จะต้องตกอยู่ในสภาพที่กลายเป็นไม่มีใครเข้ามาดูแลในเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการรักษาพยาบาลกันอีกต่อไป ต้องก้มหน้ารับสภาพกับค่ารักษาตัวที่เกิดขึ้นจากเงินเก็บที่มีอยู่เองทั้งหมด นี่จึงเป็นเหตุผลแรกที่บอกได้ว่าทำไมจึงควรสร้างสวัสดิการด้วยการซื้อประกันให้กับตัวเอง ก็เพราะว่าสวัสดิการของเราที่ผูกติดอยู่กับโต๊ะมันไม่ความยั่งยืนยังไงล่ะ ซึ่งหากเราไม่สามารถปฏิบัติให้กับเขาในวันข้างหน้าได้เมื่อไหร่ วันนั้นเราก็ถึงคราวที่เราจะต้องตกที่นั่งลำบากในทันทีเลยล่ะค่ะ
เรื่องของอายุไม่เคยคอยใคร
หากว่าสุขภาพที่แข็งแรงดีอยู่คู่กับเรามั่นคงได้ตลอดไปเหมือนกับในวันนี้ที่ยังคงเป็นหนุ่นๆสาวๆกันอยู่ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดี และคงไม่เกิดปัญหาอะไร แต่ความเป็นจริงนั้นเรื่องของอายุไม่เคยคอยใคร อีกทั้งส่วนใหญ่ก็มักมีของแถมทะยอยตามมาพร้อมกับอายุที่มากขึ้นด้วยนั่นก็คือปัญหาสุขภาพนั่นเองค่ะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วอายุเริ่มแตะเลข 4 กันเมื่อไหร่ก็เริ่มๆที่จะมีอะไรออกมาบ่งบอกกันมาบ้างแล้ว ก็เนื่องจากความเสื่อมถอยของร่างกายตัวเรานั่นเองค่ะ นี่ยังไม่ได้นับรวมถึงในส่วนของโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ที่ใครๆต่างก็ไม่อยากจะได้รับเป็นมรดกกันอีก ที่ช่วยพาส่งให้สุขภาพร่างกายย่ำแย่หนักลงไปตามกาลเวลา เมื่อเราเข้าใจในวันเป็นจริงของข้อนี้กันดีแล้ว มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงควรทำประกันยังไงล่ะค่ะ เพราะในวันนี้หากเรายังอยู่ในวัยทำงาน อายุยังไม่มาก สุขภาพก็ยังยังแข็งแรงดีอยู่ การซื้อประกันก็จะเป็นเรื่องง่าย เพราะบริษัทประกันที่ไหนๆก็รับทำทั้งนั้น แถมเรายังได้รับเบี้ยประกันที่ถูกมากอีกด้วย แล้วจะนั่งรออายุให้แตะเลข 4 เข้าเลข 5 สุขภาพก็เสื่อมถอยลงกันทำไม เพราะในวันนั้นเราอาจจะไม่ได้แข็งแรงดีเหมือนเช่นในวันนี้ หรืออาจมีอาการของโรคโน้นโรคนี้เริ่มออกมาให้เห็น แล้วแบบนี้ต่อให้ในวันนั้นเรามีเงินซื้อประกัน แต่ก็คงไม่มีบริษัทประกันที่ไหนกล้ารับทำเป็นแน่ ถึงจะมีก็ต้องโดนบวกเบี้ยเพิ่มหนัก เห็นแล้วต้องกระอักเลือดอย่างแน่นอนค่ะ
สวัสดิการดีแต่สุขภาพแย่
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าอายุที่มากขึ้นก็จะพาให้สุขภาพร่างกายเสื่อมถอยลงไปด้วย ดังนั้นใครที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวกันอยู่ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจกันไปคิดว่ากว่าจะอายุเลข 4 เลข 5 ยังเป็นเรื่องไกลตัวค่ะ ถึงแม้ในวันนี้คุณอาจจะมีสวัสดิการดีๆจากหน่วยงานอยู่ แต่มันจะมีอยู่ได้อีกนานแค่ไหนคะ ตรงนี้ก็คงไม่มีใครหรอกที่จะบอกได้ โดยปกติสวัสดิการจากหน่วยงานที่เราได้รับกันอยู่นั้นมักจะให้มีการตรวจสุขภาพในทุกๆปีกันอยู่แล้ว ฉะนั้นหากในวันนี้ผลตรวจสุขภาพของคุณยังคงออกมาปกติแข็งแรงดีอยู่ ก็ควรรีบซื้อรีบสร้างสวัสดิการให้กับตัวคุณเองเสียก่อน ถึงแม้ว่าจะอยู่ในวันหนุ่มสาว