การออมหุ้น คือ การลงทุนที่มั่นคงอย่างหนึ่งซึ่งเปรียบเทียบได้กับการลงทุนซื้อที่ดินเลยล่ะ ใครๆก็รู้ว่าการมีที่ดินนั้นไม่มีขาดทุนแถมราคายังเพิ่มขึ้นทุกๆปีด้วยหากคิดจะขายยังก็ได้กำไรแน่ๆ การออมหุ้นก็เป็นอย่างนั้นนั่นแหละ หากเพื่อนๆยังไม่รู้จักการ ออมหุ้น มากพอ บทความนี้อาสาจะอธิบายรายละเอียดให้เพื่อนๆได้รู้จักกับการ ออมหุ้น มากขึ้นค่ะ เผื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้กับคนที่อยากเพิ่มพูนเงินออมที่มีอยู่ให้งอกเงยเร็วขึ้นกว่าเดิม เพราะช่วงเวลาเดี๋ยวนี้การมองหาทางลัดเพื่อเดินไปข้างหน้า คือ ทางเลือกที่ฉลาดที่สุดแล้ว ทางลัดทางการเงินก็เช่นกันต้องศึกษาเอาไว้บ้างจะได้ไม่เสียเวลา มาเรียนรู้เรื่องการออมหุ้นกันเลย

วิธีการเลือกซื้อหุ้น เพื่อ ออมหุ้น

วิธีการเลือกซื้อหุ้น เพื่อ ออมหุ้น

การเลือกซื้อหุ้น แม้ว่าหุ้นที่เราจะซื้อมาจากบริษัทที่ใหญ่โตแต่ผลกำไรมีน้อยสถานการณ์ของบริษัทนั้นกำลังแย่หุ้นที่เราซื้อก็ทำเงินได้ยากเช่นกัน ดังนั้นก่อนซื้อหุ้นต้องศึกษาผลกำไรของบริษัทนั้นๆให้ดีเสียก่อน โดยเฉพาะสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ที่ผันผวนอย่างมาก บริษัทใหญ่ๆหลายๆแห่งมีผลกำไรที่ไม่แน่นอนจึงต้องดูให้ดีก่อนจะไปลงทุนกับเขานะ

ทางที่ดีเพื่อนๆควรศึกษาข้อมูลคร่าวๆของบริษัทต่างที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ก่อนสามารถหาข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของ ตลท. เหมือนกับการซื้อที่ดินเราต้องมองการณ์ไกลกันเอาไว้บ้างว่าในอนาคตมีแนวโน้มไปในทิศทางไหน การซื้อหุ้นก็ต้องมองการณ์ไกลเอาไว้ด้วยมองไปในอนาคตถึงผลกำไรของกิจการต่างๆ แล้วเลือกที่มั่นคงที่สุดแค่นี้เพื่อนๆก็จะได้ทำการลงทุนด้วยการออมหุ้นอย่างมั่นคงแล้วค่ะ

เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น เพื่อ ออมหุ้น

เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น เพื่อ ออมหุ้น

รู้หลักการของการเลือกซื้อหุ้นกันไปบ้างแล้วนะ ถ้าเกิดเจอหุ้นที่สนใจขึ้นมาอยากซื้อจะต้องทำอย่างไร? ก็ต้องเริ่มจากการเปิดบัญชีซื้อขายไง การเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นก็มีหลายแบบให้เพื่อนๆได้เลือกนะ ควรที่จะเลือกเปิดบัญชีหุ้นในแบบที่เหมาะกับนิสัยทางการเงินของตัวเองให้มากที่สุดด้วยนะจะได้ไม่มีปัญหา บัญชีซื้อขายหุ้นมีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ คือ บัญชีเงินสด บัญชีมาร์จิ้น บัญชีแคชบาลานซ์  บัญชีแต่แบบแตกต่างกันอย่างไร? แล้วเหมาะกับใครบ้างมาดูกัน

บัญชีเงินสด Cash Account

เหมาะสมกับคนที่มีนิสัยทางการเงินที่ดีมีวินัยทางการเงินที่สม่ำเสมอ เพราะเป็นบัญชีที่ทำให้เจ้าของบัญชีสามารถลงทุนก่อนแล้วจ่ายทีหลังได้ นั้นหมายความว่า เพื่อนๆต้องมีเงินสำรองอยู่บ้างแล้วไม่ว่าจะเป็นเงินสดในบัญชี หรือเงินจากกองทุนต่างๆ ซึ่งโบรกเกอร์จะใช้เงินเหล่านั้นเป็นหลักประกันในการอนุมัติการซื้อหุ้นของเพื่อนๆค่ะ แต่จะไม่ตัดเงินทันทีแต่ตัดเงินหลังจากนั้น 2 วัน ซึ่งจะใช้เป็นขั้นตอนเดียวกันกับการขายหุ้นด้วย