แต่มันก็ไม่ได้เป็นตัวที่บ่งบอกว่าผลการตรวจสุขภาพในปีต่อๆไปของคุณจะปกติดีอยู่เช่นนี้ต่อไปจริงไหมคะ เพราะชีวิตที่ไม่อยู่บนความไม่แน่นอนอาจทำให้ผลการตรวจสุขภาพประจำปีไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็เป็นได้ค่ะ ยิ่งถ้าตรวจเจอโรคร้ายแรงอย่างเบาหวาน ความดัน มะเร็ง หรือภาวะเสี่ยงอื่นๆขึ้นมาเมื่อไหร่ ถึงเวลานั้นคิดอยากทำประกันขึ้นมา ประกันก็จะไม่ความคุ้มครองกับโรคที่คุณเป็นมาก่อนแล้วล่ะค่ะ แถมยังถูกเพิ่มค่าเบี้ยให้ต้องจ่ายแพงอีกด้วย เรียกได้ว่าสายเกินไปจริงๆค่ะ ดังนั้นการมีสวัสดิการดีแต่สุขภาพแย่มันจึงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะคุณจะมีมันอยู่ได้ก็เท่าที่คุณยังทำงานอยู่นั่นเอง
อย่าให้คนอื่นดูแลสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
สิ่งที่จะกล่าวถึงในหัวข้อที่ว่าอย่าให้คนอื่นดูแลสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตนี่ไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องของสุขภาพ และการเงินของตัวเราเองเท่านั้นค่ะ แต่ที่หมายถึงอยู่ในที่นี้ก็คือบรรดาบุคคลที่เรารักและรักเราทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ สามี ภรรยา และลูกของเราเอง ซึ่งสวัสดิการที่เรามีอยู่ในวันนี้แน่นนอนว่าได้ครอบคลุมไปถึงพวกเขาด้วย แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดเราเกิดหายไปขึ้นมาล่ะ สวัสดิการของพวกเขาที่มีอยู่ก็ต้องหายไปด้วยจริงไหมคะ แค่การที่เราหายไปก็นำพาความเสียใจมาให้พวกเขามากมายกันอยู่แล้ว และการอยู่ต่อไปของพวกเขาในขณะที่ยังคงต้องกินต้องใช้ ไม่มีเราคอยดูแลเหมือนเคยคงสร้างความลำบากกับพวกเขาได้ไม่น้อยเลยจริงไหมคะ การทำประกันจึงเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งที่เราสามารถจะสร้างหลักประกันไว้ให้กับพวกเขาในวันข้างหน้าได้ยามที่ไม่มีเราอยู่นั่นเองค่ะ
อย่าสร้างภาระให้คนที่รัก
มาถึงเหตุผลสุดท้ายที่เราควรทำประกันแม้ว่าจะมีสวัสดิการอยู่แล้วก็ตาม นั่นก็คืออย่าสร้างภาระให้คนที่รักค่ะ เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าชีวิตคนเรานั้นอยู่บนความไม่แน่นอน อะไรๆก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แล้วลองมาคิดต่อกันดูสิคะว่า หากในวันหนึ่งวันใดโชคร้ายขึ้นมา ร่างกายไม่สามารถกลับมาทำงานอาชีพได้ดังเช่นเคย จะเกิดอะไรขึ้นบ้างชีวิตของคุณและครอบครัวบ้าง? แน่นอนว่าคุณต้องถูกพิจารณาให้ออกจากงาน ขาดรายได้ สวัสดิการที่เคยมีมันก็ไม่มีอีกต่อไป มิหนำซ้ำเงินเก็บทั้งหมดที่มีของเราและของคนในครอบครัวยังต้องหมดไปกับค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นจากการดูแลตัวเราอีกด้วย ดังนั้นการซื้อประกันเก็บไว้จึงเป็นการลดความเสี่ยงของตัวเองให้น้อยลงในเรื่องของการจะเป็นภาระให้คนที่รักในวันข้างหน้าได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
เหตุผลหนักขนาดนี้..เห็นทีจะนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้..
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ “5 เหตุผลที่เราควรมีประกัน แม้จะมีสวัสดิการแล้ว” คงช่วยให้ทุกท่านรู้สึกอยากจะมีประกันให้กับตนเองกันมากขึ้นอีกเยอะเลยใช่ไหมคะ? อย่างที่กล่าวกันไปแล้วว่าชีวิตเราต่างก็อยู่บนความเสี่ยงที่อาจเกิดอะไรขึ้นได้ทุกเมื่อ จึงทำให้เราไม่อาจทราบได้ว่าในวันไหนที่เราออกจากบ้านไปทำงานมันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเราบ้าง? ดังนั้นการไม่ทำตัวให้ผูกตัวกับสวัสดิการที่มี ด้วยการสร้างสวัสดิการขึ้นมาให้กับตัวเองอย่างการซื้อประกันตั้งแต่วันนี้ จึงนับว่าเป็นการสร้างความอุ่นใจ และมั่นใจมากขึ้นในการใช้ชีวิตของเราในระยะยาว ที่ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเราเองเท่านั้น แต่รวมไปถึงบรรดาคนที่เรารักและรักเราทั้งหลายกันได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ
วีวี่ วีวี่
ถ้าทำได้มันก็ดีนะเรื่องประกันชีวิตน่ะค่ะ ประกันสุขภาพอีกอย่างที่น่าทำ บางคนที่มีประกันสังคมหรือว่าได้รับสวัสดิการจากที่ทำงานอยู่แล้ว ก็ทำประกันบางฉบับเพิ่มได้นะ อย่างเช่น ประกันที่ให้ความคุ้มครองเรื่องเงินชดเชยรายได้ หรือว่าคุ้มครองโรคร้ายแรง อะไรแบบเนี้ยอะค่ะ ยังไงก็ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ของตัวเราด้วยอะเนอะ
Ronnakrit718
ใครมีสวัสดิการจากที่ทำงานหรือว่าส่งเงินประกันสังคมเองก็ดีนะครับ อย่างน้อยก็มีความคุ้มครองในส่วนของค่ารักษาพยาบาลส่วนหนึ่ง หากมีค่าใช้จ่ายบางอย่างเกินกว่างบประมาณไปก็จ่ายเอง แต่ในเรื่องความคุ้มครองอื่นๆที่สวัสดิการหรือประกันสังคมไม่ได้มีให้ ก็น่าคิดนะครับว่าจะทำประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพเพิ่มเติมดีหรือไม่
กัญญาภัทร
สวัสดิการ ค่ารักษามีแบบค่อนข้างจำกัดเหมือนกันนะคะ ถ้ารักษานานๆก็แย่เลยนะคะ ประกันสุขภาพ ช่วยเอามาแบ่งเบาตอนที่สวัสดิการไม่คุ้มครองแล้ว เหมือนกับเรามีประกันสุขภาพหลายๆฉบับนั้นแหละ การคุ้มครองประกันเจ้าไหมหมดก็หันไปใช้ของอีกเจ้าหนึ่ง อย่างหวังแค่เพียวมีสวัสการอย่างเดียวคะ วางแผนให้ดีๆคะ ไม่อย่างนั้นจะลำบากเอาได้คะ
เส้นด้าย
ถึงจะมีสวัสดิการ ก็คุ้มครอง ไม่ครบ แบบที่ @ญญาภัทร บอกจริงๆคะ อย่างคุ้มครองโรคร้ายแรง ไม่น่าจะมีให้แน่นอนคะ แล้วถ้าเราเป็นโรคร้ายแรง ก็ขบเลย แต่ถ้ามีประกันที่คุ้มครองแบบนี้ อย่างน้อยก็ยังรักษาให้หายได้ แถม บางตัวก็ยังมีเงินชดเชยให้เราตอนที่ป่วยด้วย เห็นด้วยคะ ที่เราจะต้องมีประกันสุขภาพเพิ่มเข้าไปด้วย