บัญชีมาร์จิ้น Margin Account

เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่อยากเสียเงินของตัวเองทั้งหมดซื้อหุ้นแต่ก็อยากจะลงทุน สามารถเปิดบัญชีนี้เพื่อขอสินเชื่อจากโบรกเกอร์มาทำการซื้อหุ้นก่อนได้ค่ะ เป็นการเติมเต็มเงินที่เพื่อนๆมีอยู่แล้วให้พอสำหรับการซื้อหุ้น เหมือนเป็นการกู้เงินมาซื้อหุ้นนั่นเอง แต่เพื่อนๆจะต้องใช้เงินที่ตัวเองมีอยู่เพื่อซื้อหุ้นด้วยนะจะใช้เงินที่กู้มาซื้อหุ้น 100% ไม่ได้ ต้องเป็นดังนี้ เงินของเพื่อนๆ 50% เงินที่กู้จากโบรกเกอร์ 50% แล้วยังต้องจ่ายดอกเบี้ยในส่วนของเงินกู้ด้วยนะ จึงถือว่าการเปิดบัญชีแบบนี้มีความเสี่ยงอยู่มากที่จะทำให้มีปัญหาทางการเงิน ก่อนเปิดบัญชีแบบนี้ต้องวางแผนให้ดีก่อนนะ

บัญชีแคชบาลานซ์ Cash Balance

เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ หรือใครที่ไม่ต้องการความยุ่งยากและอยากซื้อขายหุ้นอย่างตรงไปตรงมาไปเลย มีเงินเท่าไหร่ก็จ่ายเท่านั้น ให้เงินในบัญชีมีเพียงพอสำหรับราคาหุ้นที่จะซื้อเท่านั้น การเปิดบัญชีนี้ช่วยให้เพื่อนๆสามารถจำกัดวงเงินการลงทุนได้อย่างดีด้วยค่ะ สำหรับใครที่ไม่วุ่นวายบัญชีการซื้อขายหุ้นแบบนี้คือดีที่สุดนะ บัญชีซื้อขายหุ้นก็มีตั้ง 3 รูปแบบ เพื่อนๆสะดวกแบบไหนก็เลือกเปิดบัญชีตามสไตล์ของตัวเองได้เลย

เวลาที่ดีในการซื้อหุ้น

เวลาที่ดีในการซื้อหุ้น

เผื่อนักลงทุนมือใหม่ยังไม่รู้การซื้อขายหุ้นมีวันเวลาด้วยนะ จะซื้อขายหุ้นก็ต้องซื้อในวันที่ตลาดหลักทรัพย์เปิดทำการนั่นก็คือ วันจันทร์ – ศุกร์ ส่วนเวลาก็เป็นในช่วง Pre open ซึ่งจะมีวันละ 2 เวลา คือ 10.00 – 12.30 และ 14.00-16.30 ค่ะ ส่วนใครที่ซื้อขายหุ้นผ่านช่องทางออนไลน์สามารถสั่งซื้อได้ตลอด 24 ชม.นะ แต่คำสั่งซื้อจะมีผลในวันถัดไป

ซึ่งคำสั่งซื้อขายหุ้นของเพื่อนๆจะเข้าไปอยู่ในระบบของตลาดหลักทรัพย์ที่จะทำการจัดการให้ตามลำดับของราคาหรือคิวนั่นเอง จึงเป็นเหตุผลที่เพื่อนๆมักจะเห็นนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นต้องคอยดูตัวเลขในตารางที่แสดงอยู่บนจอกันบ่อยๆยังไงล่ะ ลองซื้อขายหุ้นดูสิ เพื่อนๆอาจจะเป็นหนึ่งในนั้นที่คอยมองจอนั้นก็เป็นได้

ค่าธรรมเนียมต่างๆ

ค่าธรรมเนียมต่างๆ

นอกจากเงินลงทุนที่ต้องเตรียมเพื่อซื้อหุ้นแล้วก็อย่ามองข้ามค่าธรรมเนียมนะ เพราะมีค่าธรรมเนียมให้ต้องเสียอยู่หลายอย่างเหมือนกัน มีค่าธรรมเนียมอะไรบ้างที่ต้องเสีย?

  • ค่าธรรมเนียมตลาดหลักทรัพย์ 0.005%
  • ค่าธรรมเนียมการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ 0.001%
  • ค่าธรรมเนียมการกำกับดูแล 0.001%

รวมๆแล้วค่าธรรมเนียมที่ต้องเสีย คือ 0.007% ก็ถือว่าไม่ได้มากมายอะไรแต่อะไรที่ต้องเสียต้องจ่ายก็ต้องคิดให้หมดนะจะละเลยไม่ได้ เพื่อการลงทุนที่คุ้มค่าค่ะ

ออมเงินอย่างเดียวคงไม่พอ มาลอง ออมหุ้น กันบ้างดีกว่า

ออมเงินอย่างเดียวคงไม่พอ มาลอง ออมหุ้น กันบ้างดีกว่า

คิดจะออมหุ้นก็ต้องเริ่มจากการออมเงินก่อนนะ แต่ถ้าออมเงินแล้วเงินเพิ่มช้าก็ใช้ทางลัดเพื่อจะเพิ่มพูนเงินเก็บด้วยการซื้อหุ้นเอาไว้บ้างมันก็ดี แต่ก็อย่าทิ้งการออมเงินล่ะ เพราะเงินที่ได้มาจากการออมหุ้นก็ต้องเก็บออมกันต่อไปถึงจะดีที่สุด ยังไงก็แล้วแต่การออมหุ้นก็ยังถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับใครที่คิดอยากจะลงทุนอะไรสักอย่างที่มั่นคงเอาไว้บ้าง

บทความนี้ก็ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นให้กับเพื่อนๆได้ศึกษาเอาไว้ไม่น้อย ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็ลองลงทุนกันดูนะคะ แล้วการออมเงินของเพื่อนๆจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไปแต่มีอะไรให้ทำเพิ่มขึ้น หากอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง